ภารกิจรัก ภารกิจแค้น ตอนที่ 31 (ครบ 100 % ทีเดียวเลยค่ะ)

ถ้าเพื่อนๆ มีเรื่องที่น่าสนใจและต้องการแบ่งปันเนื้อหา หรือร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการเป็นนักเขียนมืออาชีพ

Moderator: Gals, B.Comics, พี่บี

ตอบกลับโพส
athita
โพสต์: 41
ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ 11 เม.ย. 2009 11:15 pm

ภารกิจรัก ภารกิจแค้น ตอนที่ 31 (ครบ 100 % ทีเดียวเลยค่ะ)

โพสต์ โดย athita »

มาแล้วจ้า ตอนที่ 31....มาตรงเวลาแล้วนะ เพราะฉะนั้นช่วยคอมเม้นต์มาเยอะ ๆ เลย อาทิตาอาจจะใจดีอัพให้อีกตอนวันอาทิตย์ที่ 2 สิงหานี้เลยก็ได้ เพราะตอนที่ 32 ใกล้จะจบแล้ว
อาทิตย์หน้าคนเขียนจะขึ้นมาเยือนเมืองฟ้าอมร เลยไม่แน่ใจว่าจะมีเวลาได้อัพอีกหรือไม่ ถ้าไม่ได้ก็ต้องรอวันที่ 9 สิงหาเลยนะคะ หุ หุ หุ อาจจะได้อัพทีเดียวจนจบเลยก็ได้ แล้วพบกันค่ะ....อาทิตา


ตอนที่ 31 เจ้าบ่าวใจร้าย (100% จ้า)

หลังจากผ่านการฮันนีมูนแสนหวานได้สองวันเต็ม ๆ วิชญ์และพิชญธิดาก็จำใจต้องบอกลาผืนฟ้ากว้างที่ยาวจรดผืนน้ำใสและหาดทรายขาว เพื่อกลับเข้ากรุงเทพฯด้วยหัวใจที่แช่มชื่นและชุ่มฉ่ำเพราะใจสองดวงได้หล่อหลอมรวมกันเป็นหนึ่งเดียวแล้ว....ใจจึงแกร่งขึ้นกว่าเท่าตัว

บนเครื่องบินชั้นธุรกิจ พิชญธิดานั่งกอดอัลบั้มรูปถ่ายชุดแต่งงานขนาดโปสการ์ดที่ทีมงานของ ?L?amour* Studio? รีบนำมาให้คัดเลือกเพื่อที่จะสั่งอัดขยายเป็นขนาดใหญ่เพราะรู้ดีว่าหนุ่มหล่อสาวสวยคู่นี้เดินทางมาจากกรุงเทพฯ และอีกสามวันก็ต้องเดินทางกลับ พิชญธิดาและวิชญ์ช่วยกันเลือกรูปที่ถูกใจและในที่สุดก็เลือกได้ถึง 4 รูปซึ่งแต่ละรูปนั้นมีท่าทางของนายแบบและนางแบบแตกต่างกันออกไป คือ รูปที่หนึ่ง รูปจูบรับตะวันที่เป็นรูปแรกของวันซึ่งทั้งวิชญ์และพิชญธิดาต่างเห็นพ้องต้องกันว่า ?หวานได้ใจ? จนต้องขยาย ต่อมาก็เป็นรูปที่สองซึ่งวิชญ์เป็นคนเลือกและได้รับการอนุมัติจากแฟนสาว คือ รูปที่หญิงสาวในชุดเจ้าสาวกำลังวิ่งไล่กวดชายหนุ่มในชุดเจ้าบ่าวอยู่บนชายหาด....รูปที่เขาบอกว่าไม่ต้องเก๊กและบิ๊วด์อารมณ์เลย ส่วนรูปที่สาม คือ รูปที่พิชญธิดาถูกใจเป็นพิเศษเพราะเป็นรูปที่เธอกำลังขี่หลังแฟนหนุ่มที่ยอมทำตัวเป็นอาชาหนุ่ม เธอยังจำได้ว่ากว่าจะได้รูปที่สวยถูกใจทั้งทีมงานและตัวเธอนั้น วิชญ์ต้องวิ่งแบกเธอไปมาจนลิ้นห้อย และรูปสุดท้าย คือ รูปจูบลาตะวันที่กำลังตกน้ำซึ่งเป็นอีกรูปที่ทั้งสองคนต่างก็บอกว่า ?ต้องขยาย? หลังตกลงขนาดและชนิดของกรอบรูปกับทางทีมงานได้เรียบร้อยแล้ว พิชญธิดาจึงขอทีมงานเก็บอัลบั้มที่มีรูปตัวอย่างที่ยังไม่ได้รีทัชแต่อย่างใดไว้เป็นที่ระลึก ซึ่งทางทีมงานก็ไม่ได้ขัดข้องแต่อย่างใดเพราะลูกค้ารายนี้ ?จ่ายงาม? อัลบั้มที่ว่าจึงมาอยู่ในมือพิชญธิดาและเมื่อได้เปิดดูหลายรอบจนหนำใจแล้ว หญิงสาวก็นำมันมากอดไว้แนบอก เพื่อที่จะส่งความสุขและความทรงจำในวันนั้นเข้าไปถึงหัวใจของเธอ.....หัวใจที่มีเจ้าของชื่อว่า วิชญ์ นิมมานรดี

?เป็นอะไรครับคนสวย นั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่คนเดียวตั้งนานแล้ว? วิชญ์ที่เพิ่งพับหนังสือพิมพ์ธุรกิจเก็บและหันมาเห็นว่าคนรักกำลังนั่งยิ้มอยู่คนเดียวเอ่ยปากแซว.....ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าเธอยิ้มเพราะอะไร ที่เธอยิ้มได้หวานจับใจแบบนี้ก็คงเป็นเรื่องเดียวกันกับที่ทำให้เขายิ้มได้อย่างแน่นอน.....ความรักทำให้คนยิ้มได้

?ยิ้มที่ได้กลับกรุงเทพฯเสียทีมั้งคะ? พิชญธิดาตอบกลับอย่างยียวน

?ไม่เชื่อครับ เพราะเมื่อเช้าอัณณ์ยังพูดอยู่เลยว่ายังไม่อยากกลับ ยังอยากอยู่กับผมสองคนอีกหลาย ๆ วัน? วิชญ์เย้ากลับซึ่งก็ส่งผลให้คนถูกหยอกหน้าแดงแจ๋เพราะรู้ถึงความนัยที่เขาสื่อออกมาทั้งจากคำพูดกำกวมและนัยน์ตาหวานแพรวระยับ

?บ้า! ใครจะอยากอยู่กับคุณอีก หลงตัวเองชะมัด?

