ภารกิจรัก ภารกิจแค้น ตอนที่ 23.....โดย อาทิตา

ถ้าเพื่อนๆ มีเรื่องที่น่าสนใจและต้องการแบ่งปันเนื้อหา หรือร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการเป็นนักเขียนมืออาชีพ

Moderator: Gals, B.Comics, พี่บี

ตอบกลับโพส
athita
โพสต์: 41
ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ 11 เม.ย. 2009 11:15 pm

ภารกิจรัก ภารกิจแค้น ตอนที่ 23.....โดย อาทิตา

โพสต์ โดย athita »

ตอนที่ 23 บุกรังสุนัขจิ้งจอก มาครบ 100 % แล้วจ้า ........อ่านแล้วอย่าลืมเขียนคอมเม้นต์ให้คนเขียนด้วยนะคะ จะเป็นความคิดเห็นหรือแรงใจก็ได้ค่ะ เอาทั้งนั้นค่ะ ขอบคุณมากค่ะ.........อาทิตา

ตอนที่ 23 บุกรังสุนัขจิ้งจอก

หลังจากส่งแฟนสาวเข้าบ้านเรียบร้อยแล้ว วิชญ์ก็ขับรถมุ่งกลับไปยังคอนโดหรูริมแม่น้ำเจ้าพระยาของตนเอง ชายหนุ่มคิดหนักกับคำพูดของแฟนสาว คำพูดที่ทำให้เขาต้องมองพิชญธิดาเสียใหม่ ท่าทีที่เธอแสดงออกมานั้นเหมือนไม่เป็นอะไรกับเหตุการณ์ตรงหน้า เธอทำเหมือนเธอรับมือกับมันได้อย่างสบาย ๆ แต่ลึก ๆ แล้วในใจเธอคงสับสนไม่น้อย สับสนสลับกับหวาดกลัว เพียงแค่เขาบอกเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้พิชญธิดาฟัง เธอยังเริ่มกังวลใจและทุกข์ใจถึงเพียงนี้ หากเขาเริ่ม ?เอาคืนฝ่ายศัตรู? อย่างจริงจัง เธอจะไม่แย่ไปกว่านี้หรือ และสำหรับตัวเขาถึงแม้จะยังไม่ได้ลงมือทำอะไรอย่างจริงจังแต่เขาก็แน่ใจว่าความแค้นที่สุมอกอยู่ไม่ได้เลือนหายไปไหน เพราะทุกครั้งที่ได้พบหน้ากับลูกสาวศัตรูมันก็ยิ่งตอกย้ำว่าเรื่องทั้งหมดเกิดขึ้นจริง ไม่ได้เป็นแค่ฝันร้าย พ่อแม่และน้องสาวของเขาไม่ได้ตายเพราะอุบัติเหตุ แต่เป็นพราะมัน.....ไอ้สารเลวเมธินทร์ เขาเองก็สับสนไม่น้อยไปกว่าพิชญธิดา สับสนระหว่างการเลือกที่จะลงเอยกับรักแสนหวานหรือจะแก้แค้นให้พ่อแม่และน้องสาวดี วิชญ์ชักจะลังเลและเริ่มไม่แน่ใจ รักฤาแก้แค้นอะไรที่จะนำพาความสุขที่แท้จริงมาให้กับชีวิตเขา หากญาดาเกิดเป็นผู้ชายการแก้แค้นของเขาคงง่ายกว่านี้ขึ้นเยอะ ชีวิตต้องแลกด้วยชีวิต ไอ้เมธินทร์จะเจ็บอย่างที่เขาเคยเจ็บ ส่วนพิชญธิดาก็ไม่ต้องมารับรู้กับเรื่องราวที่เธอไม่ได้เกี่ยวข้อง เธอจะไม่ต้องเจ็บแบบนี้ ไม่ต้องทนทรมานกับรักแบบนี้ ดังนั้นความแค้นของวิชญ์จึงยิ่งทวีคูณมากขึ้นเมื่อรู้ว่าหญิงสาวที่เขาได้มอบหัวใจรักให้ไปนั้นกำลังได้รับผลกระทบจากเรื่องนี้ไม่น้อยไปกว่าเขาผู้เป็นเจ้าของเรื่อง พิชญธิดาแกร่ง....แต่ก็เจ็บเป็น เธอเข้มแข็ง....แต่ก็ยังมีน้ำตา เธอสู้....แต่ก็ยังหวั่นไหว และเธอรักเขาอย่างที่เขารักเธอแต่ความรักของพวกเขาไม่สามารถลงเอยได้ในเวลานี้ คิดแล้ววิชญ์ก็ยิ่งแค้น เขาจึงบวกเอาความเจ็บปวดของพิชญธิดาเข้าไปในต้นทุนของการแก้แค้นนั้นเสียเลย เธอจะไม่เจ็บฟรี จะไม่เสียน้ำตาไปเปล่า ๆ และจะต้องสมหวังในรักที่มอบให้เขาในเร็ว ๆ นี้ เมื่อเริ่มมองเห็นทางออกของเรื่องเหล่านี้ได้แล้วในที่สุดวิชญ์จึงตัดสินใจโทรศัพท์ไปหาผู้เป็นลุงเพื่อขอความมั่นใจอีกครั้งก่อนที่จะเริ่มลงมือ ?จัดการ? กับตัวการของเรื่องนี้อย่างจริงจังเสียที หากเขาสะสางได้เร็วขึ้นเวลาของความสุขก็จะมาเยือนได้เร็วขึ้นเช่นกัน

?ว่าไงไอ้เสือสิ้นลาย วันนี้มีอะไรจะให้ลุงรับใช้ล่ะ? ผู้เป็นลุงทักทายติดตลกปนกระเซ้าเย้าแหย่หลานชายคนเดียวของเขา

