ภารกิจรัก ภารกิจแค้น ตอนที่ 26 (อัพเพียง 50 % ก่อนนะคะ)

ถ้าเพื่อนๆ มีเรื่องที่น่าสนใจและต้องการแบ่งปันเนื้อหา หรือร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการเป็นนักเขียนมืออาชีพ

Moderator: Gals, B.Comics, พี่บี

ตอบกลับโพส
athita
โพสต์: 41
ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ 11 เม.ย. 2009 11:15 pm

ภารกิจรัก ภารกิจแค้น ตอนที่ 26 (อัพเพียง 50 % ก่อนนะคะ)

โพสต์ โดย athita »

ขอบคุณสำหรับกำลังใจค่ะ อาการป่วยดีขึ้นแล้ว ยังเหลือไอบ้างนิดหน่อย วันนี้เลยมาอัพตอนที่ 26 ให้สัก 50% ก่อนนะคะ ......อาทิตา

ตอนที่ 26 รักแท้....มีจริงหรือ

?ปรัชญ์ ฉันลืมไปว่าพรุ่งนี้ฉันได้หยุดงานหนึ่งวัน ฉันเลยคิดว่าจะกลับไปนอนที่บ้านดีกว่าน่ะ แกคงไม่ว่าอะไรนะถ้าต้องนอนค้างที่โรงแรมคนเดียว? พิชญธิดาที่ตอนนี้นั่งอยู่ในรถกับกฤตธีแล้ว แต่เพิ่งนึกได้ว่าเธอออกจากงานเลี้ยงมาโดยไม่ได้ร่ำลาและบอกกล่าวถึงการเปลี่ยนแผนอย่างฉุกเฉินกับเพื่อนซี้ เธอจึงเพิ่งโทรไปบอกเขา

เหตุผลสำคัญที่เธอไม่อยากอยู่ช่วยในงานเลี้ยงต่อนอกจากจะเสียใจกับสิ่งที่แฟนหนุ่มทำกับเธอแล้ว ก็คือ เธอไม่อยากทนเห็นสายตาของเพื่อนร่วมงานบางคน สายตาของพวกเขาเหล่านั้นที่มองมาที่เธอ มีทั้งสงสารที่เธอต้องอกหัก หรือเห็นว่าเธอเป็นได้แค่ตัวสำรอง.....ของเล่น.....ของว่างของท่านประธานกรรมการ และอีกหลายสายตาที่มองมาด้วยความสมเพชปนเยาะเย้ยที่ได้เห็นชะตากรรมของเพื่อนร่วมงานที่พวกเขาตั้งแง่และคิดเอาเองว่าเธอ ?ใช้เต้าไต่? พิชญธิดาไม่เห็นความจำเป็นที่จะต้องอธิบายให้ใครต่อใครเข้าใจ.....เรื่องของเธอ.....ชีวิตของเธอ....ถ้าจะพลาดจะพังก็ขอให้พลาดและพังกับมือเธอเอง ไม่ใช่ลมปากของใครต่อใคร นอกจากนั้นพิชญธิดาเองก็ยังไม่พร้อมที่จะฟังคำอธิบายจากเขาคนนั้นด้วยเช่นกัน การหนีกลับบ้านเพื่อไปตั้งหลักก่อนน่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุดในเวลานี้ ถึงแม้เธอจะจำสัญญาที่เคยให้ไว้กับวิชญ์ได้ก็ตาม.....

?ผมขอแค่เพียงต่อไปถ้ามีอะไรเกิดขึ้นอีก ขอแค่ให้เราได้พูดคุยกันก่อนจะได้ไหม อย่าเล่นหลบหน้าหนีหายกันแบบนี้ อย่าวู่วาม เราต้องพูดต้องเคลียร์กันก่อน รู้ไหมว่าผมทุรนทุรายแค่ไหนที่ติดต่ออัณณ์ไม่ได้เลยน่ะ ผมห่วงไปหมด กลัวว่าอัณณ์จะเป็นอะไร อย่าทำแบบนี้อีกนะ ผมขอแค่นี้เองให้ผมได้ไหมครับ?