?เปล่าหลงตัวเองนะ หลงอัณณ์ต่างหาก หลงหัวปักหัวปำเลยนะเนี่ย? วิชญ์ล้อหญิงสาวต่ออย่างคึกคะนอง ก่อนที่จะพูดเป็นการเป็นงานว่า

?อัณณ์พร้อมแล้วนะ พร้อมที่จะเผชิญกับมันแล้วใช่ไหม? วิชญ์จับมือแฟนสาวขึ้นมากุมไว้เพื่อให้กำลังใจ และจูบลงบนแหวนเพชรเม็ดงามที่นิ้วนางข้างซ้ายของคนรัก แหวนหนึ่งวงที่ร้อยสองดวงใจเข้าด้วยกัน

?ค่ะ อัณณ์พร้อมแล้ว? พิชญธิดาตอบด้วยน้ำเสียงและแววตาที่มุ่งมั่นอย่างที่บอกกับเขา เธอพร้อมที่จะรับมือกับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นแล้ว ไม่ใช่ว่าจะทำใจได้ แต่เพราะมีแรงใจต่างหาก แรงใจที่จะช่วยกันฝ่าฟันอุปสรรคนี้ไปด้วยกัน

?อัณณ์พร้อม.....เพราะมีคุณ? เสียงหวานตอบเบา ๆ แต่กลับได้จุมพิตหนัก ๆ กลับมาแทน เพราะพูดผิดไปนิด

?เรามีเราต่างหากล่ะครับ? วิชญ์แก้

************************

การเตรียมงานแต่งงานซึ่งถือว่าเป็นงานใหญ่งานหนึ่งของสังคมกรุงเทพฯ ทุกอย่างถูกจัดการไปอย่างเรียบร้อยด้วยทีมงานมืออาชีพโดยมีว่าที่เจ้าสาวเป็นผู้ควบคุมทุกขั้นตอน.....อยู่คนเดียว แต่ญาดาที่กำลังมีความสุขกับการที่จะได้เป็นเจ้าสาวของเจ้าพ่อวงการโรงแรมทำให้เธอมองข้ามความเหน็ดเหนื่อยในการตัดสินใจทุกอย่างแต่เพียงผู้เดียวออกไป เธอบอกตัวเองในใจว่า วิชญ์ให้เกียรติเธอเต็มที่ต่างหาก และหลังจากที่เพียรพยายามติดต่อว่าที่เจ้าบ่าวไม่ได้เลยเป็นเวลาร่วมอาทิตย์แล้ว วันนี้ความพยายามของเธอก็สำเร็จ

?ฮัลโหล คุณวิชญ์คะ ด้านะคะ แหม! ติดต่อยากจริงเชียว กลับมาจากต่างประเทศแล้วหรือคะ?

?ครับ? วิชญ์ที่เข้ามาเคลียร์งานที่คั่งค้างหลังจากที่แอบหนีไปเที่ยวกับพิชญธิดาสองต่อสองเสียหนึ่งอาทิตย์เต็ม ๆ ตอบกลับอย่างสั้น ๆ แต่ไม่ห้วน ญาดาคงโชคร้ายไปหน่อยเพราะโทรมาผิดจังหวะ วิชญ์นั่งใช้สมาธิเคลียร์งานที่คั่งค้างตั้งแต่ช่วงเช้า และตอนนี้ก็กำลังหัวเสียที่ตัวเลขค่าใช้จ่ายของโรงแรมในเดือนนี้ของฝ่ายบัญชีและฝ่ายจัดซื้อนั้นไม่ตรงกัน เขากำลังจะกดโทรศัพท์ไปตามหัวหน้าแผนกทั้งสองคนให้ขึ้นมาชี้แจง แต่ญาดาก็โทรเข้ามาในช่วงที่เขากำลังหงุดหงิดอยู่พอดี หงุดหงิดทั้งเรื่องตัวเลขและเริ่มเหนื่อยล้ากับงานที่สุมค้างไว้เสียหลายวัน ที่วิชญ์ทำได้ดีมากที่สุดในตอนนี้ คือ ไม่พานอารมณ์เสียใส่คนที่ไม่รู้เรื่องอย่างญาดา แต่ถ้าจะให้เขาเอาอกเอาใจเธออย่างคนรักทั่วไป....คงเป็นไปได้ยาก

?คุณวิชญ์อยู่ไหนคะ ทำอะไรอยู่หรือเปล่า พอดีด้าจะชวนไปลองชุดแต่งงานน่ะคะ คุณวิชญ์ว่างไหมคะ? ญาดาผู้พยายามทำให้งานแต่งงานในฝันของเธอออกมาสวย เลิศ และเพอร์เฟ็คที่สุด ไม่ได้สนใจคำตอบของสองคำถามแรกเลยแม้แต่น้อย เธออยากได้ยินเพียงคำตอบของคำถามข้อสุดท้าย และต้องการคำตอบที่ถูกใจเสียด้วย

?ตอนนี้ไม่ว่างเสียด้วยสิครับ ผมกำลังเคลียร์งานทุกอย่างที่คั่งค้างอยู่ครับ คุณด้าไปเองได้ไหมครับ?

