ภารกิจรัก ภารกิจแค้น ตอนที่ 27 (ครบ 100 % แล้วค่ะ)

ถ้าเพื่อนๆ มีเรื่องที่น่าสนใจและต้องการแบ่งปันเนื้อหา หรือร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการเป็นนักเขียนมืออาชีพ

Moderator: Gals, B.Comics, พี่บี

ตอบกลับโพส
athita
โพสต์: 41
ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ 11 เม.ย. 2009 11:15 pm

ภารกิจรัก ภารกิจแค้น ตอนที่ 27 (ครบ 100 % แล้วค่ะ)

โพสต์ โดย athita »

สวัสดีค่ะ มาแล้วค่ะ....มาช้า ๆ ได้พร้าเล่มงาม แฮะ ๆ ๆ แก้ตัวได้ทุเรศเนอะ
ที่ถามกันมาว่าทำไมอัพได้ไม่ครบ 100% ก็เพราะคนเขียนอยากจะตรวจดูสำนวน และการสะกดคำให้ละเอียดก่อนโพสน่ะค่ะ ไม่อยากให้มีคำผิดเลย และบางครั้งก็ต้องปรับเนื้อหาด้วย เอาเป็นว่าจะพยายามอัพให้เร็วขึ้นล่ะกัน ขอบคุณที่ติดตาม คอยทวงถามและเป็นกำลังใจให้ค่ะ คนเขียนยังยืนยันสโลแกนเดิม ?ถ้าเม้นต์เยอะ ๆ อัพไวนะจะบอกให้? รักคนอ่านค่ะ จุ๊บ จุ๊บ.....อาทิตา


ตอนที่ 27 หมอกบาง ๆ ที่กั้นกลางระหว่างสองเรา

เมื่อเข้ามาอยู่กันตามลำพังในห้องทำงาน วิชญ์ที่พยายามหาสาเหตุว่าอะไรทำให้แฟนสาวถึงงอนเขาขึ้นมาอีก ชายหนุ่มจึงหันหน้าออกไปชมวิวนอกหน้าต่างในยามสายเกือบเที่ยงของเมืองหลวงพลางใช้ความคิดอย่างหนัก และเขาเองก็อยากให้พิชญธิดา ?สงบ? ลงเสียก่อนที่จะพูดคุยกันต่อ เพราะไม่เช่นนั้นเรื่องนี้อาจจะลุกลามกลายเป็นเรื่องใหญ่โตไปได้อีก วิชญ์ยังจำคราวที่แล้วที่เธอเข้าใจเขาผิดได้ และกว่าเขาจะง้องอนได้สำเร็จก็ไม่ใช่ง่าย ๆ วิชญ์ไม่อยากให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยอีก แต่ความเป็นผู้ใหญ่และมีเหตุผลของพิชญธิดาหายไปหมดแล้วในยามนี้ เธอจึงไม่รอให้ใจเย็นลงอย่างที่วิชญ์อยากให้เป็น ดังนั้นทันทีที่เข้ามายืนในห้องเจ้านายหนุ่มผู้เป็นโจทก์ หญิงสาวที่ควบทั้งตำแหน่งแลขาฯและหวานใจก็เปิดฉากรุกโดยไม่รอให้อีกฝ่ายได้ตั้งหลักทัน

?เรียกดิฉันเข้ามา มีอะไรก็พูดมาสิคะ ดิฉันมีงานค้างอยู่อีกค่ะ ไม่ได้ว่างมากนัก?

?อัณณ์เป็นอะไรครับ ทำไมต้องพูดประชดผมแบบนั้น หรือโกรธที่ผมแซว เมื่อกี้ผมแค่พูดเล่นเองนะ ผมไม่เคยคิดว่าการไปรับไปส่งอัณณ์เป็นเรื่องลำบากอะไรเลย ผมเต็มใจนะครับ? วิชญ์หันหน้ามามองแฟนสาวอย่างเต็มตา ?เธอไม่ปกติแน่ ๆ แต่เพราะอะไรล่ะ?

?แต่ต่อไปไม่ต้องไปรับไปส่งแล้วค่ะ ฉันไปกลับเองได้ ขอบคุณค่ะ? พิชญธิดายังไม่ยอมวางศักดิ์ศรีบนบ่าลง

?อัณณ์ เราโต ๆ กันแล้วนะ มีอะไรก็พูดกันด้วยเหตุผลสิครับ อัณณ์บอกได้ไหมว่าโกรธหรือไม่พอใจผมเรื่องอะไร? วิชญ์สาวเท้าเข้ามาหาแฟนสาว ยิ่งเข้าใกล้เขาก็ได้เห็นใบหน้าเธอชัดขึ้น และเมื่อมองในระยะใกล้ ๆ เครื่องสำอางจึงช่วยปิดบังรอยหมองเศร้าได้ไม่ทั้งหมด

?ใช่ก็เพราะว่าฉันโตแล้วนะสิ ฉันถึงบอกว่าต่อไปนี้ไม่ต้องมารับมาส่งอีก? วิชญ์ที่รู้ว่าแฟนฉันยังโกรธอยู่ จึงได้แต่ถอนใจก่อนที่จะเพ่งมองไปที่หน้าแฟนสาวพร้อมทั้งสาวเท้าเข้าไปใกล้

?อัณณ์ร้องไห้มาเหรอ ทำไมร้องไห้ล่ะครับ เป็นอะไรหรือเปล่า? วิชญ์เชยใบหน้าของพิชญธิดาให้เงยขึ้นเพื่อที่จะมองให้ถนัดแต่หญิงสาวก็พยายามจะปัดมือเขาออก เธอไม่อยากให้เขามาสงสารเธออีก

?เรื่องของฉัน! คุณไม่เกี่ยว!? พิชญธิดาเริ่มพาลและออกอาการฉุนเฉียวมากขึ้น หญิงสาวรวบรวมเอาเรื่องที่รกสมองอยู่ทั้งหมดมารวมกันโดยไม่คำนึงว่าอะไรคือเรื่องจริง อะไรคือเรื่องที่เธอคิดไปเอง อะไรคือคดีเก่า และอะไรคือคดีใหม่สด ๆ ร้อน หญิงสาวนำทั้งหมดมาปะปนกันจนสับสนและเมื่อได้รวมกับอารมณ์กรุ่น ๆ ของเธอ เรื่องเล็ก ๆ จึงเริ่มบานปลายขยายวงกว้างขึ้นเรื่อย ๆ

?อัณณ์ หยุดโมโหก่อนได้ไหม สงบสติอารมณ์ก่อนสิ? วิชญ์ปรามแฟนสาว

?ไม่หยุด! จะทำไม! ไม่ต้องมายุ่งเลย!? พิชญธิดาเห็นช้างตัวเท่ามดไปเสียแล้ว หญิงสาวลืมคิดไปว่าคนตรงหน้าไม่ได้เป็นแค่คนรักของเธอเท่านั้น แต่เขายังเป็นหัวหน้าของเธออีกด้วย หัวหน้าที่ไม่ชอบให้ใครมาออกคำสั่งกับเขาเสียด้วยสิ