?ใครครับเสือสิ้นลายน่ะ ผมน่ะ ทั้งลายทั้งเขี้ยวเล็บยังอยู่ครบนะครับจะบอกให้? วิชญ์ปฏิเสธพร้อมคุยฟุ้ง

?เชอะ! งั้นฉันขอเดาว่าตอนนี้แม่หนูอัณณ์คงไม่อยู่ข้าง ๆ แกล่ะสิ ใช่ไหม แกถึงกล้างัดเอาเขี้ยวเล็บออกมาขู่ฉันน่ะ? พ่อเลี้ยงพาครรู้ทันหลายชายในไส้อีกตามเคย

?โธ่ลุงอ่ะ ผมก็เอาแบบอย่างมาจากลุงนั่นแหละครับ ผมเห็นว่าลุงน่ะเกรงใจป้าเขาดีความรักก็เลยยั่งยืนยาวนาน ผมก็เลยทำตามบ้างก็แค่นั้นล่ะฮะ? วิชญ์กล่าวออกไปอย่างครื้นเครง

?เออ! ที่กรุงเทพฯของแกคงเรียกกันว่า ?เกรงใจ? แต่ที่บ้านนอกแบบนี้ เขาเรียกกันว่ากลัวเมียโว้ย?

?โอเค ๆ ครับ สรุปว่าคุณลุงกลัวเมีย อันนั้นผมเข้าใจดีครับ? วิชญ์ยังลื่นไปได้เรื่อย ๆ

?แกไม่กลัวงั้นสิ? พ่อเลี้ยงพาครประชด

?ไม่กลัวครับ? วิชญ์ตอบอย่างฉะฉานสมเป็นลูกผู้ชายตัวจริงก่อนที่จะจบประโยคว่า ?เพราะผมยังไม่มีเมียให้กลัว ฮ่า ฮ่า ฮ่า?

?ดูมันพูดเข้า แสบจริง ๆ ไอ้หลานชายคนโปรดของคุณนี่? พ่อเลี้ยงพาครหันไปฟ้องภรรยาที่นั่งรอคิวจะพูดสายกับหลานชายสุดที่รัก แม่เลี้ยงปวีณาได้โอกาสจึงแบมือขอโทรศัพท์จากสามีมาพูดสายแทน

?จ้า พ่อคนเก่ง เอ...แต่ที่ป้าได้ยินมามันไม่ใช่แบบนี้นี่นา ไหนใครบอกว่าพอแฟนงอนปุ๊บท่านประธานกรรมการวิชญ์ก็วิ่งไปง้อปั๊บไง แถมแฟนหนีงานแค่ไม่กี่วัน ท่านประธานยังเซ็นเอกสารผิด ๆ ถูก ๆ ไปหลายหน้า อันนี้เรื่องจริงหรือเปล่าจ๊ะ? ว่าแล้วแม่เลี้ยงปวีณาก็หัวเราะคิกคักที่ได้เอาคืนหลานชายตัวแสบแทนสามี

?โอ๊ย! ใครมาฟ้องอีกล่ะครับ ข่าวมั่วทั้งนั้น คุณป้าอย่าไปเชื่อนะครับ ไม่มีมูลสักนิด? วิชญ์พูดตอบอย่างอารมณ์ดี เขายิ้มได้กว้างและหัวเราะได้เต็มที่อยู่เสมอหากได้พูดคุยกับลุง ป้า และพิชญธิดา สามคนในหัวใจดวงเดียว

?งั้นป้าหวังว่าเวลาวิชญ์มีเมียกับเขาเข้าจริง ๆ แล้วล่ะก็ยังเก่งกล้าสามารถ ไม่กลัวเหมือนเดิมนะจ๊ะ ขอให้ปากดีแบบนี้ได้ตลอดรอดฝั่งเถอะ ป้าจะคอยดูน้ำหน้า?

?อันนั้นไม่รับปากครับ เพราะกลัวทำไม่ได้ ป้าครับ ผมคิดถึงป้าจัง? วิชญ์เปลี่ยนเรื่องอย่างรวดเร็วเพราะรู้ตัวว่าใกล้จนมุมเต็มทีแล้ว และเมื่อไม่มีพิชญธิดาอยู่ข้าง ๆ วิชญ์ก็กลับมาอ้อนผู้เป็นป้าแทน

?แหม ทำมาเป็นปากหวานเชียวนะ คิดถึงแล้วทำไมไม่ขึ้นมาหากันเลย ปล่อยให้คนแก่เหงากันอยู่แค่สองคน ฮึ พ่อตัวดี?

?งานยุ่งนี่ครับ นี่อีกสองอาทิตย์ก็ต้องเปิดตัวโครงการใหม่อีกแล้ว ป้าช่วยลงมาเป็นประธานเปิดงานให้ผมหน่อยสิครับ?

?อุ๊ยไม่เอาหรอก ทำไมไม่ไปเชิญคนใหญ่คนโตทั้งหลายล่ะลูก พวกนั้นเขาเจนเวทีน่าจะทำได้ดีกว่าป้าเป็นไหน ๆ?

?เบื่อครับ เชิญคนพวกนั้นทีไรก็ต้องใส่ซองหนา ๆ เป็นค่าตอบแทนให้ทุกที ผมเชิญคุณลุงกับคุณป้าดีกว่า ไม่ต้องใส่ซองให้ แถมยังได้อังเปากลับมาอีก แบบนี้ดีกว่าเห็น ๆ ครับ? วิชญ์แกล้งเย้าแม่เลี้ยงปวีณาเล่น

?ตายแล้ว! ตั้งแต่มีแฟนเป็นตัวเป็นตนกับเขานี่ งกขนาดนี้แล้วหรือลูกชายฉัน? แม่เลี้ยงปวีณาแกล้งค่อนแคะ

?อ้าว! ก็ต้องเก็บไว้เลี้ยงเมียนี่ครับ? วิชญ์สวนกลับทันควัน

?อะไรกัน หนูอัณณ์ตัวเล็กนิดเดียว จะกินล้างกินผลาญสักแค่ไหนเชียว?