?อ้าว! แล้วชุดของคุณวิชญ์ล่ะคะ? ญาดาพยายามข่มเสียงที่ผิดหวังเอาไว้ ที่เธอเอ่ยปากชวนเขาไปลองชุดแต่งงานนั้น แท้จริงแล้วมีจุดประสงค์อื่นแอบแฝง เธออยากชวนวิชญ์ไปถ่ายรูปแต่งงานด้วยกันต่างหาก ซึ่งทางทีมออร์การ์ไนเซอร์ก็รับปากเป็นมั่นเป็นเหมาะแล้วว่าจะลัดคิวลูกค้าคู่อื่น ๆ ให้ก่อน แต่ถึงแม้จะลัดคิวได้ ถ้าไม่มีเจ้าบ่าวให้ความร่วมมือ แล้วจะให้เธอถ่ายกับใครกัน

?ผมใส่สูทนี่ครับ คงไม่ต้องตัดใหม่ คุณด้าจะให้ผมใส่สีอะไรล่ะ ผมมีเกือบทุกสีล่ะครับ? วิชญ์ตอบพลางกวาดตาดูตัวเลขในมือของฝ่ายบัญชีอีกครั้งหนึ่ง

?แล้วรูปแต่งงานของเราล่ะคะ เราเหลือเวลาอีกสองอาทิตย์เองนะคะ วันนี้ทางสตูดิโอเขาไม่มีคิวคู่อื่น เขาจะถ่ายและเร่งจัดการให้เราเลย เสร็จทันวันงานแน่นอนค่ะ? ญาดาตัดสินใจบอกจุดประสงค์ที่แท้จริงกับวิชญ์ไปในที่สุด

?เหรอครับ แต่ผมไม่ค่อยชอบถ่ายรูปเสียด้วยสิ เอาอย่างนี้ได้ไหม เราใช้แค่รูปเก่า ๆ แล้วให้ทีมงานเขาใช้ทำพรีเซ็นเทชั่นก็พอ ส่วนรูปแต่งงานค่อยไปถ่ายเอาในวันจริงทีเดียวเลย ว่าไงครับ? วิชญ์จำใจต้องวางเอกสารในมือลง เขาเข้าใจหัวอกลูกผู้หญิงดีทีเดียวในเรื่องนี้เพราะได้เห็นความดีใจอย่างท่วมท้นของแฟนสาวมาแล้วในวันที่ได้ถ่ายรูปแต่งงานด้วยกันกับเขาที่ภูเก็ต แต่เขาไม่อยากทำร้ายทั้งญาดาและพิชญธิดาไปมากกว่านี้ ญาดาไม่ได้ทำผิดอะไรเลย นอกเสียจากโชคร้ายที่เกิดมาเป็นลูกของไอ้ฆาตกรเมธินทร์ เขาไม่อยากให้เธอเจ็บช้ำมากไปอีกในวันที่ต้องมารู้ความจริง.....ว่าเขาไม่เคยรักเธอ และเธอมีค่าเป็นเพียงหมากตัวหนึ่งในเกมการแก้แค้นของเขาเท่านั้น รูปถ่ายพวกนี้จะเป็นหลักฐานคอยตอกย้ำและสร้างความเจ็บปวดรวดร้าวให้กับเธอมากยิ่งขึ้นเขาจึงไม่อยากทำ และในนาทีนี้เขามีคนที่ต้องห่วงใยและแคร์ความรู้สึกมากที่สุดอยู่แล้ว พิชญธิดาคือคนสำคัญที่สุดของเขา......ยิ่งเธอเป็นของเขาแล้วด้วยนั้น เขายิ่งไม่อยากให้เธอต้องเห็นรูปถ่ายแบบเดียวกันไม่ว่าจะถ่ายด้วยความเต็มใจหรือไม่ก็ตาม พิชญธิดาเสียสละเพื่อเขามามาก เขาต้องถนอมน้ำใจเธอ......ผู้เป็นที่รัก วิชญ์จึงต้องปฏิเสธญาดาเพื่อตัดปัญหาทั้งมวลที่จะตามมาในภายหลัง

แต่สำหรับญาดาแล้ว ก่อนหน้านี้เธอพยายามเข้าข้างความคิดฝ่ายดีว่า วิชญ์ที่เป็นนักธุรกิจมือทองคงยุ่งกับงาน ไม่มีเวลา เลยให้เธอต้องวิ่งรอกดูแลทุกอย่างอยู่คนเดียว แต่ ณ นาทีนี้ เธอเริ่มรู้สึกว่าวิชญ์ไม่ได้เต็มใจที่จะแต่งงานกับเธอเลย อะไรก็โยนมาให้เธอคนเดียวอย่างที่ป๊าของเธอบอกอย่างโมโห เขาไม่เคยห่วงหาอาทร ไม่เคยแสดงออกซึ่งความรัก เห็นได้ชัด ๆ จากการที่เขาขาดการติดต่อไปเป็นอาทิตย์ คนที่กำลังจะแต่งงานกันเขาทำกันแบบนี้หรือ แถมมาวันนี้วิชญ์ยังปฏิเสธที่จะถ่ายรูปแต่งงานกับเธออีก รูปที่หญิงสาวทุกคนต่างก็อยากมีโอกาสสักครั้งที่จะได้เป็นนางแบบ รูปที่เธออยากจะใช้ประกาศให้คนอื่น ๆ ได้รับรู้ว่าเขาและเธอนั้นคู่กัน แต่ก็คงไม่มีโอกาสนั้นเพราะวิชญ์ตอบมาอย่างไม่เหลือเยื่อใย ความรู้สึกหวาดระแวงและไม่มั่นใจในงานแต่งงานครั้งนี้และในความรักครั้งนี้เริ่มก่อตัวอย่างเงียบ ๆ ในใจเธอ วิชญ์รักเธอไหม เธอไม่มีคำตอบเพราะเขาไม่เคยบอก......แล้ววิชญ์มาขอเธอแต่งงานทำไมกัน

?คุณด้าครับ ฟังอยู่หรือเปล่า? วิชญ์เรียกญาดาเพราะเห็นว่าเธอเงียบไป

?อ๋อ! ฟังอยู่คะ แต่....แต่ด้านึกภาพงานแต่งงานที่ไม่มีรูปภาพของเจ้าบ่าวเจ้าสาวไม่ออกเลย แขกที่มาในงานคงงงและคงไปเม้าท์กันสนุกปาก?