?อัณณ์! ผมบอกให้หยุดเดี๋ยวนี้! หยุดโวยวายเสียที! แล้วมาคุยกันแบบผู้ใหญ่!? วิชญ์ตะคอกใส่แฟนสาวเสียงดังลั่น จนเมธปรียา กฤตธี และธีรวีร์ที่รอลุ้นอยู่ข้างนอกยังสะดุ้งไปตาม ๆ กัน นับประสาอะไรกับพิชญธิดาที่ยืนประจันหน้าอยู่กับเขา หญิงสาวตกใจกลัว เธอยืนนิ่ง ดวงตาฉายแววตระหนก เธอไม่เคยเห็นวิชญ์ในมุมนี้มาก่อน

?คุณเป็นอะไรฮะอัณณ์ ทำไมทำตัวเหมือนเด็ก ๆ แบบนี้? เสียงของเขายังแข็งกร้าว

?เราจะคุยกันดี ๆ ได้ไหม ใช้เหตุผลสิ ไม่ใช่อารมณ์ ทำได้ไหม? วิชญ์ยังแผดเสียงลั่นใส่แฟนสาว ถึงแม้จะไม่ดังเท่าครั้งแรกแต่ก็ไม่เบาเลยสำหรับคนที่ยืนอยู่ใกล้เขาแค่นี้ พิชญธิดายังคงนิ่งงัน อารมณ์เธอสงบลงบ้างแล้วตั้งแต่ครั้งแรกที่เขาระเบิดอารมณ์ใส่กลับ แต่เธอยังไม่มีสติที่พอจะโต้ตอบเขาได้ เมื่อเธอนิ่งเงียบเธอจึงโดนวิชญ์ต่อว่าอีกชุด และเป็นชุดที่ทำให้สถานการณ์ที่กำลังจะดีขึ้นกลับพลิกผันจากหน้ามือเป็นหลังมือ

?ทำไมคุณไม่มีเหตุผลเลย ทำไมต้องทำตัวงี่เง่าแบบเด็ก ๆ ไปได้? วิชญ์ที่ยังไม่หยุดหัวเสียยังต่อว่าแฟนสาวต่อ อันที่จริงเขาต้องการพูดเตือนสติเธอเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาต่อว่าให้เธอต้องเจ็บช้ำน้ำใจเลย เขาจึงไม่รู้ตัวว่าได้เติมเชื้อเพลิงกลับเข้าไปในกองไฟอีกชุดใหญ่ และครั้งนี้อารมณ์ที่เริ่มสงบลงของพิชญธิดาก็ปะทุขึ้นมาอีกจนได้ คราวนี้เธอโกรธที่โดนเขาต่อว่า สำนึกส่วนดีของหญิงสาวจึงหยุดทำงานไปชั่วขณะ เมื่อเขาว่าเธอให้เจ็บได้ เธอก็จะเอาคืนบ้าง ตอนนี้หญิงสาวคิดแค่เพียงว่าวิชญ์และเธอคือคู่รักที่กำลังทะเลาะกัน หญิงสาวไม่ได้คำนึงว่าสถานที่เกิดเหตุนั้นเป็นสถานที่ทำงานของคนทั้งคู่ด้วย พิชญธิดาที่เคยคิดไว้ว่าหากวันใดวันหนึ่งที่พวกเธอต้องทะเลาะกันโดยเฉพาะในที่ทำงานนั้น เธอจะเป็นคนยอมถอยออกมาสักก้าวเอง ทั้งในฐานะคนรักและลูกน้องที่ควรให้เกียรติเจ้านาย เธอจะรอให้อารมณ์ของทั้งสองฝ่ายเย็นลงเสียก่อนแล้วจึงค่อย ?เคลียร์? กันทีหลัง แต่พอเอาเข้าจริงอย่างเหตุการณ์ตรงหน้านี้หญิงสาวกลับควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่อยู่ อารมณ์โกรธ อารมณ์น้อยใจ และอารมณ์เสียใจที่เกิดขึ้นพร้อม ๆ กันทำให้เธอต้องการตอบโต้วิชญ์กลับไปโดยไม่คิดหน้าคิดหลังให้รอบคอบ

?ใช่สิ! ฉันเป็นคนไม่มีเหตุผลนี่ ใครจะไปมีเหตุผลเหมือนคุณได้ล่ะ ทุกสิ่งทุกอย่างที่คุณทำมีเหตุผลดี ๆ ทั้งนั้นเลยนี่? พิชญธิดาประชดใส่ตามนิสัยของผู้หญิงที่ชอบเหน็บแนมในยามลืมตัว

?อัณณ์หมายความว่าไง พูดมาตรง ๆ เลยดีกว่า ผมไม่ชอบที่อัณณ์มาประชดประชันกันแบบนี้? วิชญ์ถามด้วยท่าทางถมึงทึงน่ากลัวไม่ใช่เล่น

?ก็ไอ้เหตุผลที่คุณเอามาบังหน้าในการแก้แค้นไงล่ะ? พิชญธิดาที่โมโหจนลืมตัวกลัวตาย เธอจึงพูดออกมาโดยไม่ได้ไตร่ตรองเสียก่อน พิชญธิดาลืมไปว่าคำพูดก็ฆ่าคนได้เช่นกัน.....ฆ่าให้ตายทั้งเป็น

?อัณณ์คุณหมายถึงอะไร!?

?ก็ที่คุณใช้การแก้แค้นมาบังหน้าเพื่อที่จะได้จับปลาสองมือไงล่ะ แบบนี้ไม่งี่เง่าแต่ฉลาดใช่ไหมล่ะ? สิ้นเสียงของพิชญธิดา ดวงตาของผู้ฟังก็วาวขึ้นด้วยความโกรธจัด เขาโกรธที่เธอตีค่าความรักของเขาผิดไป เขาโกรธที่เธอไม่ยอมบอกความรู้สึกแท้ ๆ ลึก ๆ ของเธอให้เขาได้รับรู้ตั้งแต่แรก เธอเก็บมันเอาไว้ในใจอยู่ตลอดเวลาสินะ และวันนี้เธอก็เพิ่งเปิดออกมาให้เขาได้รับรู้ว่าที่แท้จริงแล้วเธอคิดอะไรอยู่ตลอดเวลา.....เธอเคยเชื่อใจเขาบ้างไหม

?ที่แท้......คุณก็ไม่เคยเข้าใจผมเลย? วิชญ์เอ่ยด้วยน้ำเสียงผิดหวังก่อนที่จะกล่าวต่อว่า

?ผมนึกว่าคุณจะเป็นคนที่เข้าใจผมที่สุด แต่ที่จริงแล้วมันไม่ใช่ คุณไม่เข้าใจอะไรเลยต่างหาก? พิชญธิดาสะอึกกับคำพูดของวิชญ์