?ตอนนี้มีแค่อัณณ์คนเดียว แต่ต่อไปก็ต้องมีลูก ๆ มาช่วยกินอีกนี่ครับ ผมก็ต้องอดออมไว้ก่อน ประหยัดวันนี้เพื่ออนาคตในวันหน้าไงล่ะครับ ตกลงว่าไงครับ จะยอมมาเป็นประธานกิตติมศักดิ์เปิดงานให้ผมหรือเปล่าครับ? วิชญ์ยังอยากให้ผู้เป็นป้ากับลุงแท้ ๆ มาเป็นประธานเปิดงานให้กับเขาเพราะเขาเชื่อว่าไม่มีพรใดที่จะประเสริฐไปกว่าพรจากผู้เป็นพ่อและแม่ ซึ่งลุงกับป้าก็นับเป็นพ่อและแม่คนที่สองของเขา ดังนั้นทั้งสองคนจึงนับเป็นมงคลในชีวิตของเขาเช่นกัน

?คุยกับลุงเขาเอาเองแล้วกันนะจ๊ะ ถ้าพ่อเลี้ยงพาครไป แม่เลี้ยงปวีณาก็ไม่ปฎิเสธ อ้อ! ฝากความคิดถึงไปให้ว่าที่ลูกสะใภ้ด้วยนะ?

?คนไหนล่ะครับ? วิชญ์แกล้งยั่วผู้เป็นป้าต่ออย่างเบิกบานสำราญใจ

?เดี๋ยวเถอะ! นี่ถ้าอยู่ใกล้ ๆ จะหยิกให้เนื้อเขียวเชียว จะลูกหรือหลานสะใภ้ของแม่เลี้ยงปวีณาก็ต้องเป็นหนูอัณณ์คนเดียวเท่านั้นล่ะย่ะ แม่ญาดาน่ะป้าไม่เอาด้วยหรอก ป้าน่ะเกลียดทั้งตัวเกลียดทั้งไข่จ้ะ ฝากบอกหนูอัณณ์ด้วยว่าป้าคิดถึง ถ้าว่าง ๆ ก็พากันขึ้นมาเที่ยวอีกนะ อย่าปล่อยให้คนแก่สองคนต้องเหงาจนเฉาตายซะก่อนล่ะ? พูดจบแม่เลี้ยงปวีณาก็ยื่นโทรศัพท์กลับคืนให้สามีได้พูดคุยธุระสำคัญกับหลานชายตัวดีต่อ

?จะเปิดตัวโครงการใหม่เมื่อไรล่ะ ทุกอย่างพร้อมแล้วหรือ? ถึงคราวที่พ่อเลี้ยงพาครต้องพูดจาเป็นการเป็นงาน เขารับรู้ความเคลื่อนไหวและเป็นไปของหลานชายในทุก ๆ เรื่อง ไม่มีเรื่องไหนเล็ดรอดสายตาของเขาไปได้

?ครับ ผมจะเปิดตัวเฉพาะคอนโดก่อนครับ ถ้าขายหมดเร็วก็อาจจะไม่ต้องกู้แบ็งค์เลย? วิชญ์อธิบาย

?อืมก็ดี แล้วตกลงที่โทรมานี่ มีอะไรจะคุยกับลุงล่ะ? พ่อเลี้ยงพาครเกริ่นนำเพื่อเปิดโอกาสให้วิชญ์ได้พูดเข้าประเด็น

?ผมจะเข้าถ้ำเสือแล้วนะครับ เอ๊ะ! ไม่ใช่สิ เสืออย่างผมกำลังจะบุกเข้าถ้ำเจ้าสุนัขจิ้งจอกเจ้าเล่ห์นั่นแล้ว?

?จำเป็นต้องเข้าไปถึงถิ่นมันด้วยหรือวิชญ์ แกมีลูกสาวมันอยู่ในมือแล้วนี่ ยังจะต้องเข้าไปอีกหรือ ทำไมไม่ใช้ลูกมันเป็นตัวช่วยล่ะ? พ่อเลี้ยงพาครเป็นห่วงความปลอดภัยของหลานชาย เขาไม่อยากให้วิชญ์พลาดพลั้งในถิ่นของมัน อันตรายเกินไป

?จำเป็นสิครับ เพราะผมคิดว่าหลักฐานทั้งหมดคงอยู่ในถ้ำนั่นแหละครับ ผมไม่อยากรอให้ตัวลูกเป็นคนเอาออกมาให้ ช้าไปไม่ทันใจ ผมเลยจะเข้าไปเอาเอง น่าจะเร็วกว่า?

?แต่ก็ต้องเสี่ยงมากกว่านะ? พ่อเลี้ยงพาครกล่าวเตือน

?ครับ เสี่ยงมากกว่าแต่ก็น่าจะคุ้ม โอกาสพลาดน่าจะน้อยถ้าได้ลงมือเอง และผมก็ไม่อยากเสียเวลากับเรื่องนี้นาน ๆ?

?แกจะรีบไปทำไม มีอะไรต้องทำอีกหรือ?

?ก็จะแต่งงานนะสิครับ เสร็จงานนี้แล้วผมคิดว่าจะสร้างครอบครัวเสียที?

?ก็ดี ป้าแกเขาคงดีใจจนเนื้อเต้น เออ พอบทจะแต่งก็สรุปง่าย ๆ เลยนะ ใจร้อนเสียจริง คบกันยังไม่ถึงปีเลย ไม่ใช่เหรอ?