พิชญธิดาสะดุ้งตื่นจากความนึกคิดเมื่อได้ยินเสียงของคนปลายสายที่กำลังโวยวายลั่นว่าเธอหนีกลับโดยไม่บอกไม่กล่าว

?เออ เชิญตามสบายเลยย่ะคุณวรปรัชญ์ แกจะพาใครขึ้นไปนอนหรือทำอย่างอื่นด้วยก็ได้ ถ้าเขาสมยอมแกนะ ไม่ใช่บังคับขู่เข็ญ? พิชญธิดาแซวกลับด้วยน้ำเสียงเนือย ๆ ไม่ร่าเริงเหมือนเคย

?บ้า! ฉันไม่เข้าไปขัดจังหวะแกหรอก เพราะตอนนี้ฉันอยู่ในรถแล้วย่ะ คุณกฤตเขามาส่งน่ะ.......เปล่าไม่ได้เป็นอะไร แค่เหนื่อยจากงานเลี้ยงนิดหน่อยน่ะ?

?เหรอ.......เขาคงแถลงข่าวงานหมั้นด้วยมั้งมันเลยนานน่ะ........เปล่า ฉันไม่เป็นไรจริง ๆ.......อืม แค่นี้นะ พรุ่งนี้สาย ๆ ฉันค่อยโทรหาแก บ้ายบายจ๊ะ ขอให้นอนหลับและหลับนอนอย่างมีความสุขนะ? พิชญธิดาที่พยายามฝืนทำตัวให้ร่าเริงเหมือนยามปกติโดยการทั้งกัดและแซววรปรัชญ์อย่างที่ทำเป็นประจำเพื่อไม่ให้เพื่อนรักเป็นห่วงตน หญิงสาวกดวางสายก่อนที่จะเอนศีรษะพิงลงบนพนักรองศีรษะของเบาะรถหรูอย่างคนหมดแรง.....ไม่เหลือแรงใจอีกต่อไปแล้ว ชายหนุ่มที่กำลังควบคุมยานพาหนะคันโปรดของเจ้านายหนุ่มรับรู้ได้ถึงน้ำเสียงทอดอาลัยและความเหนื่อยล้าของหญิงสาวข้างกาย เขาหันมามองเสี้ยวหน้าของเธอก่อนที่จะชวนพูดคุย

?คุณอัณณ์หิวไหมครับ จะแวะทานอะไรก่อนหรือเปล่า? กฤตธีถามด้วยความเป็นห่วงเพราะเขาเห็นหญิงสาววิ่งวุ่นทั่วงานจนไม่มีเวลารับประทานอะไรเลย

?อัณณ์ไม่หิวค่ะ คุณกฤตหิวเหรอคะ? พิชญธิดาหันหน้ามาถามเพื่อนร่วมทางที่อาสามาส่งเธอถึงบ้าน เพราะไม่อยากให้เธอขึ้นแท็กซี่กลับตามลำพังอย่างที่เธอต้องการ

?ครับหิวนิดหน่อย ได้กินของว่างรองท้องก่อนงานเริ่มเท่านั้น คุณอัณณ์แน่ใจนะครับว่าไม่หิว ไม่ใช่กินไม่ลง? กฤตธีดักคออย่างคนรู้ทัน พิชญธิดาจึงหันมายิ้มให้เขา

?หิวก็ได้ค่ะ งั้นเราแวะทานอะไรกันดีคะ อัณณ์ขอเป็นเจ้ามือเอง?