?ใครบอก ฉันเข้าใจทุกอย่างดีต่างหาก เข้าใจทั้งหมด แต่จะให้ฉันทำใจรับมันได้อย่างหน้าชื่นตาบานแล้วล่ะก็ ฉันคงทำไม่ได้ ฉันคงทำอย่างคุณไม่ได้ เพราะ...ฉัน...ไม่...เหมือน...คุณ!? พิชญธิดาตอบไปด้วยอารมณ์โมโหที่ทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ

?ไม่เหมือนตรงไหน! บอกมาสิว่าผมเป็นยังไง!? วิชญ์ตวาดถามกลับมาในทันทีเพราะอารมณ์โกรธที่รุนแรงไม่แพ้กัน

?ไม่เหมือนตรงที่ คุณยิงปืนนัดเดียวแต่ได้นกถึงสองตัว ได้ทั้งแก้แค้นได้ทั้งลูกสาวของศัตรูคู่อาฆาต? พิชญธิดาสวนกลับอย่างไม่ยอมลดลาวาศอก

?ผมมองคุณผิดไปจริง ๆ ผิดไปจริง ๆ? วิชญ์พูดออกมาเบา ๆ แต่พิชญธิดาได้ยินชัดทุกถ้อยทุกคำ ?เขาบอกว่าเขามองเธอผิดไปอย่างนั้นหรือ ผิดอย่างไร ผิดตรงไหน หรือผิดที่เขามารักเธอ?

?ใช่! ฉันมันไม่ดีเอง ใครจะไปดีเท่าคุณญาดาของคุณล่ะ ฉันเป็นได้เท่านี้แหละ รับได้ก็รับรับไม่ได้ก็ไม่ต้องรับ อ้อ! ฉันก็ขอบอกคุณไว้เหมือนกันนะ ว่าไม่ใช่แค่คุณหรอกนะที่มองคนอื่นผิดไป ฉันเองก็มองคุณผิดไปเช่นกัน? นอกจากพิชญธิดาจะตีความ ?สาร? ของวิชญ์ผิดไปแล้ว เธอยังต้องการตอกหน้าแฟนหนุ่มกลับไปอีก หญิงสาวจึงแผลงฤทธิ์ใส่เขาอย่างไร้เหตุผล และมันก็ทำให้วิขญ์อดโมโหเธอไม่ได้

?ญาดามาเกี่ยวอะไรด้วย นี่มันเรื่องของเราสองคนเท่านั้นนะ คนอื่นไม่เกี่ยว ญาดาก็ไม่เกี่ยว? วิชญ์พูดไปตามเนื้อผ้า

?ทำไมจะไม่เกี่ยว ก็คุณญาดานั้นแหละคือปลาอีกตัวที่คุณกำลังจะจับอยู่ ปลาสาวและสวยอย่างนั้น คุณคงไม่ปล่อยให้หลุดมือไปง่าย ๆ หรอกนะ ยิ่งตอนนี้ที่ได้หมั้นกันแล้วยังจะมาบอกว่าไม่เกี่ยวกันอีก? พิชญธิดารู้สึกน้อยใจแฟนหนุ่มมากที่ออกมาปกป้องหญิงสาวอีกคนต่อหน้าเธอแบบนี้ หญิงสาวจึงพาลใส่แฟนหนุ่มเพราะอารมณ์ที่หลากหลาย ทั้งโกรธ ทั้งความอยากเอาชนะในการโต้เถียง บวกกับน้อยใจและเข้าใจผิดเรื่องหญิงสาวอีกคน คนที่ได้สวมแหวนหมั้นจากเขาแทนเธอ การพูดโดยไม่ยั้งคิดของพิชญธิดาจึงส่งผลให้วิชญ์ ?ฟิวส์ขาด? ในที่สุด

?ปัดโธ่เว้ย! นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันวะ ยิ่งพูดยิ่งเลอะเทอะไปกันใหญ่แล้ว บ้าชิบ!? วิชญ์ที่ตอนนี้อารมณ์ฉุนเฉียวมาก เขาสบถออกมาเพื่อที่จะระบายอารมณ์ที่ขุ่นข้องหมองใจ แล้วก็เลยพาลไประบายออกกับกองแฟ้มเอกสารที่วางซ้อนกันอยู่บนโต๊ะอีกต่อ ชายหนุ่มปัดแฟ้มทั้งหมดลงพื้นอย่างหัวเสีย ?โครม!? ก่อนที่เขาจะเดินหายเข้าไปในห้องพักผ่อนที่อยู่ด้านหลังโต๊ะทำงานโดยไม่เหลียวมามองคู่กรณีที่ยังยืนตกใจค้างอยู่เลย เสียงปิดประตูห้องดัง ?โครม!? ก้องกังวานในหัวใจของคนที่ยืนอยู่ข้างหลัง วิชญ์ต้องการเข้าไปดับอารมณ์โกรธของตนเองให้มอดลง แล้วจึงจะออกมาคุยกับคนรักให้เข้าใจกันใหม่ แต่พิชญธิดาที่ถูกทิ้งให้ยืนคว้างอยู่กลางห้องคนเดียวกลับคิดไปว่า เขาเดินหนีเธอไปเพราะไม่อยากพูดและปรับความเข้าใจกับเธอ หญิงสาวพยายามสะกดกลั้นอารมณ์น้อยใจไว้ข้างใน ณ นาทีนี้ที่เธอเริ่มคิดได้ว่าตัวเอง ?งี่เง่า? มากขนาดไหน หญิงสาวจึงเลือกที่จะยืนรอเพราะแอบหวังว่าเขาอาจจะเปลี่ยนใจแล้วกลับออกมา ?ง้อ? เธอเหมือนเช่นทุกครั้ง และถ้าเป็นเช่นนั้นเธอก็จะยอมหายโกรธเขาแต่โดยดี พิชญธิดาจึงก้มลงเก็บแฟ้มที่กระจายเกลื่อนพื้นขึ้นมาวางบนโต๊ะทำงานให้เขา ระหว่างที่เธอจัดโต๊ะให้เขาอยู่นั้นสายตาของเธอก็หันไปเห็นกระดาษโน้ตที่แปะอยู่บนหน้าจอคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊คของเขา เธอจำได้ในทันทีว่าเป็นลายมือของเมธปรียา หญิงสาวยืนนิ่งอ่านข้อความนั้นทวนไปทวนมาหลายรอบจนแน่ใจว่าเธออ่านถูกต้องทุกคำ ทุกตัวอักษร เขาคงไม่ออกมาง้อแล้ว และถึงเขาง้อ เธอก็คงไม่หายโกรธ เพราะเธอไม่ได้มองอะไรผิดไปเลย ทุกอย่างมันฟ้องออกมาแล้ว

?คุณญาดาคอนเฟิร์มเรื่องนัดบ่ายนี้ค่ะ สามโมงตรงนะคะ เมธปรียา? ความวัวไม่ทันหาย ความควายก็ดันเข้ามาแทรก เรื่องเล็กเท่าปลายนิ้วก้อยจึงลุกลามมาถึงนิ้วโป้งเข้าจนได้