?ก็บอกเขาไปสิครับว่าเราอยากจัดงานแบบไม่เหมือนใคร คุณด้าอย่าไปแคร์คนอื่นเลยครับ เขามาเป็นสักขีพยานให้เราแค่สองสามชั่วโมงเอง อย่าเอามาเป็นเรื่องทุกข์ร้อนใจเลยครับ? เหตุผลของวิชญ์ที่มีเจตนาดีต่ออนาคตของญาดาในวันข้างหน้า แต่กำลังทำร้ายเธอในวันนี้ ญาดาเริ่มมั่นใจว่าวิชญ์ไม่แคร์ความรู้สึกของเธอเลย ความรู้สึกของคนรักกันไม่มีให้เธอเลย

?แต่....แต่ด้าอยากถ่ายนี่คะ เพื่อน ๆ ด้าเขาก็ถ่ายกันทั้งนั้น ใคร ๆ เขาก็มี ไปงานไหน ๆ ก็ต้องมีรูปเจ้าบ่าวเจ้าสาวตั้งโชว์แขกเหรื่อ แล้วงานของเราจะไม่มีหรือคะ? ญาดาใช้น้ำเสียงออดอ้อนเพื่อให้วิชญ์ยอมใจอ่อน

?แต่ผมยังไม่ว่าง เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน ถ้าคุณด้าอยากถ่าย คุณด้าก็ไปถ่ายช็อตของคุณด้าก่อน แล้วผมค่อยไปถ่ายส่วนของผมทีหลัง? วิชญ์เริ่มออกอาการหงุดหงิด เพราะญาดาดูท่าจะไม่ยอมจบง่าย ๆ อีกทั้งปัญหาในมือที่เขาต้องการจะสะสางให้เร็วที่สุด เพราะอยากรู้ว่าตัวเลขที่ไม่ตรงกันนั้นมันเกิดจากข้อผิดพลาดหรือการฉ้อโกงกันแน่ น้ำเสียงของวิชญ์จึงเริ่มห้วนและแข็งกระด้างขึ้นอย่างไม่รู้ตัว

?ได้ไงคะ! รูปแต่งงานนะคะก็ต้องถ่ายสองคนพร้อม ๆ กันสิคะ? ญาดาพูดด้วยเสียงสูงเพราะคาดไม่ถึงว่าวิชญ์จะบอกเธอแบบนี้ มีที่ไหนกันถ่ายรูปแต่งงานคนละครั้ง

?ต่างคนต่างถ่ายก็ได้ครับ แล้วค่อยให้เขาใช้กราฟฟิคช่วยเอา ไม่มีใครดูรู้หรอกครับ ช่างเขาเก่ง? วิชญ์ไม่รู้เลยว่ายิ่งเขาหาวิธีปัด ญาดาก็ยิ่งเจ็บปวดกับสิ่งที่ได้ยิน

?คุณวิชญ์ล้อด้าเล่นใช่ไหมคะนี่? ญาดาภาวนาให้วิชญ์ตอบว่าใช่

?เปล่าครับ ผมพูดจริง ๆ? วิชญ์ยืนยันคำเดิม แม้ในใจจะสงสารคู่หมั้นสาวอยู่บ้าง แต่ก็ต้องตัดใจเมื่อนึกขึ้นได้ว่าเขากำลังทำอะไรอยู่ ?คุณด้าครับ ผมขอโทษจริง ๆ?

?ถ้าต้องถ่ายแบบนั้น ด้าไม่ถ่ายดีกว่าค่ะ อายเขาตายเลย? เสียงหญิงสาวเริ่มเครือเพราะผิดหวังกับคำตอบของคู่หมั้นหนุ่ม วิชญ์เงียบไปสักพักหนึ่งก่อนที่จะหาทางออกที่ดีขึ้นได้ เขาจึงบอกกับญาดาว่า

?งั้นเอาอย่างนี้ก็แล้วกันครับ เดี๋ยววันที่เรานัดแถลงข่าวกับพวกนักข่าว เราค่อยให้ทีมงานเขามาถ่ายให้แล้วกัน ให้มาถ่ายที่ห้องทำงานผมเลย หรือจะลงไปถ่ายที่สวนของโรงแรมก็ได้ ถ้าคุณด้าจะถ่ายกับชุดเจ้าสาวก็เตรียมมาเลย เอาสักรูปสองรูปก็พอนะครับ คุณด้าจะได้เอาไปตั้งอวดใครๆ เขาหน้างานได้ แบบนี้โอเคไหมครับ เราจะได้ไม่ต้องวุ่นวายและเสียเวลาไปกับการถ่ายรูปเป็นวัน ๆ ผมอายน่ะครับ ไม่ค่อยชอบถูกถ่ายรูปสักเท่าไร? กับคนที่เกลียดเพราะเธอเป็นลูกสาวของศัตรูวิชญ์ก็ใจร้ายใจดำได้น่าดู เขาไม่รักษาน้ำใจคู่หมั้นสาวกำมะลอเลย อาจเพราะเขาไม่ได้คิดว่าการตกลงแต่งงานกับเธอเพื่อเข้าไปหาความจริงในบ้านของไอ้เมธินทร์จะนำมาซึ่งความยุ่งยากแบบนี้ นอกจากนั้นทุกนาทีหลังจากที่กลับมาจากภูเก็ตแล้วนั้น ผู้หญิงที่เขาจะต้องถนอมน้ำใจก็มีอยู่เพียงคนเดียวเท่านั้น.......คนที่ได้ชื่อว่าเป็นภรรยาของเขาแล้ว