?ในเมื่อผมเจอคนที่ใช่แล้ว ก็ไม่อยากรอแล้วล่ะครับ ยังไงมันก็ต้องใช้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์เหมือนกันไม่ว่าจะเป็นสามีภรรยาหรือแค่เป็นแฟนกัน แต่ผมมั่นใจว่าอัณณ์คือคนที่ใช่?

?งั้นก็ตามใจแก ชีวิตแกนี่ ใครจะไปขัดได้ล่ะ เออ วิชญ์ ไอ้เรื่องที่จะลงมือทำน่ะลุงขอเตือนเอาไว้ว่าอย่าประมาทเด็ดขาดนะ แกต้องคอยให้เจ้ากฤตหรือเจ้าวีร์ระวังหลังให้เสมอ เพราะไอ้เมธินทร์มันไม่ใช่เล่น ๆ นะ ไม่อย่างนั้นมันคงไม่ได้เสวยสุขอยู่บนหยาดเหงื่อและน้ำตาของพวกเราแบบนี้หรอก อย่าประมาทเด็ดขาดจำไว้นะ ดีไม่ดีตอนนี้มันเองก็อาจจะสืบเรื่องแกอยู่เช่นกันเพราะแกมีข่าวกับลูกสาวมันอยู่เรื่อย ๆ มันก็มีเขี้ยวเล็บพอตัวเหมือนกันนะ อย่าประมาทล่ะ เอ....แล้วแม่หนูอัณณ์เขาไม่ว่าอะไรเหรอกับเรื่องนี้น่ะ ได้คุยกันบ้างหรือยัง?

?คุยกันแล้วครับ อัณณ์เขาเข้าใจผมเสมอ ผมถึงอยากจะจัดการให้มันจบ ๆ สักที ผมสงสารอัณณ์เขาน่ะครับ?

?อืม ก็ดี จัดการเร็วก็น่าจะจบเร็ว ระวังตัวให้ดีแล้วกัน แล้วนี่จะบุกเข้าถึงรังมันวันไหนล่ะ?

?ค่ำนี้แหละครับ ผมใจร้อน แผนการก็มีอยู่แล้ว อยากลงมือเลยจะได้สิ้นเรื่องสิ้นราวกันไป?

?วิชญ์ อย่าเอาชีวิตแกไปเสี่ยงมากนักนะ ลุงเหลือแกคนเดียวแล้ว ที่จริงลุงเองก็ไม่อยากให้แกไปยุ่งกับพวกมันอีก เปลี่ยนใจยังทันนะ? พ่อเลี้ยงพาครยังย้ำกับวิชญ์อีกครั้ง

?ไม่ครับ ไม่มีวันเปลี่ยนใจ ลุงไม่ต้องเป็นห่วงหรอกครับ ผมจะระวังตัวให้ดี เอ่อ....ลุงครับแค่นี้ก่อนนะครับ ขอติดต่อลูกสาวมันก่อน มีอะไรคืบหน้าผมจะโทรมารายงานอีกที สวัสดีครับ? วิชญ์วางสายจากผู้เป็นลุงแล้วติดต่อหาลูกสาวสุนัขจิ้งจอกจอมเจ้าเล่ห์ทันที สีหน้าที่เขาเอ่ยชวนญาดาหญิงสาวที่ได้ชื่อว่าสวยคนหนึ่งและเพียบพร้อมไปทั้งรูปและทรัพย์สมบัติให้ออกมาดินเน่อร์ด้วยกันนั้นไม่มีความอ่อนโยนบนใบหน้าคมเข้มให้เห็นเลยแม้แต่น้อย เขาไม่ได้อยากทำ แต่เขาจำเป็นและจำใจต้องทำ สิ่งที่เขากำลังทำอยู่นี้ไม่ใช่เรื่องของความรัก แต่เป็นความแค้นที่ต้องสะสาง ความรู้สึกนึกคิดของวิชญ์แตกต่างจากของญาดาราวฟ้ากับดินหญิงสาวยิ้มแย้มเบิกบานทันทีที่ได้รับนัดจากหนุ่มในฝัน.....ต่างคนต่างความฝัน.....ฝันที่ใกล้จะเป็นจริงของคนทั้งคู่

************************

วิชญ์มารับญาดาถึงบ้าน ?คฤหาสน์พัฒนไพศาล? หญิงสาวเตรียมตัวเรียบร้อยไว้รอท่าอยู่แล้ว เธอสวมใส่ชุดราตรีสั้นเกาะอกสีดำ เรียบแต่หรู ดูโดดเด่นเหมาะสมกับวิชญ์ในสูทสีดำสนิทเช่นกัน ความบังเอิญที่ลงตัวอย่างไม่ตั้งใจ เครื่องประดับของหญิงสาวมีเพียงนาฬิกาเรือนหรูสายโลหะสีดำเข้ากับชุดกับต่างหูเพชรน้ำงามที่มีรูปทรงเหมือนโคมไฟ แถมส่งประกายระยิบระยับไม่แตกต่างจากแชนเดอเลียร์ของจริง เธอบอกผู้เป็นพ่อว่าจะออกไปรับประทานอาหารเย็นกับวิชญ์ และอาจจะเลยไปนั่งดื่มกันต่อสักเล็กน้อย นายเมธินทร์อนุญาตแต่โดยดีเพราะพึงพอใจที่วิชญ์รู้จักเข้าตามตรอกออกตามประตู การที่เขามารับญาดาถึงบ้านเท่ากับเป็นการให้เกียรติฝ่ายหญิง นอกจากนั้นวิชญ์ยังยอมลงจากรถเพื่อมาสวัสดีเขาถึงในตัวบ้าน เพียงแค่นี้คะแนนของวิชญ์ก็นำหน้านายธีรุตม์ วงศ์อริยะ หนุ่มสำอางจอมสำราญลูกชายร้านทองไปหลายแต้มแล้ว เพราะเจ้าคนนั้นมีแต่นัดญาดาให้ออกไปพบข้างนอก แถมยังรั้งตัวลูกสาวเขาไว้เสียดึกดื่นค่อนคืนเป็นประจำ ถึงเช้ายังมี เขาจึงไม่ค่อยชอบหน้าเจ้าตี๋นั่นสักเท่าไร