เมื่ออ่านข้อความนั้นจบในรอบสุดท้ายพิชญธิดาก็รีบเดินออกจากห้องทำงานของ ?คนใจร้าย? ในทันที หญิงสาวเดินอย่างคนหมดแรงออกมาจากห้องนั้น พิชญธิดาเดินออกมาด้วยดวงตาที่พร่าเลือนเพราะปริ่มไปด้วยน้ำตาที่พร้อมจะรินไหล เธอตรงไปยังห้องน้ำหญิงที่อยู่หลังมุมกาแฟโดยมีสายตาของกฤตธี ธีรวีร์ และเมธปรียามองตามด้วยความเป็นห่วง ทั้งสามไม่ต้องถามรายละเอียดเพราะได้ยินทุกสิ่งทุกอย่างชัดเจนทุกถ้อยคำอยู่แล้ว ต่างจึงหันมามองหน้ากันแล้วก็ถอนหายใจพร้อม ๆ กัน ?นี่แหละหนา เขาถึงว่าไม่ควรมีแฟนในที่ทำงาน ถ้าไม่ทะเลาะเรื่องงานก็ต้องทะเลาะกันให้เพื่อนร่วมงานได้ยิน?

************************

ก๊อก ก๊อก ก๊อก เสียงเมธปรียาเคาะประตูห้องน้ำหนึ่งในสามห้อง ประตูห้องนี้ถูกปิดนานกว่าสิบนาทีแล้ว

?น้องอัณณ์ เป็นไงบ้างจ๊ะ นี่พี่ยาเองจ้ะ?

?เอ่อ....อัณณ์ไม่เป็นไรค่ะพี่ยา? เสียงตอบอู้อี้ดังมาจากคนข้างในพร้อมเสียงสูดน้ำมูก

?อัณณ์ เอ่อ....ออกมาเอากระเป๋าเถอะ พี่เก็บของมาให้แล้ว วันนี้อัณณ์กลับไปพักที่บ้านเสียดีกว่า เดี๋ยวงานทางนี้พี่จะจัดการเอง? เมธปรียาเรียกให้หญิงสาวออกมาจากห้องน้ำที่เธอเข้าไปซ่อนตัวอยู่นานหลายนาทีแล้ว

เมื่อได้ยินดังนั้นพิชญธิดาจึงแง้มประตูเปิดออกมา ดวงตาของเธอแดงก่ำและช้ำจนเห็นได้ชัด มันสามารถสื่ออารมณ์ความรู้สึกของเธอให้เมธปรียาได้รับรู้เป็นอย่างดี โดยไม่ต้องมีคำพูดใด ๆ เอื้อนเอ่ยออกมาอีก

?ขอบคุณค่ะพี่ยา? หญิงสาวยื่นมือไปรับกระเป๋าสะพายมาจากมือของรุ่นพี่ เมธปรียาจึงรวบตัวเธอเข้ามากอดเพื่อให้กำลังใจ

?อัณณ์ กลับไปบ้านนะ ไปทบทวนว่าจะแก้ไขเรื่องนี้ยังไง จะให้มันดีขึ้นหรือ.......แย่ลงในแบบไหน มันอยู่ที่อัณณ์นะ พี่ไม่มีคำแนะนำให้อัณณ์หรอกนะ เพราะพี่ไม่สามารถรับผิดชอบในสิ่งที่พี่จะแนะนำให้อัณณ์ได้ อัณณ์ตัดสินใจเอาเองแล้วกัน ใช้เวลาคิดทบทวนดูให้ดี อย่าให้อารมณ์มาอยู่เหนือเหตุผล อัณณ์ลองคิดในมุมกลับกันบ้าง ลองคิดว่าถ้าอัณณ์เป็นคุณวิชญ์ อัณณ์จะทำแบบที่เขาทำไหม หรืออัณณ์จะทำยังไงต่อไป ลองมองให้หลาย ๆ มุมและต่างมุมดูบ้าง เอาใจเขามาใส่ใจเราดูนะ? เมธปรียาให้คำแนะนำอย่างแยบยล ก่อนที่จะสรุปทิ้งท้ายสอนใจรุ่นน้องคนสวยไว้ว่า

?อัณณ์จ๊ะ ความรักมันเกิดขึ้นจากคนสองคนนะ เพราะฉะนั้นก็ต้องเป็นหน้าที่ของสองคนที่จะต้องประคับประคองมันไปด้วยกัน ไม่ใช่คนใดคนหนึ่งเพียงคนเดียวนะ หากว่ามันต้องพังลงก็เพราะว่าเกิดจากคนสองคนที่ไม่ช่วยกันประคับประคองมันให้ดี ไม่มีความรักไหนพังได้ด้วยมือของคนเพียงคนเดียวหรอกนะ จำคำของพี่ไว้?

************************

พิชญธิดากลับมาถึงบ้านภายในเวลาไม่นานนัก เพราะเธอออกจากที่ทำงานก่อนเวลาเลิกงานในยามปกติ การจราจรจึงยังไม่พลุกพล่าน หญิงสาวใช้บริการรถแท๊กซี่ เธอนั่งเงียบ ซึม เศร้ามาตลอดทาง คนขับแท๊กซี่เองก็คงสังเกตเห็นสีหน้าของผู้โดยสารจึงไม่รบกวนความสงบสุขของเธอเลย เขาปล่อยให้เธอจมอยู่ในความเศร้าตามลำพัง คงมีเพียงเสียงบทเพลงจากรายการวิทยุที่เปิดคลอเบา ๆ แทนบนสนทนาระหว่างคนขับกับผู้โดยสาร