?แบบนั้นก็ได้ค่ะ? ญาดายอมเห็นด้วย อย่างน้อยก็คงดีกว่าไม่ได้ถ่ายเลย หญิงสาวที่กำลังจะเข้าพิธีวิวาห์คนนี้คงเสียใจน่าดูหากได้รู้ว่าคู่หมั้นหนุ่มที่ปากบอกกับเธอว่าไม่ชอบถูกถ่ายรูปนั้น กลับยอมยืนกลางแสงแดดจ้าบนพื้นทรายร้อน ๆ เป็นวัน ๆ และแบกคนรักไว้บนหลังเพื่อถูกถ่ายรูปตามคำสั่งของหวานใจอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ญาดาไม่รู้เลยว่าวิชญ์นั้นยอมทำได้ทุกอย่างเพื่อคนที่เขารัก.....ซึ่งไม่ใช่เธอ ญาดายังแอบคิดในใจต่อว่าถ้าเจ้าบ่าวของเธอเป็นธีรุตม์คนที่ซึ่งคอยแสดงความห่วงใยและเอาใจใส่ต่อเธอมากกว่าวิชญ์ เขาจะตอบปฏิเสธแบบนี้ไหม เขาจะทำร้ายจิตใจเธอไหม ญาดามั่นใจว่าคำตอบของธีรุตม์ คือ ไม่ อย่างแน่นอน เธอมั่นใจในตัวธีรุตม์อย่างเต็มปรี่แต่ไม่มั่นใจในตัววิชญ์เลย.....แม้สักนิดก็ไม่มี

************************

สองอาทิตย์ถัดมา?..

วันพรุ่งนี้แล้วที่จะเป็นวันแต่งงานของวิชญ์ นิมานรดี และญาดา พัฒนไพศาล แต่พิชญธิดาก็ไม่มีท่าทีที่จะเศร้าโศกเสียใจอะไรเลย ผู้คนรอบข้างไม่ว่าจะเป็นคู่หูบอดี้การ์ด เมธปรียา หรือวรปรัชญ์ ต่างดูแลเทคแคร์เธอเป็นอย่างดีเพราะกลัวว่าหญิงสาวจะเสียใจจนล้มป่วยไป แต่ทุกคนก็ผิดคาดเพราะนอกจากเธอจะไม่แสดงอาการเสียใจแล้ว พิชญธิดายังร่าเริงสดใสเหมือนได้ยาดี.....ยาใจวิเศษ

แม้กระทั่งวันที่วิชญ์พาคู่หมั้นสาวมาแถลงข่าวงานแต่งงานที่โรงแรม และพากันลงไปถ่ายรูปแต่งงานที่บริเวณสวนและสระว่ายน้ำของโรงแรมนั้น พิชญธิดาก็ไม่มีปฏิกิริยาใด ๆ ที่แสดงอาการสะเทือนใจให้ผู้คนรอบข้างที่ต่างก็เป็นห่วงต้องกังวล นอกจากจะบอกว่า ?อัณณ์ทำใจได้แล้วค่ะ? และถึงแม้ใคร ๆ จะดีใจที่พิชญธิดาไม่ฟูมฟายเสียใจ แต่ต่างก็สงสัยว่าอะไรที่ทำให้เธอเข้มแข็งและทำใจได้เร็วขนาดนี้ วรปรัชญ์ที่เป็นห่วงและกลัวว่าเพื่อนซี้จะเป็นบ้าเพราะเก็บความเสียใจไว้ภายในแต่เพียงผู้เดียว เขาจึงมาหาพิชญธิดาถึงที่ทำงานและถามเธอว่า

?อัณณ์ แกบอกฉันได้ไหมว่าทำไมแกถึงปลงตก ทำไมแกถึงทำใจได้แล้ว แกไม่เศร้าเลยเหรอที่คุณวิชญ์กำลังจะแต่งงานกับยายญาดานั่นน่ะ นี่แกกำลังตบตาพวกฉันใช่ไหม ที่จริงแกเสียใจมากแต่เก็บไว้ในใจอยู่คนเดียวใช่ไหมอัณณ์?

แต่คำตอบที่ได้รับจากปากของเธอก็คือ

?อะไรที่เป็นของเรา ยังไงก็ต้องเป็นของเรา แต่ถ้าไม่ใช่ รั้งเอาไว้แค่ไหน เขาก็ต้องหาหนทางจากเราไปจนได้? วรปรัชญ์และเมธปรียาที่ได้ยินเต็มสองหูถึงกับอึ้ง และต่างก็คิดว่าพิชญธิดาทำใจกับเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นได้แล้ว ดีไม่ดีอาจจะตัดใจจากเจ้านายหนุ่มได้แล้วเสียด้วยซ้ำ ทั้งคู่ต่างก็ตีความผิดไปเพราะพิชญธิดาตอบแบบกำกวมและไม่ยอมขยายความต่อ ความหมายที่แท้จริงของเธอก็คือ ?อะไรที่เป็นของเรา ยังไงก็ต้องเป็นของเรา แม้ว่าจะถูกคนอื่นยืมไปควงบ้างก็ตาม แต่วันหนึ่งเขาก็ต้องกลับมาเป็นของเรา? ต่างหาก พิชญธิดาไม่เคยแน่ใจอะไรเท่านี้มาก่อน เพราะวิชญ์ได้ทำให้เธอรู้แล้วว่า เขารักเธอจริง เธอจึงไม่จำเป็นจะต้องเสียใจกับละครตบตาอีกฉากหนึ่งของเขา

************************

วันวิวาห์.....

หลังงานแต่งที่จบลงอย่างสวยงามในสายตาของแขกเหรื่อและสื่อมวลขนที่มาร่วมทำข่าวใหญ่แห่งปี งานที่ใคร ๆ ต่างก็คิดว่าเป็นงานในฝันของหญิงสาวกันทั้งนั้น ภายในงานที่เป็นห้องจัดเลี้ยงของโรงแรมดังของเจ้าบ่าวถูกเนรมิตให้เป็นสวนสวยราวกับสรวงสวรรค์ มีทางเดินแห่งรักที่ใช้ดอกรักเป็นแสนๆ ดอกมาตกแต่งสลับกับกลีบดอกกุหลาบสีชมพู มีกรงนกสีขาวพร้อมเทียนหอมวางอยู่หลายจุดเพื่อสร้างบรรยากาศ รวมทั้งที่หน้างานมีซุ้มโค้งที่ประดับประดาด้วยดอกกุหลาบสีขาวและสีแดงอย่างสวยงามโดยมีฉากหลังเป็นดอกรักเรียงเป็นตัวหนังสือสีขาวบนพื้นสีเขียวของต้นกกว่า ?Eternity Love - รักเรานิรันดร์? ทุกอย่างสวยงามราวกับภาพฝัน สวยงามราวกับงานเลี้ยงแต่งงานในหนังสือเทพนิยายที่เจ้าชายและเจ้าหญิงจะครองรักกันอย่างมีความสุขชั่วนิจนิรันดร์ แต่ในความรู้สึกของเจ้าสาวแล้ว มันเหมือนยังขาดอะไรบางอย่าง.......บางอย่างที่เธอคิดว่าวิชญ์คงลืมให้เธอ