?อะไรก็ได้ครับ ของฟรียังไงก็อร่อย? กฤตธีพยายามสร้างเสียงหัวเราะให้หญิงสาวหวานใจเจ้านาย แต่เขาทำได้แค่สร้างรอยยิ้มแบบขอไปที ๆ บนใบหน้าหวานที่กำลังฉายแววเศร้า กฤตธีเองก็คิดว่าพิชญธิดาคงทำใจไม่ได้กับการประกาศหมั้นของเจ้านายเขา โชคดีที่เขามาเข้าห้องน้ำเช่นกันจึงได้เห็นว่าพิชญธิดากำลังจะเดินออกจากห้องจัดเลี้ยงไปยังลิฟต์ พอรู้ว่าเธอกำลังจะกลับบ้านและยืนกรานที่จะไม่ค้างที่โรงแรม เขาเลยอาสามาส่งเธอเสียเอง อย่างน้อยเขาก็มีข้อมูลไปรายงานเจ้านายได้ว่าเธออยู่ที่ไหน

************************

กฤตธีมาส่งพิชญธิดาถึงบ้านหลังแวะรับประทานข้าวต้มข้างทางกัน หญิงสาวได้ฝากบอกกับกฤตธีเป็นนัย ๆ ว่า

?คืนนี้อัณณ์ว่าจะพักผ่อน อาจจะนอนยาวจนถึงเที่ยงเลย เพราะ ?เหนื่อย? เหลือเกิน อัณณ์คงจะปิดมือถือเลยนะคะ แล้วเจอกันวันมะรืนนี้นะคะคุณกฤต ขอบคุณอีกครั้งค่ะที่มาส่ง ขับรถกลับดี ๆ นะคะ? พิชญธิดาสั่งความเสียยาวเหยียดเพื่อปิดโอกาสไม่ให้กฤตธีได้ซักถามอะไรอีก หลังจากที่เขาได้พยายามคาดคั้นเธอหลายต่อหลายครั้งในร้านข้าวต้ม แต่เธอก็ยังยืนยันคำเดิม คือ ?อัณณ์เหนื่อยน่ะค่ะ ยุ่งกับการเตรียมงานเลี้ยงคืนนี้มาหลายวันแล้ว อัณณ์ไม่ได้เป็นอะไรจริง ๆ ค่ะ? พิชญธิดารู้ว่ากฤตธีเป็นห่วงเธอ หญิงสาวยังจำได้ถึงความหวังดีของเขาในขณะที่เขาขับรถมาส่งเธอ

?เอ่อ....เรื่องคืนนี้ คุณอัณณ์อย่าเก็บไปคิดมากนะครับ นายรักคุณอัณณ์มากนะครับ แต่ที่นายต้องทำเพราะมันเป็นความจำเป็นจริง ๆ? กฤตธียังปฏิบัติหน้าที่ลูกน้องที่ดีอย่างแข็งขันแม้นอกเวลางานแล้วก็ตาม

?คนรักกัน แต่ต้องมาทนเห็นอีกฝ่ายทำแบบนี้ มันเจ็บนะคะคุณกฤต อัณณ์ว่าสู้เกลียดกันไปเลยยังจะดีกว่า น่าจะเจ็บน้อยกว่านี้? พิชญธิดาเบือนหน้าหนีไปอีกทางเพื่อซ่อนหยดน้ำที่เริ่มก่อขึ้นในดวงตา

กฤตธีไม่ได้พูดอะไรอีกถึงแม้เขาจะเข้าใจความรู้สึกของพิชญธิดาก็ตาม แต่สำหรับเรื่องนี้คนที่เหมาะสมที่สุดที่ควรจะมาพูดกับหญิงสาวไม่ใช่เขา ถึงเขาจะปลอบเธอก็คงไม่หายเศร้า เพราะเขาไม่ใช่ยาขนานเอกที่จะรักษา ?ไข้ใจ? ของหญิงสาวได้