?สวัสดีครับคุณเมธินทร์ สบายดีไหมครับ? วิชญ์กล่าวทักทายเมธินทร์ด้วยสีหน้ายิ้มแย้มที่เขาปั้นแต่งได้อย่างเป็นธรรมชาติ คำกล่าวทักทายของเขาดูสุภาพอ่อนน้อมแต่ละไว้ซึ่งคำนำหน้าตามลำดับญาติแบบไทย ๆ ออกไป ?มันไม่ใช่ลุง มันไม่ใช่อา และไม่ใช่คนที่เขาต้องเคารพ!!!?

?สวัสดีครับคุณวิชญ์ เชิญนั่งก่อนครับ เอ.....วันนี้จะพายายดาไปกินข้าวที่ไหนหรือครับ? นายเมธินทร์ถามอย่างอารมรณ์ดีเพราะชอบในสัมมาคารวะของชายหนุ่มตรงหน้า

?ก็แล้วแต่คุณญาดาเขาจะเลือกครับ ผมตามใจเขา ไปด้วยกันไหมครับคุณเมธินทร์? วิชญ์มีน้ำใจเอ่ยชวน

?ไม่ดีกว่าครับ ผมอยากอยู่เคลียร์งานอีกสักหน่อย เชิญคนหนุ่มคนสาวตามสบายเลยครับ? เมธินทร์ตอบ เพราะรู้ตัวเองดีว่าแก่เกินกว่าที่จะออกไปสนุกแบบนั้นอย่างคนหนุ่มสาว

?งานของคุณเมธินทร์คงยุ่งมากสินะครับ เพราะธุรกิจกำลังเติบโตไปได้สวย?

?ครับ ช่วงนี้ออร์เดอร์เข้ามาเยอะ ตั้งแต่ยายดามาช่วยทำตลาดนั่นแหละครับ? พ่ออย่างนายเมธินทร์ที่รักลูกยิ่งชีวิตจึงยอมยกความดีทั้งหมดให้ลูกสาวซึ่งนั่งยิ้มหน้าบานอยู่ข้าง ๆ เพียงผู้เดียว

?คุณญาดาเก่งครับ ต่อไปคุณเมธินทร์คงสบายขึ้น คุณเมธินทร์เก่งนะครับ ทั้งเลี้ยงลูกทั้งทำงานคนเดียว คงลำบากน่าดู?

?ครับ กว่าจะมาถึงวันนี้ก็ลำบากมาน่าดู นี่ถ้ายายดาเขาเข้ามาช่วยเต็มที่ ผมคงได้พักเสียที?

?ต่อไปนี้คงไม่ ?ลำบาก? แล้วเพราะคุณญาดาคงมาช่วยเบาแรงได้เยอะ ถ้าคุณเมธินทร์คิดจะขยายกิจการเมื่อไรแล้วล่ะก็บอกผมด้วยนะครับ ผม ?สนใจ? ธุรกิจผ้าไหมอยู่เช่นกัน? วิชญ์รุกเข้าแผนที่วางไว้

?โอ...จริงหรือครับ เป็นข่าวดีทีเดียวถ้าจะได้คนหนุ่มไฟแรงอย่างคุณมาร่วมลงทุนกับกิจการผ้าไหมเก่าแก่ของเรา? นายเมธินทร์ถามอย่างตื่นเต้น ได้ร่วมหุ้นกับเจ้าของโรงแรมเจ็ดดาวอย่าง ณ นิมมานรดี มีหรือที่จะเก็บอาการ ?เนื้อเต้น? อยู่ ?สงสัยคราวนี้เขาคงได้ทั้งหุ้นส่วนและลูกเขย? นายเมธินทร์คิดเข้าข้างตนเองเพราะหลังจากที่เช็คประวัติของวิชญ์ดูแล้ว ?ขาวสะอาด มีเจ้าชู้บ้างแต่ก็ถือเป็นเรื่องปกติของหนุ่ม ๆ? เขาก็บอกกับตัวเองว่าวิชญ์นี่แหละคือคนที่เหมาะสมที่สุดกับลูกสาวคนเดียวของเขา อีกทั้งธุรกิจของเขากับของวิชญ์ยังเกื้อหนุนกันได้เป็นอย่างดีอีกด้วย เท่ากับยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว และเท่าที่ดูวิชญ์ก็คงมีใจให้ลูกสาวเขาอยู่ไม่น้อย นายเมธินทร์ไม่รู้ตัวเลยว่าได้พลาดท่าเสียทีให้กับละครฉากแรกของพระเอกมาดนิ่งอย่างวิชญ์เสียแล้ว

วิชญ์อยู่พูดคุยกับนานเมธินทร์อีกสักพักจึงขอตัวพาญาดาออกไปรับประทานอาหารค่ำข้างนอก วันนี้เขาทำคะแนนได้มากพอดูแล้ว แค่เริ่มเกมส์ก็เก็บแต้มได้ไปไม่น้อยแบบนี้ ชัยชนะจะไปอยู่ไหนเสีย

************************

เมื่อขึ้นมานั่งบนรถแล้ว วิชญ์เซอร์ไพรส์ญาดาด้วยการมอบดอกกุหลาบสีเหลืองช่อโตให้กับเธอ กุหลาบสีเหลืองหมายถึงมิตรภาพที่ดี อย่างน้อยเธอก็เป็นจุดเริ่มต้นและผู้ชักนำให้เขาได้เข้าถึง ?ป๊า? ของเธอได้เร็วขึ้น ง่ายขึ้น แต่มิตรภาพนี้คงจะไม่จีรังยั่งยืนได้ตลอดไป วิชญ์เท่านั้นที่รู้ดี