เมื่อเข้ามาในบ้านแล้ว พิชญธิดาก็หยุดนั่งอยู่บนโซฟาในห้องรับแขกชั้นล่างของบ้านอย่างเนิ่นนาน ไม่ขยับเขยื้อนไปไหนเกือบหนึ่งชั่วโมง เธอไม่มีเรี่ยวแรงจะเดินขึ้นชั้นบน เพราะสิ่งที่รบกวนจิตใจของเธอตลอดการเดินทางกลับมาบ้านนั้นมีอยู่เพียงเรื่องเดียว คือ ข้อความที่ว่า ?คุณญาดาคอนเฟิร์มเรื่องนัดบ่ายนี้ค่ะ สามโมงตรงนะคะ เมธปรียา? พิชญธิดาพยายามมองโลกในแง่ดี เช่น ?ญาดาคงเป็นคนนัดมา? หรือ ?คงเป็นเรื่องงานเท่านั้น ไม่มีอะไรหรอก? หรือ ?เขาไม่ได้คิดอะไรกับญาดา นอกจากการแก้แค้นอย่างที่เขาบอกเธอเอาไว้? แต่ความคิดอีกส่วนที่คอยโต้แย้งอยู่ในใจก็คอยบั่นทอนกำลังใจของเธอให้ลดน้อยลงเรื่อย ๆ หญิงสาวนั่งนิ่งอยู่นานเพื่อรออะไรบางอย่าง......ความหวังที่แสนริบหรี่ คราวนี้พิชญธิดาไม่ปิดสัญญาณมือถือ แถมเธอยังเอามันมากำไว้ในมือเสียด้วยซ้ำ เพราะกลัวว่าจะกดรับสายไม่ทัน แต่ครั้งนี้....ไม่มีใครโทรมาเลย ไม่มีใครโทรมาอธิบาย ไม่มีใครโทรมาง้อ ไม่มีใครโทรมาขอโทษ ไม่มีใครเลย ในที่สุดความอดทนอดกลั้นที่มีอยู่น้อยนิดก็ขาดสะบั้นลง หญิงสาวซบหน้าร่ำไห้กับหมอนอิงใบโต ไม่มีเสียงร้องฟูมฟาย ไม่มีเสียงคร่ำครวญ คงมีเพียงน้ำตาที่ไหลออกมาอย่างเงียบ ๆ เรื่อย ๆ ไม่ขาดสาย ไม่ขาดตอน ร้องไห้แล้วจะดีขึ้นเธอเชื่ออย่างนั้น อย่างน้อยความทุกข์ใจที่อัดอั้นอยู่ข้างในก็จะได้ระบายออกมาบ้าง.....ถึงแม้เหตุการณ์ข้างนอกจะไม่ดีขึ้นเลยก็ตาม

************************

หลังจากรับมอบงานที่เสร็จเรียบร้อยจากญาดาด้วยตนเองแล้ว วิชญ์ก็ขับรถพาหญิงสาวไปส่งถึงบ้าน ระหว่างทางญาดาที่สังเกตเห็นว่าวิชญ์เงียบขรึมกว่าปกติ จึงถามชายหนุ่มคนที่ได้ชื่อว่าเป็นคู่หมั้นของเธอว่า

?วันนี้คุณวิชญ์เป็นอะไรไปคะ เงียบจัง?

?ไม่มีอะไรครับ พอดีมีเรื่องค้างคาใจนิดหน่อย?

?เรื่องงานเหรอคะ?

?ครับ? เมื่อวิชญ์ตอบเพียงแค่นั้น คู่หมั้นสาวจึงไม่อยากเซ้าซี้เพราะรู้ว่าเป็นนิสัยของผู้หญิงที่ผู้ชายมักรำคาญและทำให้เกิดความเบื่อหน่าย ญาดาก็เลยต้องเปลี่ยนเรื่องคุย

?วันนี้คุณวิชญ์ว่างไหมคะ คุณพ่อชวนทานข้าวเย็นด้วยน่ะค่ะ?

?วันนี้เลยเหรอครับ? วิชญ์ถามกลับในทันทีเพราะตอนนี้ ?ใจ? ไม่อยู่กับเนื้อกับตัวสักเท่าไร เพราะตั้งแต่ออกมาจากห้องพักผ่อนที่เข้าไปสงบสติอารมณ์แล้วไม่เห็นหน้าคู่กรณี ใจก็หายไปกว่าครึ่งแล้ว ยิ่งลูกน้องหน้าห้องทั้งสามคนต่างรายงานเป็นเสียงเดียวกันว่าพิชญธิดาขอตัวกลับบ้านไปก่อนหลังจากไปแอบร้องไห้ในห้องน้ำนานกว่าสิบนาที หัวใจของเขาก็โบยบินตามเธอไปทันทีแต่ติดที่ต้องรับส่งงานที่เสร็จเรียบร้อยแล้วจากบริษัทญาดาไหมไทย เพราะห้องที่ตกแต่งใหม่เป็นห้องสวีททั้งหมดเขาเลยต้องตรวจดูความเรียบร้อยด้วยตัวเอง กว่าจะเดินตรวจทุกห้องกันจนเสร็จก็ปาไปร่วมสามชั่วโมง จะปลีกตัวไปหาคนขี้แยก็ไม่ได้เพราะญาดาไม่ได้เอารถมาเอง เขาจึงต้องมาส่งเธออีก ทั้ง ๆ ที่ในตอนนี้ใจเขาอยากจะไปหาและพูดคุยกับ ?เจ้าของหัวใจ? อยากจะไปขอโทษที่แสดงกิริยาก้าวร้าวแบบนั้นใส่เธอ และอยากจะไปฟังความในใจของเธอทั้งหมด ถึงแม้ว่าเขาจะยอมรับว่าโกรธแฟนสาวเช่นกันในตอนแรกที่ถูกเธอมาดูหมิ่นน้ำใจรักของเขา เพราะเขาไม่เคยรักญาดาและไม่คิดจะรักด้วย และทั้ง ๆ ที่เขาได้พร่ำบอกพิชญธิดาไปแล้วหลายต่อหลายครั้ง แต่ทำไมเธอถึงยังไม่เข้าใจเขาอีก เขาเพิ่งเข้าใจว่าผู้ชายกับผู้หญิงเข้าใจอะไรได้ไม่เหมือนกันก็ตอนที่มาเจอกับตัวเองแบบนี้ วิชญ์ยังจดจำคำพูดของเมธปรียาที่ช่วยเตือนสติเขาได้ก่อนที่เขาจะออกมาส่งญาดา

?คุณวิชญ์คะ อย่าหาว่ายาสอนเลยนะคะ เรื่องแบบนี้สำหรับผู้หญิงร้อยทั้งร้อยน่ะปากก็บอกว่าเข้าใจทั้งนั้นแหละค่ะ แต่ลึก ๆ แล้วในใจก็ยังหวาดระแวงกลัวไปทุกอย่าง ยิ่งคุณญาดาทั้งสวยทั้งเก่งแบบนั้น น้องอัณณ์ก็ต้องกลัวว่าคุณวิชญ์จะไปตกหลุมรักคุณญาดาเข้าเหมือนกัน? วิชญ์รีบแย้งขึ้น

?แต่ผมไม่เคยรัก....? แต่เมธปรียาก็รีบพูดต่อทันทีไม่เว้นช่องว่างให้วิชญ์ได้แสดงเหตุผลบ้างเลย เธออยากให้เขาได้รับฟังความรู้สึกของพิชญธิดาที่มีเธอเป็นตัวแทนมาบอกกล่าวแทน