************************

เมื่อพิชญธิดาเดินเข้ามาในบ้านแล้ว เมื่อไม่มีใครที่เธอจะต้องหลบซ่อนความอ่อนแอ เมื่อไม่มีใครอยู่ข้างกาย น้ำใส ๆ ก็ค่อย ๆ ไหลลงมาจากดวงตาเศร้าสร้อยคู่โต เธอไม่ได้บังคับ ไม่ได้ตั้งใจ น้ำตามันไหลออกมาเอง เมื่อสมองไม่ได้สั่ง ก็คงเป็นหัวใจที่กำลังอ่อนแอที่ทำหน้าที่บัญชาการ อีกครั้งกับน้ำตาที่ต้องสูญเสียเพราะเขา.....ยิ่งรักยิ่งเจ็บมันเป็นแบบนี้นี่เอง

เมื่อหัวใจอ่อนแอความฟุ้งซ่านก็เข้ามาครอบงำได้อย่างง่ายดาย ในยามนี้ที่เธอกำลังเหงา เขาคงมีความสุขอยู่กับญาดา ผู้หญิงคนนั้นโชคดีที่ได้ยืนข้างกายเขาในขณะที่เธอต้องหลบอยู่แต่ในเงา ญาดาได้แหวนหมั้นพร้อมการยกย่องยินดี แต่เธอถูกเยาะเย้ยด้วยสายตา ญาดาใส่ชุดสวยไม่ต่างจากเธอ....จากร้านเดียวกัน ออกแบบมาเป็นเซ็ทเดียวกัน บังเอิญหรือตั้งใจ เธอไม่ได้คิดมากเพราะมันเห็นตำตา จริงหรือที่เธอได้ครอบครองรักแท้ของเขา จริงหรือที่เขารักเธอ จริงหรือที่เขาทำไปเพื่อการแก้แค้นเท่านั้น พิชญธิดาชักลังเล หญิงสาวร้องไห้เงียบ ๆ คนเดียวอยู่นาน ร้องเพราะเสียใจ ร้องเพราะผิดหวัง ร้องเพราะตัดใจไม่ได้เสียที และร้องเพราะ......รัก......คำเดียว

************************

?20 สายไม่ได้รับ? แต่เป็นหมายเลขเดียวกันทั้ง 20 สาย หมายเลขของเขา พิชญธิดาที่เพิ่งตื่นนอนในเวลาเกือบเที่ยงวันยังคงนั่งนิ่งตริตรองบางอย่างอยู่ในใจ ก่อนที่จะตัดสินใจกดโทรศัพท์โทรออกถึงเพื่อนซี้เพื่อขอยกเลิกนัดที่ได้ตกลงไว้ว่าจะออกไปเดินช้อปปิ้งตามประสาสาว ๆ ในช่วงบ่ายของวันนี้ เธอบอกกับวรปรัชญ์ว่าเหนื่อยและอยากนอนพักผ่อนอยู่ที่บ้านมากกว่า วรปรัชญ์จึงบอกว่าจะแวะมาหาเธอแทน เมื่อวางสายแล้วพิชญธิดาก็ลุกไปอาบน้ำเพื่อเพิ่มความสดชื่นให้ตัวเองและเตรียมรอต้อนรับเพื่อนซี้ เมื่อออกจากห้องน้ำเธอพบว่ามีหมายเลขที่ไม่ได้รับสายเพิ่มขึ้นมาอีก 3 ครั้ง แต่ก็ยังคงเป็นหมายเลขเดิม หญิงสาวยังคงประวิงเวลาออกไปอีก เธอยังไม่อยากพูดคุยกับเขาในตอนนี้ เธอยังเข้มแข็งไม่พอ

ตกบ่ายเมื่อสาวแท้และสาวเทียมได้มาพบปะกัน เมื่อวรปรัชญ์สังเกตเห็นว่าเพื่อนรัก ?ผิดปกติ? อย่างแน่นอน ความห่วงใยจึงถูกถ่ายทอดให้กันและกันในยามที่อีกคนกำลังอ่อนล้า.....ท้อ.....และสิ้นหวัง