หญิงสาวที่สวยที่สุดของงานในคืนนี้กำลังนั่งพักเหนื่อยตามลำพังอยู่ในห้องสวีทของโรงแรม ณ นิมมานรดี ของชายที่ได้ชื่อว่าเป็นสามีของเธออย่างถูกต้องตามประเพณีและกฎหมายแล้ว ญาดานั่งยิ้มอยู่คนเดียวเมื่อคิดว่าสาวๆ ในงานต่างก็อิจฉาเธอ ใคร ๆ ก็บอกว่าเธอโชคดีที่สามารถกุมหัวใจของวิชญ์เสียอยู่หมัด ใคร ๆ ก็อิจฉา ไม่ว่าจะเป็นงานเลี้ยงในโรงแรมหรูของเจ้าบ่าว งานเลี้ยงที่มีแขกมาร่วมเป็นสักขีพยานเกือบ 2,000 คน หรือจะเป็นเพราะหน้าตาที่หล่อเหลาคมเข้มของเจ้าบ่าวที่ชวนให้สาว ๆ หลายคนเคลิบเคลิ้มและต่างก็อยากมายืนแทนที่เธอกันทั้งนั้น หรือจะเป็นเงินสดจำนวน 10 ล้านบาทที่เขามอบให้กับป๊าของเธอเป็นสินสอดและมอบเครื่องเพชรชุดใหญ่ที่ใช้รับขวัญเธอในฐานะภรรยา รวมทั้งแหวนเพชรเม็ดงามราคาหลายล้านบาทที่ประดับอยู่บนนิ้วนางข้างซ้ายของเธอ.....แหวนที่เขาจ่ายเงินซื้อให้โดยที่เธอต้องไปเลือกแบบเองคนเดียว เมื่อนึกถึงตรงนี้ญาดาก็ยิ้มไม่ออกเสียแล้ว เธอรู้สึกขมขื่นอยู่ไม่น้อยแต่เธอก็ไม่กล้าปริปากบอกกับใคร แม้แต่กับป๊าของเธอเองที่ก็รู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมากเมื่อวิชญ์เดินเข้ามาบอกก่อนเริ่มงานเลี้ยงว่า แม่เลี้ยงปวีณาป่วย พ่อเลี้ยงพาครจึงต้องอยู่ดูแลเลยไม่สามารถมาร่วมงานได้ คืนนี้จึงไม่มีญาติผู้ใหญ่ฝ่ายเจ้าบ่าวเลยสักคนเดียว แขกที่สนิท ๆ ของฝ่ายเจ้าบ่าวคงเป็นเพียงสองหนุ่มบอดี้การ์ดและเลขาฯทั้งสองนั่นเท่านั้น แถมวิชญ์ยังบอกกับเธออีกว่าเพื่อน ๆ ของเขาอยู่ต่างจังหวัดบ้าง ต่างประเทศบ้างและต่างก็ไม่สะดวกที่จะมาร่วมงานในคืนนี้ ที่มีบ้างให้เห็นประปรายจากฝ่ายเจ้าบ่าวก็เป็นเพียงนักธุรกิจและผู้บริหารในเครือโรงแรมเท่านั้น แขกส่วนใหญ่ในงานจึงเป็นของฝ่ายเธอ ดังนั้นในตอนส่งตัวเข้าหอจึงมีป๊าเพียงคนเดียวที่มาส่งเธอ มาอวยพรให้เธอมีชีวิตคู่ที่มีความสุข วิชญ์ยืนรับฟังคำอวยพรอยู่เงียบ ๆ ไม่ได้สัญญิงสัญญาใด ๆ กับป๊าของเธอเลย หรือแม้แต่จะรับปากดูแลเธออย่างดีก็ไม่มี วิชญ์มองดูป๊าของเธอด้วยสายตาแปลก ๆ สายตาที่ไม่เป็นมิตร วิชญ์ทำเหมือนกับว่าโดนมัดมือชกให้แต่งงานกับเธอ แต่งอย่างไม่เต็มใจ จะดีอยู่หน่อยก็ตรงที่เขาแสดงความจริงใจยอมจดทะเบียนสมรสกับเธอ เขายกย่องเธอด้วยงานแต่งและใบทะเบียนสมรส แต่ทำไมเธอถึงยังรู้สึกว่างเปล่า ไม่ซาบซ่านหรืออิ่มเอิบใจอย่างที่เจ้าสาวทั่ว ๆ ไปควรจะมีในคืนที่สวยงามแบบนี้ ทำไมกัน ญาดายังคงนั่งนิ่งไม่คิดที่จะลุกไปไหนจนกระทั่งได้ยินเสียงประตูห้องเปิดเข้ามา

?อ้าวคุณด้า ทำไมยังไม่อาบน้ำอีกล่ะครับ? วิชญ์ที่ถือเสื้อสูทตัวนอกเดินเข้ามาในห้องหอ

?เอ่อ....ด้านั่งพักเหนื่อยน่ะค่ะ คุณวิชญ์จะอาบน้ำก่อนก็ได้นะคะ เดี๋ยวด้าจะเตรียมน้ำอุ่นให้นะคะ? ญาดาพยายามทำตัวเป็นภรรยาที่ดี เพื่อลดช่องว่างและความห่างเหินระหว่างเขาและเธอไปในตัว