?คุณวิชญ์ต้องเข้าใจว่าน้องอัณณ์น่ะต้องอดทนแค่ไหนแล้วที่ทนเห็นคุณไปสวมแหวนหมั้นให้กับคุณญาดาน่ะค่ะ ยาว่าน้องอัณณ์แกร่งเกินไปเสียด้วยซ้ำ ถ้าเป็นยาคงเลิกกับคุณไปนานแล้ว ไม่มานั่งทนเจ็บทนปวดอยู่แบบนี้หรอก ใครจะไปแก้ค้งแก้แค้นก็เชิญตามสบาย เสร็จเรื่องแล้วถ้ายายังไม่มีคนใหม่ก็ค่อยมาคบกันต่อ แต่ถ้ายามีใหม่แล้วก็ช่วยไม่ได้? เมธปรียาที่อาบน้ำร้อนมาก่อนบวกกับได้รับรู้เรื่องราวทั้งหมดจากวรปรัชญ์ในวันงานเลี้ยงเปิดตัวโครงการ ?ณ นิมมานรดี เรสซิเด้นท์ เขาใหญ่? เธอจึงเข้าใจทั้งสองฝ่ายเป็นอย่างดี แต่ก็ต้องยอมรับว่าในใจลึก ๆ แล้วก็เข้าข้างพิชญธิดารุ่นน้องสาวมากกว่า ไม่ใช่เพราะเป็นผู้หญิงเหมือนกัน แต่เพราะเห็น ๆ กันอยู่ว่ามีแต่ฝ่ายหญิงที่เสียใจ หากเป็นเธอคงทนไม่ได้ที่ต้องเห็นคนที่บอกว่ารักกันไปหมั้นหมายกับคนอื่นต่อหน้าต่อตาแบบนั้น ประโยคสุดท้ายของเธอจึงเหมือนระเบิดเวลาลูกเล็ก ๆ ให้วิชญ์ได้เก็บไปคิด ดวงตาของชายหนุ่มแวววับขึ้นด้วยความไม่พอใจและไม่เห็นด้วยกับความคิดของเมธปรียาอย่างเห็นได้ชัด แถมเขายังกลัวว่าแม่เลขาฯรุ่นพี่คนนี้จะไปเสี้ยมสอนความคิดนี้ให้กับเลขาฯรุ่นน้อง ซึ่งเขาจะยอมให้เป็นอย่างนั้นไม่ได้อย่างเด็ดชาด เมื่อเมธปรียาเห็นท่าทีของเจ้านายหนุ่มที่ออกอาการหึงและหวงคนรักจากแค่ความคิดที่เปรียบเปรยให้ฟังของเธอ ?แค่ความคิดยังออกอาการขนาดนี้ ถ้าน้องอัณณ์ทำจริง สงสัยเป็นเรื่องใหญ่ เฮ้อ! แต่ตัวเองทำได้ เวรกรรม!? หญิงสาวก็เลยยิงคำถามทิ้งท้ายไว้เพื่อเตือนสติผู้บริหารหนุ่มไปว่า

?หากน้องอัณณ์ต้องไปแก้แค้นกับคนที่ฆ่าพ่อของเธอบ้าง โดยต้องไปเป็นแฟนหรือไปเป็นคู่หมั้นกับเขา คุณวิชญ์จะยอมไหมล่ะคะ? ถึงวิชญ์จะไม่ตอบแต่เลขาฯลูกหนึ่งก็รู้คำตอบดีเพราะชายหนุ่มขบกรามแน่นจนกระพุ้งแก้มกระตุก เขามองเธอด้วยดวงตาแววโรจน์ขึ้นด้วยความโกรธ ถึงจะโกรธเมธปรียาก็ไม่สนใจเพราะเธอพูดด้วยความหวังดี

?คุณวิชญ์คะ ว่าไงคะ วันนี้อยู่ทานข้าวเย็นกับป๊าได้ไหม? ญาดาถามเป็นรอบที่สองหลังจากชายหนุ่มไม่ตอบในรอบแรก

?อ๋อ! ได้ครับ ผมไม่มีธุระอะไรต่อที่ไหน ดีเลยจะได้คุยเรื่องขอเป็นหุ้นส่วนจากป๊าคุณด้วย? และแล้ววิชญ์ก็ยังเลือกที่จะแก้แค้นต่อทั้ง ๆ ที่กำลังห่วงหาพิชญธิดาอยู่เต็มหัวใจ แต่เขาก็มั่นใจว่าหากใช้ ?ใจพูดกับใจ? อย่างไรก็ไม่น่าจะยากเกินความสามารถ

************************

เช้าวันเสาร์ที่พิชญธิดาไม่ต้องไปทำงาน แต่หญิงสาวเพิ่งได้หลับไปเมื่อรุ่งสางนี่เองหลังจากนอนถ่างตารอโทรศัพท์มาทั้งคืน แปลกจริงหนอ....เวลาปิดเครื่องหนี เขากลับโทรแล้วโทรอีก แต่พอเธอเปิดเครื่องรอ....กลับไม่มีสักสายจากเขา หลังจากตื่นนอนได้สักพัก หญิงสาวจึงโทรตามเก่งซึ่งเป็นแม่บ้านรายวันที่จ้างเป็นประจำทุกสัปดาห์ให้มาทำความสะอาดบ้าน ส่วนตัวเธอก็ออกไปตลาดใกล้ ๆ เพื่อหาซื้อของสดมาทำอาหารในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ ไม่ใช่ว่ายังมีกะจิตกะใจจะทำอาหารทั้ง ๆ ที่ห่อเหี่ยวเสียขนาดนี้ แต่เธอไม่อยากออกไปหารับประทานเอาข้างนอกต่างหาก เพราะทั้งร่างกายและหัวใจต่างก็ไม่มีเรี่ยวแรงเอาเสียเลย และพวกอาหารกล่องสำเร็จรูปที่ซื้อกักตุนไว้กินในยามฉุกเฉินก็หมดเสียแล้วด้วย เมื่อเธอกลับมาถึงบ้านพร้อมทั้งของสดหลายอย่างสำหรับทำอาหารในวันหยุดสองวันนี้ที่เธอไม่คิดจะย่างกรายออกไปไหน แม่บ้านสาววัยรุ่นก็กำลังทำความสะอาดห้องนอนของเธออยู่

?คุณอัณณ์ค่ะ พอดีหนูเจอรูปพวกนี้อยู่ใต้กองหนังสือน่ะค่ะ? แม่บ้านวัยยี่สิบต้น ๆ ที่ทำงานเป็นพนักงานทำความสะอาดประจำอยู่ที่บริษัทแห่งหนึ่งในละแวกบ้านของเธอยื่นรูปถ่ายในอัลบั้มจำนวนสองเล่มส่งให้เธอ หญิงสาวยื่นมือไปรับอัลบั้มรูปถ่ายเหล่านั้น แล้วจึงเปิดดูรูปถ่ายข้างในอย่างลวก ๆ เพราะเธอจำไม่ได้ว่าเป็นรูปอะไรบ้างและถ่ายไว้ตั้งแต่เมื่อไร

?อ๋อ! ที่แท้ก็เป็นรูปคราวที่ไปเที่ยวอยุธยากับภูเก็ตนั่นเอง? พิชญธิดารีบเปิดดูอย่างผ่าน ๆ เพราะไม่อยากเห็นหน้าของคนใจร้ายคนนั้น