?อัณณ์ ตกลงแกเป็นอะไรหรือเปล่า ฉันเป็นเพื่อนแกนะยะ มีอะไรทำไมต้องปิดบังฉัน ฉันกับแกรู้จักกันมากี่ปี่แล้ว อย่าลืมนะว่าฉันรู้จักแกมาก่อนคุณวิชญ์ของแกอีกนะ เพราะฉะนั้นแกน่าจะไว้ใจฉันสิ ฉันน่าจะมีความสำคัญกับแกไม่น้อยไปกว่าคุณวิชญ์คนที่แกเพิ่งจะคบหาดูใจด้วยนะ นังอัณณ์ ฉันน่ะรักแกไม่น้อยไปกว่าที่แกรักเขาหรอกนะ ถึงฉันจะไม่เคยจูบปากกับแกก็เถอะ? วรปรัชญ์ถามเข้าประเด็นเพราะเรื่องเดียวที่ทำให้เพื่อนสนิททุกข์ใจจนมาส่งผลทำให้หน้าตาอิดโรยและปราศจากรอยยิ้มสดใสได้คงมีอยู่เรื่องเดียว.....เรื่องของหัวใจ แต่คนถามอย่างวรปรัชญ์ก็ยังไม่วายนอกเรื่องอยู่บ้าง

?นังปาด! ที่ฉันยังไม่เล่าเพราะไม่รู้ว่าเล่าไปแล้วจะมีอะไรดีขึ้นไหม ฉันไม่อยากเอาเรื่องไม่เป็นเรื่องมาให้แกปวดหัวอีกคนน่ะ? พิชญธิดาบอก

?นังโง่! นังซื่อบื้อเอ๊ย! ถ้าได้เล่าก็ต้องดีขึ้นสิ อย่างน้อยแกก็จะได้ระบายออกมาบ้าง พอได้ระบายแล้วมันก็ต้องสบายใจขึ้นบ้างสิ และอีกอย่างนะ ถึงมันจะไม่ใช่เรื่องของฉันก็ตามแต่แกก็เล่าให้ฉันฟังได้ ไม่งั้นจะมีเพื่อนไว้ทำซากอะไรฮะ หรือแกคิดว่าเพื่อนอย่างฉันมีไว้แค่ชวนกินชวนเที่ยวได้อย่างเดียวฮะนังอัณณ์? วรปรัชญ์ต่อว่าเพราะนึกน้อยใจที่เพื่อนสาวเห็นเขาเป็นแค่คนอื่นคนไกลไม่ใช่เพื่อนร่วมทุกข์ร่วมสุข

?เออ เออ เออ เล่าแล้ว ๆ คุณวรปรัชญ์เพื่อนที่แสนดีแสนประเสริฐ แหม! ไม่ต้องมาทำงอนเลยย่ะ แล้วก็ไม่ต้องมาหลอกด่าฉันว่าโง่ว่าซื่อบื้อด้วย เอาล่ะ ตั้งใจฟังนะจะเล่าแล้ว เออ...แล้วก็ช่วยคิดตามด้วยเพราะเดี๋ยวตอนท้ายจะมีคำถาม ถ้าแกตอบไม่ได้ล่ะก็น่าดู ฉันจะเรียกแกว่านังโง่บ้าง คอยดูสิ คือ ที่ฉันโกรธคุณวิชญ์น่ะ? พิชญธิดาเริ่มต้นเรื่องได้ไม่ทันไรก็ต้องหยุดเพราะวรปรัชญ์แทรกขึ้นทันทีทันควัน

?เรื่องที่เขาประกาศหมั้นน่ะเหรอ?

?จะฟังให้จบก่อนได้ไหม ไม่แทรกสักครั้งจะตายไหมฮะนังปาด?