?คุณญาดาอยากจะไปทานอาหารที่ไหนครับ? วิชญ์ให้เกียรติหญิงสาวเป็นผู้เลือก เพราะเขาไม่ได้เตรียมอะไรพิเศษไว้มอบให้เธออีกเลยนอกจากกุหลาบเหลืองช่อนั้น

?เรียกด้าดีกว่าค่ะ เรียกญาดาดูเป็นทางการเกินไป? หญิงสาวยิ้มหวานให้แทนคำขอบคุณสำหรับดอกไม้

?ได้ครับ ตกลงคุณด้าจะทานที่ไหนดีครับ?

?ด้าให้เจ้ามือเลือกแล้วกันค่ะ? ญาดาอยากรู้ว่าวิชญ์จะเอาใจและรู้ใจเธอสักแค่ไหน เขาจะอ่านใจเธอออกหรือไม่ และผลลัพธ์ที่ได้ คือ วิชญ์พาเธอมารับประทานอาหารค่ำที่ดาดฟ้าโรงแรมหรูในบรรยากาศโรแมนติค......หรือเขาจะรู้ใจเธอมากไป บรรยากาศสุดแสนโรแมนติคที่เธอคุ้นเคยดี แต่คงจะดีไม่น้อยหากที่นี่ไม่ใช่สถานที่ที่เธอและธีรุตม์เคยมาดื่มด่ำความสวยงามของท้องฟ้าในยามค่ำคืนร่วมกันแล้ว......ที่เดิมแต่กับอีกคน ญาดารู้สึกกระอักกระอ่วนกับสถานที่ เธอไม่แน่ใจว่าวิชญ์จะล่วงรู้ถึงความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับธีรุตม์หรือไม่ เธอไม่แน่ใจว่าถ้าเขารู้ เขาจะมีปฏิกิริยาเช่นไร

?คุณด้าเป็นอะไรไปครับ อาหารไม่อร่อยหรือครับ? วิชญ์ที่อ่านใจหญิงสาวออกจึงตั้งคำถามขึ้นหลังจากรับประทานอาหารจานแรกเสร็จเรียบร้อยและจานเพิ่งถูกยกเก็บออกไปโดยบริกรที่ผ่านการอบรมมาอย่างดี วิชญ์กลายเป็นคนใจร้ายและเลือดเย็นทั้ง ๆ ที่คนที่อยู่ตรงหน้าเขาเป็นเพียงแค่ลูกสาวไม่ใช่นายเมธินทร์คนก่อเรื่อง แต่นั่นคือจุดอ่อนสำคัญของศัตรู หากเธอเจ็บมันก็จะเจ็บยิ่งกว่า เขาจำเป็นต้องทำ

?อร่อยค่ะ? ญาดาพยายามฝืนยิ้ม

?โล่งอกไป นึกว่าได้ข้อมูลผิด ๆ มาเสียอีก? วิชญ์เปรยออกมาอย่างตั้งใจ

?ข้อมูลอะไรคะ? ญาดากินปูนร้อนท้องในทันที แต่หญิงสาวยังคงเก็บสีหน้าได้เป็นอย่างดี จะมีก็เพียงดวงตาที่ส่อแววตระหนกตกใจเพราะไม่คิดว่าวิชญ์จะทราบถึงความสัมพันธ์อันแสนลึกซึ้งระหว่างเธอกับธีรุตม์

?ก็ข้อมูลที่ว่าคุณด้าชอบมาทานอาหารฝรั่งที่นี่ไงครับ? วิชญ์แกล้งทำหน้าใสซื่อตอบกลับไป ญาดาผงะก่อนที่จะเก็บอาการ ?เขารู้เรื่องของเธอกับธีรุตม์? หญิงสาวพยายามทำสีหน้าให้ปกติก่อนที่จะตอบกลับไปว่า

?ค่ะ ด้าชอบอาหารฝรั่ง? ญาดาเอ่ยเลี่ยงด้วยน้ำเสียงหวาน เธอพยายามจะชวนวิชญ์คุยเรื่องอื่นแทน แต่วิชญ์ก็ชิงพูดออกมาเสียก่อนว่า

?แต่ถ้าจะมาที่นี่อีก ต้องมากับผมคนเดียวเท่านั้นนะครับ? วิชญ์งัดเขี้ยวเล็บที่เคยถอดออกหลังจากปักใจกับเลขาฯคนสวยออกมาใช้อีกครั้ง มันได้ผล ญาดายิ้มหวานกว่าเดิม ?เฮ้อ...ที่แท้ก็หึงเรานี่เอง? วิชญ์เองก็ยิ้มหวานโปรยเสน่ห์ให้หญิงสาวผู้เป็นลูกสาวศัตรูตัวสำคัญ ?แค่นี้ก็คงไปไหนไม่รอดแล้ว.....ง่ายเสียจริง?