?ไม่เป็นไรครับ เชิญคุณด้าตามสบาย พอดีผมคงต้องออกไปดื่มต่ออีกนิดหน่อยกับคุณประพาสและคุณประวีณ คุณด้านอนไปก่อนเลย ไม่ต้องรอผมนะครับ? วิชญ์มองหน้าเจ้าสาวด้วยความสงสารเมื่อเห็นว่าเธอคงตกใจที่กำลังจะถูกทิ้งให้เข้าหอเพียงคนเดียวตั้งแต่คืนแรกของงานแต่งงาน เจ้าสาวที่ไหนจะไม่เสียใจที่ต้องเข้าหอโดยไร้เงาของเจ้าบ่าว จริงอยู่ที่เขาสงสารเธอ....คนที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ และไม่รู้ว่าพ่อของตัวเองเลวทรามแค่ไหน แต่เขาก็ต้องคอยย้ำเตือนตัวเองว่า ยิ่งเธอเจ็บมากเท่าไร ไอ้เมธินทร์ก็จะยิ่งเจ็บมากกว่า เพราะแค่มันรู้ว่าลุงกับป้าเขาไม่ยอมมางานคืนนี้ ควันก็แทบจะออกจากหูของมันเสียแล้ว ยิ่งได้มาเห็นมาได้ยินมันอวยพรให้ลูกสาวคนเดียวตอนส่งตัวเข้าหอ เขายิ่งอยากเห็นหน้าวันที่มันจะได้รู้ความจริง มันคงจะเจ็บแต่คงไม่เท่าที่เขาเคยเจ็บเพราะอย่างน้อยมันก็ยังจะได้ลูกสาวกลับไปซับน้ำตา แต่เขาไม่ได้ใครกลับมาเลย ดังนั้นอะไรที่จะทำให้มันเจ็บ ทรมานเหมือนตายทั้งเป็น เขาต้องทำ เพราะทั้งหมดนี้ คือ การแก้แค้น

?แล้วคุณวิชญ์จะกลับเข้ามากี่โมงคะ?

?ยังไม่รู้เลยครับ คุณด้านอนเถอะครับ ไม่ต้องรอผมหรอก? วิชญ์ตอบ เขาเปลี่ยนคำตอบในช่วงวินาทีสุดท้ายแทนที่จะพูดว่า ?คิดว่าคงไม่กลับ? เพราะไม่อยากทำร้ายญาดามากไปกว่านี้ เจ้าบ่าวหมาด ๆ พูดเสร็จก็เดินออกจากห้องหอไปทันที ทิ้งให้เจ้าสาวนั่งตะลึงงันอยู่คนเดียวบนเตียงกว้างที่มีกลีบกุหลาบสีหวานโรยตกแต่งเอาไว้จนทั่ว พร้อมกับดอกรักและดอกบานไม่รู้โรยที่ถูกเรียงเป็นตัวหนังสือว่า ?สุขสันต์วันวิวาห์?

เมื่อวิชญ์เดินออกไปได้สักพักแล้ว ญาดาก็นั่งคิดถึงบทสนทนาของเธอกับธีรุตม์เมื่อวาน........

ธีรุตม์มาดักพบเธอที่ร้านเสริมสวยแบบครบวงจร ว่าที่เจ้าสาวมาเข้าคอร์สเจ้าสาวครั้งสุดท้ายเพื่อเตรียมตัวสำหรับวันพรุ่งนี้ ญาดาเดินออกมาจากด้านในที่เป็นห้องสำหรับขัดตัว เธอชะงักเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าใครที่กำลังนั่งจ้องมาที่เธอ หญิงสาวรวบรวมกำลังใจก่อนที่จะเดินเข้าไปหาชายหนุ่ม คนที่กำลังจะกลายเป็นอดีตคู่ควง คู่ควงที่เธอคบหาด้วยยาวนานที่สุด

?รุตม์มานวดหรือคะ? ญาดาถามออกไปทั้ง ๆ ที่รู้สาเหตุของการมาของเขาแล้ว

?เปล่าครับ ผมมารอด้า ผมอยากคุยกับด้าเพราะด้าไม่ยอมรับโทรศัพท์ผมเลย? นี่มันเวรกรรมอะไรกัน เธอเพียรติดต่อวิชญ์และหนีธีรุตม์เพราะอยากจะจบกับเขาให้เรียบร้อยก่อนแต่งงาน แต่เขากลับพยายามตามหาเธอ....จนเจอ ผู้ชายสองคน คนหนึ่งเธอต้องวิ่งตามเขา แต่อีกคนกลับวิ่งไล่หาเธอ.....เธอเลือกคนที่ต้องวิ่งตาม

?มีอะไรจะคุยกับด้าคะ? ญาดาพยายามเพิ่มช่องว่างในการสนทนาให้กับคนเคยรู้ใจ

?ด้า.....ด้าเปลี่ยนใจยังทันนะ อย่าแต่งงานเลยนะด้า ผมรักคุณนะ ผมอยากแต่งงานกับคุณ? ธีรุตม์พูดด้วยน้ำเสียงเว้าวอน หลังจากที่แน่ใจแล้วว่าตัวเองหลงรักหญิงสาวตรงหน้าเข้าอย่างจัง

?ไม่ช้าไปเหรอคะรุตม์? ญาดาประชด

?ไม่ช้านะด้า เรายังมีเวลานะ เราจะหนีไปด้วยกัน? ธีรุตม์บอกแผนที่วางไว้ให้ญาดาได้รับรู้

?หนี! คุณให้ด้าได้แค่หนี! แสดงว่าเตี่ยกับม้าของคุณก็ยังไม่ยอมรับด้าใช่ไหมคะ? ญาดาจ้องหน้าคู่สนทนาตาไม่กะพริบ

?เอ่อ....ให้พวกท่านหายโกรธก่อน แล้วเราค่อยแต่งงานกันก็ได้นี่? ธีรุตม์ลูกแหง่ของเตี่ยกับม้าตอบอย่างอ้อมแอ้ม

?งั้นเราก็ไม่ต้องคุยกันแล้วล่ะคะ ด้ามีทางที่ดีกว่าแล้ว คุณวิชญ์เขารักด้า เขาจะแต่งงานกับด้า คุณกลับไปเถอะคะ ด้าอยากให้เราจบกันด้วยดี อย่างน้อยเราก็เป็นเพื่อนกันได้ ลาก่อนคะรุตม์? ญาดาลุกขึ้นทันทีจากโซฟารับแขกของทางร้าน.......