?เออ ๆ โทษที อยากรู้มากไปหน่อย เอา ๆ เล่าต่อเลย ไม่ขัดแล้ว?

?ฉันไม่ได้โกรธคุณวิชญ์เรื่องการประกาศหมั้นอะไรนั่นหรอก เพราะเขาบอกฉันไว้แล้ว แต่ฉันก็ไม่อยากเห็นภาพที่เขากำลังสวมแหวนหมั้นให้คนอื่นหรอกนะปรัชญ์ ยังไงก็ทำใจไม่ได้อ่ะ จะว่าฉันแอบอิจฉาอยู่ลึก ๆ ก็ได้นะ แกว่ามันไม่ตลกเหรอ คนรักกันแต่ต้องปิดบังคนอื่น แถมต้องมาทนเห็นคนที่เรารักสวมแหวนหมั้นให้คนอื่นอีก.....มันเจ็บน่ะ? วรปรัชญ์ลูบหลังเพื่อนซี้ขึ้นลงเมื่อเห็นว่าพิชญธิดาเริ่มทำตาแดง ๆ

?ก็คิดซะว่ามันเป็นละครฉากหนึ่งไงอัณณ์ ยายญาดาไม่ใช่นางเอกเป็นได้แค่ตัวอิจฉา ไม่ใช่สิ เป็นแค่นางรองอ่ะ ที่อีกสักพักก็ต้องรู้ความจริงแล้วก็ต้องอกหักไปตามระเบียบ ส่วนแกที่เป็นนางเอกตัวจริงก็จะได้แต่งงานกับพระเอกในตอนจบไง? วรปรัชญ์ปลอบเพื่อนสาว

?ปรัชญ์....แกรู้ไหมว่าบางทีฉันก็อดคิดไม่ได้นะ ว่าเรื่องของฉันมันอาจจะไม่จบแบบแฮปปี้เอ็นดิ้งก็ได้ ใครจะไปรู้.....แต่ก็ช่างเถอะจะแฮปปี้หรือแซดฉันก็คงกำหนดมันไม่ได้เพราะฉันไม่ใช่ผู้กำกับ เอาเป็นว่าฉันไม่ได้โกรธคุณวิชญ์เรื่องการประกาศหมั้นนั่นแต่ฉันโกรธที่เขาพาคุณญาดาไปซื้อเสื้อผ้าร้านเดียวกันกับที่เขาพาฉันไป แถมชุดของฉันกับคุณญาดาก็เป็นชุดเสื้อผ้าในเซ็ทเดียวกันอีก ฉันโกรธเขาที่มาหลอกฉัน แกลองคิดดูสิ เขาบอกคนที่ร้านว่าฉันเป็นแฟนเขา แต่เขายังกล้าพาคนอื่นไปซื้อเสื้อผ้าที่ร้านนั้นอีกอ่ะ คนที่ร้านคงคิดว่าฉันโง่ ถูกหลอกแล้วยังไม่รู้ตัวอีก? พิชญธิดากลั้นก้อนสะอื้น

?อัณณ์ ฉันถามแกหน่อยนะ แกรู้ได้ไงว่าเขาพาใครไปที่ร้านนั้นก่อน และพาใครไปทีหลัง? คนช่างสงสัยถามขึ้น

?ก็ฉันได้ลองชุดที่คุณญาดาใส่แล้วนะสิ พนักงานบอกว่าชุดแต่ละแบบมีตัวเดียวเท่านั้น ฉันลองใส่แล้วไม่เอา? พิชญธิดาเลยเล่ารายละเอียดของเหตุการณ์ทั้งหมดให้วรปรัชญ์ฟัง เมื่อเล่าจบคนช่างสงสัยก็ตั้งคำถามขึ้นอีก