หลังจากนั้นหนุ่มสาวทั้งคู่ก็รับประทานอาหารกันต่อในบรรยากาศที่เป็นกันเอง ต่างก็พูดคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์การใช้ชีวิตในต่างแดนของกันและกัน ซึ่งต่างก็ ?โลดโผน? กันมาไม่น้อย ยิ่งได้พูดคุยยิ่งได้เห็นตัวตนที่แท้จริงของญาดาวิชญ์ก็ยิ่งเข้าใจเธอมากขึ้น หญิงสาวขาดแม่ไปตั้งแต่เด็ก ส่วนพ่อก็เอาแต่ทำงาน เธอโตมากับพี่เลี้ยง แม่บ้าน และคนขับรถ เธอเห็นพ่อทำงานหนักจนแทบไม่มีความสุข เธอเลยไม่อยากทำงาน คอยแสวงหาแต่ความรักความอบอุ่นจากคนรอบข้าง ญาดาอยากหาแต่ความสุขใส่ตัวให้สมกับที่เกิดมารวย วิชญ์รู้สึกสงสารเธออยู่ในใจ ชีวิตของญาดาที่เพียบพร้อมไปด้วยทรัพย์สมบัติ แต่ลึก ๆ แล้วเธอไม่มีความรักความอบอุ่นเลย เธอเลยประชดชีวิตให้มัน ?เละเทะ? อย่างที่เห็น ต่างจากหญิงสาวอีกคนที่เป็นเจ้าของหัวใจของเขา พิชญธิดาดูบอบบาง สะอาดน่าทนุถนอม แต่ลึก ๆ แล้วหญิงสาวกลับแกร่งและเข้มแข็ง อาจเป็นเพราะความอบอุ่นในครอบครัว คนหนึ่งขาดพ่อ อีกคนก็ขาดแม่ และคนที่ขาดแม่อย่างญาดาก็ดูเหมือนจะสูญเสียไปมากกว่า สูญเสียแม้กระทั่งการยั้งคิดในการใช้ชีวิต ชีวิตของเธอจึงออกมาเป็นแบบนี้ทั้ง ๆ ที่เธอมีโอกาสดี ๆ มากกว่าพิชญธิดาตั้งหลายร้อยหลายพันเท่า

วิชญ์ยังแอบคิดต่อในใจว่าหากญาดาไม่ใช่ลูกสาวศัตรู เขาคงยอมรับเธอเป็นเพื่อนได้คนหนึ่งอย่างสนิทใจ ญาดาเป็นคนคุยสนุก ร่าเริง และเป็นตัวของตัวเอง เธอก็เหมือนลูกคนรวยทั่ว ๆ ไป ใช้ชีวิตอย่างสุขสบายบนกองเงินกองทองและ?สนุกกับชีวิต? แบบสาวสมัยใหม่ ถ้าไม่นับว่าเธอเชิด ดื้อรั้น เอาแต่ใจ และดูถูกคนอื่นไปบ้าง นิสัยอย่างอื่นก็ยังพอรับได้เพราะเธอไม่ได้คิดร้ายกับใคร ไม่โหดร้ายเหมือนพ่อบังเกิดเกล้าของเธอ เขาแอบสงสัยอยู่ในใจว่าเธอจะรู้เบื้องหลังความสำเร็จของบิดาตนเองหรือไม่ เธอจะรู้หรือไม่ว่ากำลังมีความสุขอยู่บนกองเลือดและน้ำตาของครอบครัวเขา แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตามเขาก็คงให้เธอเป็นได้แค่เพื่อนคนหนึ่งเท่านั้น

วิชญ์ชวนญาดาพูดคุยไปเรื่อย ๆ อย่างสบาย ๆ และผ่อนคลาย จนในที่สุดเขาก็สามารถพาเธอวกเข้าเรื่องกิจการญาดาไหมไทยของเธอได้ เขาพยายามสอบถามรายละเอียดต่าง ๆ จากญาดาทั้งเกี่ยวกับการดำเนินกิจการและการลงหุ้นเพิ่ม เขาบอกกับญาดาว่าเขาชักเริ่มสนใจในธุรกิจผ้าไหมทอมือ วิชญ์หมายความตามที่พูดเพราะมันคือธุรกิจเก่าแก่ของครอบครัวเขา แต่ญาดาคิดไปไกลกว่านั้น เธอเข้าใจไปเองว่าวิชญ์สนใจธุรกิจตัวนี้เพราะเธอ และวิชญ์ก็ปล่อยให้เธอเข้าใจไปตามนั้นโดยไม่แก้ตัวใด ๆ

ญาดาสาวสมัยใหม่ที่ยังมองโลกในแง่ดี เธอไม่คิดว่าวิชญ์จะมีพิษมีภัยกับธุรกิจของครอบครัว เธอจึงอธิบายให้เขาฟังอย่างหมดเปลือกและอย่างตรงไปตรงมา แต่เธอเล่าถึงที่มารากเหง้าของบริษัทได้ไม่ตรงกับความเป็นจริง เธอบอกว่าพ่อของเธอซื้อหุ้นทั้งหมดจากเพื่อนที่เคยเป็นเจ้าของกิจการและกำลังจะล้มละลาย พ่อเธอเป็นคนกอบกู้กิจการที่กำลังจะล้มครืนให้ขึ้นมายืนผงาดอยู่ในแถวหน้าได้ด้วยลำแข้งของเขา ระหว่างที่ฟังเธอเล่าวิชญ์ต้องพยายามข่มอารมณ์โกรธ และไม่พาลใส่เธอเพราะเขาคิดว่าเธอคงไม่รู้เรื่องจริงเสียมากกว่า เขาไม่คิดว่าเธอจะปั้นเรื่องขึ้นมาเพื่อโกหกเขา นายเมธินทร์มันคงอยากให้ลูกสาวคิดว่าพ่อเป็นคนมือสะอาดและสามารถสร้างเนื้อสร้างตัวได้ด้วยตัวเอง วิชญ์ไม่แก้ความเข้าใจผิดนี้ให้กับญาดาอีกเช่นเคย เพราะอย่างน้อยเธอจะได้หลงเหลือความทรงจำที่สวยงามเกี่ยวกับพ่อของเธอบ้างเมื่อต้องมารับรู้ความจริงที่แสนโหดร้ายในสักวันหนึ่ง