ญาดาหลับตาลงอย่างช้า ๆ รู้สึกแปลก ๆ....แปลกใจตนเองที่ตอนนี้เธอกลับคิดถึงแต่ธีรุตม์ เห็นแต่หน้าเขาในยามหลับตาอยากให้เขามาอยู่เคียงข้างในเวลานี้ เธออยากได้ไออุ่นจากใครสักคนมาปลอบประโลมในยามที่ถูกทิ้งให้โดดเดี่ยวแบบนี้ ในคืนเข้าหอ และใครคนนั้นที่เธอคิดถึงเป็นคนแรกก็คือ ธีรุตม์ ในที่สุดเจ้าสาวในชุดสีขาวก็ปล่อยให้น้ำตาไหลออกมาอย่างช้า ๆ เพราะไม่แน่ใจกับสิ่งที่ได้บอกคนรักเก่าไปเมื่อวาน

?ด้ามีทางที่ดีกว่าแล้ว คุณวิชญ์เขารักด้า?

************************

?ทำไมคุณใจร้ายจังล่ะคะ น่าสงสารคุณด้าออก? พิชญธิดาต่อว่าวิชญ์ทันทีที่เขามาถึงบ้านเธอและบอกว่าปล่อยให้ญาดาเข้าหอตามลำพังคนเดียว บทพ่อเจ้าประคุณจะใจร้ายใจดำขึ้นมาก็ไม่เกรงหน้าอินทร์หน้าพรหมที่ไหนเลย พิชญธิดาสงสารก็แต่เจ้าสาวที่คงต้องนอนเฝ้าห้องหอตามลำพังในคืนนี้

?อ้าว! อัณณ์ไม่ดีใจหรอกเหรอที่ผมมาหาอัณณ์แทนน่ะ?

?ไม่ดีใจค่ะ อัณณ์สงสารคุณญาดาเธอนี่คะ ถ้าเป็นอัณณ์คงนอนร้องไห้ทั้งคืนแน่ ๆ เลย?

?ไม่มีทาง! เพราะถ้าอัณณ์เป็นเจ้าสาว คืนนี้อัณณ์ไม่ต้องนอนหนาวคนเดียวแน่ ๆ ผมรับประกัน? วิชญ์พูดด้วยสายตากรุ้มกริ่มจึงได้ชิมขนมเปี๊ยะฝีมือพิชญธิดาในยามเที่ยงคืน

?โอ๊ย! เจ็บนะครับ? วิชญ์สำออยอ้อนแฟนสาว

?สม!?

?ฮึ! เรารึอุตส่าห์มานอนเป็นเพื่อน ไม่อยากให้นอนร้องไห้ขี้มูกโป่งแท้ ๆ ยังจะมาทำร้ายเราอีก?

?ก็คุณใจร้ายจังเลยนี่คะ คุณรู้ไหมว่าคืนนี้คุณน่ะร้ายกาจมาก นอกจากจะสั่งไม่ให้คุณลุงคุณป้ามาร่วมงานแล้ว คุณยังใจร้ายกับคุณด้าตั้งหลายอย่าง ทั้งไม่บอกรักเจ้าสาว ไม่จุ๊บแก้มบนเวที ไม่ยืนจับมือตอนรับแขก โอ๊ย! อัณณ์ไม่รู้ว่าคุณญาดาเขาทนได้ยังไง ถ้าเป็นอัณณ์นะไม่ต่งไม่แต่งมันแล้ว?

?ถ้าผมยอมใจดี ยอมให้ความหวังกับเขามากกว่านี้ อัณณ์ว่ามันจะดีกว่านี้เหรอครับ ญาดาเขาจะไม่เจ็บมากไปกว่านี้เหรอครับ อัณณ์ก็รู้ว่าเพราะอะไรผมถึงต้องดึงเขาเข้ามาข้องเกี่ยว แล้วถ้าผมทำแบบนั้นทำดีกับเขา อัณณ์จะไม่เสียใจเหรอครับ? วิชญ์รั้งคนตัวหอมในอ้อมกอดเข้าหาตัวเขาแน่นขึ้น เพื่อถ่ายทอดความรู้สึกรักและห่วงหาให้เธอได้รับรู้ ทุกอย่างที่เขาทำก็เพื่อเธอ

?เอ่อ....ไม่รู้สิคะ ไม่เสียใจมั้งคะเพราะอัณณ์เชื่อใจคุณนี่ อัณณ์รู้ว่าคุณไม่ได้ตั้งใจ ไม่ได้เต็มใจที่จะทำ คุณน่าจะรักษาหน้าของเจ้าสาวหน่อย ใคร ๆ ก็พูดว่าเจ้าสาวสวยมากแต่ยิ้มไม่ค่อยออก น่าสงสารเธอออก คุณร้ายมากเลยนะ? พิชญธิดาพูดออกมาด้วยความจริงใจ

?อัณณ์รู้ไหม ถ้าผมสงสารเขา คุณนั่นแหละที่จะเป็นคนที่น่าสงสารแทน พอแล้ว ผมง่วงแล้ว ขออาบน้ำก่อนดีกว่า อัณณ์ก็เหมือนกัน เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว ไปนอนเถอะครับ อย่ามัวมานั่งสงสารคนอื่นอยู่เลย คิดเสียว่ามันเป็นเวรเป็นกรรมของเขา? พิชญธิดาอ้าปากจะทักท้วง แต่วิชญ์ก็เดินเข้าห้องน้ำไปเสียแล้ว

?เฮ้อ! ที่อย่างนี้ล่ะคิดได้ว่าเป็นเวรเป็นกรรมของเขา ทีเรื่องของตัวเอง กลับไม่ยอมปล่อยวาง? พิชญธิดาส่ายหัวช้า ๆ

************************

ขอคอมเม้นต์ด้วยนะคะ ขอบคุณมากค่ะ

ตอบกลับโพส

ย้อนกลับไปยัง “ก้าวแรก(สู่นักเขียนมืออาชีพ)”