?คุณอัณณ์คะ คนสูง ๆ หล่อ ๆ นั่นเป็นแฟนคุณอัณณ์หรือเปล่าคะ ล้อ หล่อ นะคะ หล่อกว่าพี่ติ๊กเจษฎาพรเสียอีก แต่พอจะสูสีกับพี่โดมของหนูได้ค่ะ? เก่งแม่บ้านวัยขบเผาะถามอย่างไม่เกรงใจตามนิสัยอยากรู้อยากเห็นแต่ไม่เป็นพิษเป็นภัยกับใคร อีกเพราะค่อนข้างสนิทกับพิชญธิดาเนื่องจากมารับจ๊อบหารายได้พิเศษที่นี่นานแล้ว จากคำถามตรงประเด็นไม่มีอ้อมค้อมเลยทำให้เจ้าของบ้านรู้ได้ทันทีว่ารูปพวกนี้คง ?ผ่านมือและผ่านตา? อย่างละเอียดจากหญิงสาวรุ่นน้องมาแล้วอย่างแน่นอน เพราะขนาดเธอเปิดดูแบบลวก ๆ และค่อนข้างเร็วแม่เจ้าประคุณยังรู้ยังเห็นเลยว่าใครหล่อใครสวยบ้าง

?หล่อดีนะคะ เก่งว่าเขาเป็นพระเอกละครได้เลยนะคะ เก่งชักอยากเห็นตัวจริงจังเลยค่ะ แล้วตกลงเขาใช่แฟนของคุณอัณณ์ไหมคะ เหมาะสมกันดีนะคะ ทั้งสวยและก็หล่อทั้งคู่? เก่งถามตรงประเด็นเสียจนเจ้าของบ้านสาวเจ็บจี๊ดเสียดแทงใจ ?ถ้ายังเจ็บแสดงว่ายังไม่ลืมสินะ?

?เก่งทำความสะอาดเสร็จหรือยังล่ะ ถ้าเสร็จแล้ววันนี้เก่งช่วยรดน้ำต้นไม้ให้ฉันด้วยนะ? พิชญธิดาเลี่ยงที่จะตอบคำถามของแม่บ้านที่อยากรู้อยากเห็นตามประสา

?รีบไปทำสิ เดี๋ยวแดดก็ร้อนกันพอดี? เมื่อเห็นเก่งยังยืนเฉยแสดงสีหน้าผิดหวังที่ไม่ได้ยินคำตอบใด ๆ จากเธอ พิชญธิดาจึงเร่งอีกครั้งก่อนที่จะเปิดลิ้นชักของตู้เล็กๆ ข้างเตียงนอนแล้วจึงเก็บอัลบั้มทั้งสองเล่มลงไป ไม่ต้องเห็นรูปเธอก็จำเขาได้ขึ้นใจ....ถึงแม้จะไม่ใช่แบบเจ็บแล้วจำก็ตาม ในวันที่มีความสุขคนเรามักจะถ่ายภาพเพื่อเก็บความสุขและความทรงจำเหล่านั้นให้อยู่กับเราไว้ตราบนานเท่านาน แต่ในวันที่ทุกข์ใจเช่นนี้ภาพเก่า ๆ และความทรงจำที่สวยงามเหล่านั้นได้ย้อนนำความเจ็บปวดมาให้แทนแต่พิชญธิดาก็เลือกที่จะเก็บมันไว้ เธอจะไม่ทำลายความทรงจำที่สวยงาม เพราะครั้งหนึ่งมันก็สอนให้เธอได้รู้จักกับความรัก....ถึงจะไม่ใช่รักที่สมหวัง แต่เธอก็จะเก็บมันเอาไว้

************************

เช้าวันอาทิตย์พิชญธิดาตื่นขึ้นมาด้วยใบหน้าหมองคล้ำเพราะนอนไม่พอ เธอมัวแต่รอโทรศัพท์และก็ร้องไห้ที่ต้องผิดหวัง เธอผ่านเมื่อคืนมาได้ด้วยน้ำตา

?เขาโกรธเราจริง ๆ สินะ เพราะผ่านมาสองวันแล้วก็ยังไร้วี่แววจากเขา คงไม่เหลือเยื่อใยระหว่างเราอีกแล้ว? พิชญธิดารีบสลัดความคิดนั้นทิ้งเพราะเธอไม่อยากเริ่มต้นวันใหม่ด้วยน้ำตา......แค่นี้ตาก็บวมน่าเกลียดมากแล้ว

หญิงสาวก็ใช้เวลาทั้งวันที่เหลือนอนดูหนังผ่านระบบดาวเทียมที่เธอเป็นสมาชิกอยู่ ไม่ว่าหนังจะสนุกหรือเศร้าเคล้าน้ำตาแค่ไหน พิชญธิดาก็ไม่ได้รื่นรมย์ไปตามอรรถรสเหล่านั้นเลย เธอยังคงหวังและเฝ้ารอให้เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นสักครั้ง เธอใจจดใจจ่อกับมันอยู่อย่างนั้นจนกระทั่งเวลาล่วงเลยมาถึงสองทุ่มเศษ ก็ยังไม่มีเสียงสวรรค์ใด ๆ ให้เธอได้สมหวังอย่างที่เฝ้ารอคอย หญิงสาวจึงลุกขึ้นปิดทีวีแล้วเลยไปหยิบเครื่องเล่นเอ็มพีสามเพื่อออกไปนั่งฟังเพลงใน ?สวนน้อยลอยฟ้า? เธอเลือกเสียงเพลงให้อยู่เป็นเพื่อนในค่ำคืนเหงาเพราะไม่อยากอยู่ ?เงียบ ๆ? คนเดียว ขนาดนั่งดูทีวีไปด้วยจิตใจของเธอยังคิดฟุ้งซ่านอยู่แทบตลอดเวลา พิชญธิดาหวังว่าเสียงเพลงโปรดจะช่วยคลายเหงาให้บ้างในยามว้าเหว่เช่นนี้

ค่ำคืนนี้ท้องฟ้าสวยและสว่างเพราะพระจันทร์ที่เกือบเต็มดวงออกมาเฉิดฉายตามลำพังโดยไร้ซึ่งดวงดาวเป็นเพื่อนในยามวิกาล.....เฉกเช่นเดียวกันกับเธอ ไร้คนข้างกาย

?เขาคงโกรธเรา และคงโกรธมากจึงไม่คิดจะโทรมาง้อเลย หรือเราควรโทรไปขอโทษ ไปง้อเขา.......แต่เราไม่ผิดนี่นา เรื่องอะไรจะต้องโทรไปง้อ ตอนนี้เขาคงไปสำเริงสำราญกับคุณญาดาแล้วกระมัง เขาคงไม่ได้มานั่งคิดเรื่องเราหรอก คงมีแต่เราที่มัวมานั่งพร่ำเพ้อรำพันอยู่คนเดียว....เจ็บแล้วไม่จำสักทีนะยัยอัณณ์เอ๊ย?