?อัณณ์ แล้วแกไม่คิดบ้างหรือว่าคุณญาดาเขาอาจจะไปซื้อชุดที่ร้านนั้นเองก็ได้นะ ทำไมแกต้องคิดว่าคุณวิชญ์จะเป็นคนพาเขาไปด้วยล่ะ? คำถามข้อนี้ดีทีเดียวเพราะทำเอาคนถูกถามอึ้งและไม่มีคำตอบ

?ไม่รู้สิ ฉันรู้เพียงว่าเขาพาคุณญาดาไปตระเวนหาซื้อเสื้อผ้าตั้งหลายร้านเพื่อใส่มางานเมื่อคืนนี่นา ร้านนี้น่าจะเป็นหนึ่งในนั้นด้วย?

?สรุปว่าแกเดาใช่ไหม ไม่ได้เห็นกับตาใช่ไหม ที่ฉันเรียกแกว่านังโง่นี่ยังน้อยไปมั้ง ทำไมแกช่างเหมือนนางเอกในละครน้ำเน่าเสียจริงอ่ะ เอะอะก็คิดเอง เออเอง แล้วก็เศร้าเอง? วรปรัชญ์ต่อว่าเพื่อนสนิทได้อย่างเจ็บแสบเพื่อให้หูตาสว่างขึ้น

?ก็แกบอกเองนี่นาว่าฉันป็นนางเอกของเรื่องนี้? พิชญธิดายังคงบ่นงุบงิบอย่างไม่ยอมแพ้

?ก็ใช่น่ะสิย่ะ แกไม่ฉลาดนี่ แกเป็นนางอิจฉาแบบฉันไม่ได้หรอก เป็นได้แค่นางเอกซื่อบื้อ ๆ แบบนี้แหละ นังอัณณ์นี่สรุปว่าฉันมานั่งเสียเวลาฟังเรื่องที่แกบ้าบอคิดไปเองทั้งนั้น ใช่ไหม? เมื่อเจอหมัดเด็ดของวรปรัชญ์ศิษย์ ?น้องตุ้ม? พิชญธิดาก็ยอมแพ้อย่างราบคาบ

?ที่จริงถ้าแกถามคุณวิชญ์ด้วยตัวเองก็จบเรื่องไปแล้ว ไม่ต้องมานั่งฟูมฟายเป็นบ้าเป็นบอแบบนี้ อัณณ์...ฉันกล้ารับประกันเลยนะว่าคุณวิชญ์น่ะไม่ได้พาแม่นั่นไปร้านนั้นหรอก ก็แกบอกเองไม่ใช่เหรอว่าร้านนั้นเป็นร้านประจำของป้าเขา แกอย่าลืมนะว่านั่นนะลูกของคนที่ฆ่าพ่อแม่เขา เขาจะไปรักลงเหรอ?

?จริงด้วยสิ คุณญาดาเป็นลูกของนายเมธินทร์ที่คุณวิชญ์เกลียดมาก ปรัชญ์ทำไมฉันถึงลืมเรื่องนี้ไปได้นะ? พิชญธิดาที่บทจะเข้าใจอะไรขึ้นมาก็ช่างง่ายดายเสียเหลือเกิน นี่ถ้าวิชญ์มารู้ความจริงเข้าคงน้อยใจแย่ที่แฟนสาวเชื่อใจเพื่อนซี้มากกว่าตัวเขาที่เป็นคนกุมหัวใจเธอ หญิงสาวยิ้มหวานและย้ำกับตัวเองว่าคนรักกันต้องไว้ใจกัน เชื่อใจกัน เธอไม่น่าไขว้เขวกับเรื่องไม่เป็นเรื่องแบบนี้เลย คิดแล้วก็ขำตัวเอง หรือว่าผู้หญิงที่มีความรักมักขาดเหตุผลแบบนี้กันทุกคน

************************

ขอคอมเม้นต์ด้วยนะคะ.....please please please

ตอบกลับโพส

ย้อนกลับไปยัง “ก้าวแรก(สู่นักเขียนมืออาชีพ)”