พิชญธิดานั่งทบทวนเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นเมื่อสองวันที่ผ่านมา รวมทั้งเรื่องราวความรักของเธอ เรื่องราวความรักที่มีทั้งด้านสุขและด้านทุกข์ หากความรักของเธอจะสุขและทุกข์แบบคนอื่น ๆ สุขและทุกข์เพราะคนเพียงสองคนเท่านั้น มันจะดีกว่านี้ไหมหนา พิชญธิดายอมรับกับตัวเองว่าเธอกลัวอยู่ลึก ๆ ว่าความรักของเธอและเขาจะเดินมาหยุดสุดอยู่ปลายทางแค่นี้เสียแล้ว ปลายทางแห่งรักที่ช่างสั้นนัก เธอกลัวว่าพรุ่งนี้วิชญ์จะเดินเข้ามาบอกเลิกมากกว่ามาขอโทษ เพราะเขาไม่เคยโกรธเธอแบบนี้ นานแบบนี้ และยิ่งเห็นว่าวิชญ์เงียบหายไปซึ่งแตกต่างจากทุกทีที่เขาจะรีบมาง้อมาปรับความเข้าใจพิชญธิดาก็ชักหวั่น ๆ ว่าที่เธอคิดเอาไว้อาจจะเป็นจริงขึ้นมา และหากมันเป็นอย่างนั้นเธอจะทำใจได้อย่างไร....ในเมื่อเธอรักเขาจนหมดใจไปแล้ว

?ถ้าต้องเลิกกัน เราจะทำยังไง เรื่องเมื่อวานซืนกับที่ผ่านมา อันไหนมีค่าควรจดจำมากกว่ากัน?

ระหว่างเธอกับเขาและความรักของเรา ใครผิดใครถูกคงไม่สำคัญอีกแล้ว เพราะขณะนี้หัวใจของเธอได้แต่พร่ำวิงวอนขอพรจากดวงจันทร์ว่า ขออย่าให้รักของเธอมันจบลง ขอให้เรายังคงรักกัน ขอให้รักครั้งนี้เป็นรักแท้ของเธอ เพราะเธอคงไม่มีหัวใจเหลือที่จะไปเริ่มรักครั้งใหม่ได้อีก หลังจากเฝ้าขอพรจากดวงจันทร์แล้วพิชญธิดาก็คิดว่าเธอเองก็คงต้องลงมือทำอะไรบางอย่างด้วยเพื่อให้พรนั้นสำเร็จได้อย่างงดงาม เพราะอย่างน้อยเธอก็อยู่ใกล้เขามากกว่าดวงจันทร์หลายร้อยหลายพันเท่า พิชญธิดาตั้งใจไว้ว่าหลังจากนั่งทำใจสักพักแล้วเธอจะ ?ยอม? เป็นคนโทรไปง้อเขาเอง ยอมง้อดีกว่ายอมเสียเขาไป อานุภาพของความรักทำให้คนเรายอมได้ทุกอย่างเพื่อที่จะรักษารักนั้นไว้ให้อยู่กับเราได้นานที่สุด.....พิชญธิดาก็เป็นหนึ่งในนั้น

พิชญธิดานั่งหลับตาฟังเพลงไปเรื่อย ๆ คืนนี้อากาศเย็นสบาย บรรยากาศเหงา ๆ ที่มีดวงจันทร์เป็นนางเอกบนท้องฟ้ากว้างทำให้หญิงสาวที่เพิ่งรู้จักกับความรักได้ไม่นานเริ่ม ?อิน? บ่อน้ำตาเริ่มจะแตกอีกรอบแม้ว่าเธอจะพยายามกักเก็บมันเอาไว้แล้วก็ตาม หญิงสาวนั่งพิงพนักพิงของชิงช้าอย่างหมดเรี่ยวแรง ?มันคงจบลงแล้วสินะ อย่าร้องอีกเลยอัณณ์ เราเคยอยู่มาได้โดยไม่มีเขา ทำไมจะอยู่ต่อไปอีกไม่ได้ เข้มแข็งสิอัณณ์? พิชญธิดาพยายามปลอบใจตัวเอง แต่เมื่อบทเพลงโปรดที่เธอเลือกสรรเก็บบันทึกไว้ในเครื่องเล่นเอ็มพีสามกำลังบรรเลงเนื้อร้องที่ช่างเข้ากับบรรยากาศและกระแทกอารมณ์ของเธอในตอนนี้เป็นอย่างยิ่ง เขื่อนกั้นน้ำตาเจ้ากรรมที่เธอสร้างไว้ก็พังทลายลงอย่างราบคาบ

?อย่ายื้อ...ให้เหนื่อยใจ หากเธอไม่เป็นตัวเอง
อย่าฝืน...ทำต่อไป อีกเลย เพื่อให้เรารักกัน
ขอบใจนะ ที่ครั้งนึงเธอเคยยอมฝืนใจตัวเอง
ขอบใจนะ ฉันรู้ว่าเธอทำดีที่สุดแล้ว
อย่างน้อย ครั้งหนึ่ง ที่พยายามทุ่มเท
อดทนให้กัน แค่นั้นก็ดีมากมาย?
***เนื้อเพลง ขอบใจนะ - แพรว คณิตกุล

?ยื้อ? นี่เธอกำลังจะยื้อเขาไว้หรือเปล่า หากเขายังคงรักเธอแล้ว ณ เวลานี้เขาไปอยู่ที่ไหน ทำไมไม่มาหา ขอแค่ให้เขามา เธอจะยอมกล่าวขอโทษเขาเอง ขอโทษที่ทำตัวงี่เง่าอย่างที่เขาว่า ขอโทษที่หึงและไม่เชื่อใจเขา....ขอแค่ให้เขามา เธอไม่คิดว่าวิชญ์จะผิดคำสัญญาที่ให้ไว้กับเธอเมื่อไม่นานมานี้ ?วันที่ฉันบอกรักเธอเหมือนฉันได้เจอทุกสิ่ง เหมือนฉันได้พบความจริงในหัวใจ ฉันจะยืนอยู่ข้างเธอนับตั้งแต่นี้ไปและจะไม่ไปไหน? จากอารมณ์ที่กำลังอ่อนไหวและเปราะบางบวกกับความรู้สึกนึกคิดส่วนลึกและบทเพลงที่ตอกย้ำทำให้พิชญธิดาหญิงสาวที่ช่างอ่อนไหวกับความรักเริ่มไขว้เขวอีกครั้ง น้ำตาจึงไหลออกมาไม่ขาดสาย น้ำตาพรั่งพรูออกมาแทนความรู้สึกที่ล้นอยู่ในใจ ?เขาอยู่ไหน ทำไมไม่มา หรือหมดรักกันเสียแล้ว..?คนใจร้าย?

************************

ขอคอมเม้นต์ด้วยนะคะ ขอบคุณมากค่ะ

ตอบกลับโพส

ย้อนกลับไปยัง “ก้าวแรก(สู่นักเขียนมืออาชีพ)”