ญาดาไว้ใจคนง่ายเกินไปอาจเพราะเธอไม่คิดว่าวิชญ์จะมาเป็นคู่แข่งกิจการของเธอ เธอจึงบอกเล่าเก้าสิบเขาในทุก ๆ เรื่อง วิชญ์จึงได้รู้ความจริงอีกอย่างหนึ่งว่าในทุกวันนี้ผ้าไหมจากโรงงานของเธอนั้นไม่ได้มาจากการทอมือทุกชิ้นเหมือนสมัยก่อน เพราะในปัจุบันมีเครื่องจักรที่สามารถผลิตผ้าไหมได้จำนวนมากกว่าในเวลาที่เท่ากัน แถมยังสามารถลอกเลียนแบบลวดลายได้เหมือนผ้าไหมที่มาจากการทอมือจริง เพราะใช้คอมพิวเตอร์เครื่องสมองกลอัจฉริยะในการควบคุมการออกแบบ เนื่องจากบริษัทของเธอมีชื่อเสียงผ้าไหมทอมือที่เลื่องลือไปทั่ว จึงมียอดสั่งซื้อเข้ามามากจนคนงานทอด้วยมือไม่ทันตามความต้องการของลูกค้า นายเมธินทร์เลยต้องใช้เครื่องจักรเข้ามาช่วยในการผลิต ผลผลิตที่ได้เลยมีคละเคล้ากันไป เท่ากับเป็นการคดโกงลูกค้าเพราะหลอกลวงว่าผ้าไหมทุกชิ้นจากโรงงานมาจากการทอมือ หากลูกค้ารู้ความจริงข้อนี้บริษัทญาดาไหมไทยคงเสียชื่อย่อยยับ วิชญ์กัดกรามแน่นเพราะบริษัทนี้มีชื่อเสียงในเรื่องผ้าไหมทอมือที่มีลวดลายงดงาม บริษัทที่คุณตาเขาสร้างมากับมือกำลังจะเสียชื่อเพราะความโลภมากของนายเมธินทร์

เมื่อบริกรได้นำกาแฟหลังอาหารมาเสิร์ฟ วิชญ์ก็เอ่ยปากชวนญาดาให้ไปร่วมงานงานเปิดตัวโครงการใหม่ของเขาในอีกสองสัปดาห์ ?ณ นิมมานรดี เรสซิเด้นท์?

?ว้าว เศรษฐกิจแบบนี้คุณวิชญ์ยังสามารถเปิดตัวโครงการใหม่ได้อีกหรือคะ ยอดเยี่ยมไปเลยค่ะ?

?แล้วตกลงคุณด้าจะให้เกียรติมาร่วมงานของผมได้ไหมล่ะครับ? มีหรือที่ญาดาจะปฏิเสธลงเพราะวิชญ์เล่นถามด้วยน้ำเสียงอ่อนหวานพร้อมดวงตาแพรวพราวระยับ ญาดาแม้จะผ่านอะไรมามาก แต่ก็ยังไม่ทันเกมคาสโนว่าเก่าอย่างวิชญ์

?ด้วยความยินดีค่ะ ถ้าไม่เชิญสิคะ ด้าจะโกรธเข้าให้? ญาดาตอบด้วยจริตจะก้านที่ชวนมอง แขกหนุ่ม ๆ โต๊ะอื่น ๆ ต่างอิจฉาวิชญ์ที่ได้ควงหญิงสาวคนสวยมาดินเนอร์ท่ามกลางแสงเทียน แต่วิชญ์ไม่ได้รู้สึกว่าเขาโชคดี เขาทำ ?งาน? นี้เพื่อผลประโยชน์ไม่ใช่เพื่อความรู้สึกทางใจ

?ขอบคุณครับ งั้นในวันงานคุณด้าต้องแต่งตัวให้สวยที่สุดเลยนะครับ?

?ทำไมล่ะคะ?

?เพราะผมมีเซอร์ไพรส์จะมอบให้น่ะสิครับ? วิชญ์ที่นั่งคิดคำนวณถี่ถ้วนดีแล้วกล่าวบอกญาดาเป็นนัย ๆ เขาเพิ่งคิดแผนใหม่ขึ้นได้ระหว่างที่รับประทานอาหารมื้อนี้กับเธอ แผนที่จะช่วยย่นระยะเวลาของการแก้แค้นให้สำเร็จได้เร็วขึ้น

?แหม มีลับลมคมในเสียด้วย ทำให้ด้ายิ่งอยากรู้เข้าไปใหญ่? ญาดาหัวเราะกระซิกกระซี้ก่อนที่จะเอ่ยถามวิชญ์ออกไปว่า

?งั้น คุณวิชญ์มีเวลาพาด้าไปเลือกซื้อชุดสวย ๆ ไว้ใส่ออกงานไหมล่ะคะ? ญาดาลองใจวิชญ์ เวลาของนักธุรกิจระดับเขาเป็นเรื่องสำคัญ แล้วเธอจะสำคัญกว่าไหม ญาดาอยากรู้ว่าเขาจะทุ่มเทให้เธอได้ไหม

?ได้ครับ วันไหนดีครับ พรุ่งนี้เลยไหม? วิชญ์ตามเกมทันและเขายังเป็นคนคุมเกมนี้อยู่

?แหม! ใจร้อนจัง แต่เสียดายจังค่ะเพราะพรุ่งนี้ด้าไม่ว่าง เอาเป็นว่าด้าขอเช็คตารางงานก่อน แล้วจะโทรบอกคุณวิชญ์อีกทีนะคะ? ญาดาไม่ผลีผลามรีบนัด เธอต้องสงวนทีท่าบ้าง แค่นี้เธอก็ดีใจแล้วที่เขาให้ความสำคัญกับเธอ

?แต่ด้ายังไม่มีเบอร์มือถือของคุณวิชญ์เลยนะคะ? ญาดาที่ต้องติดต่อวิชญ์ผ่านเลขาฯคนสวยทุกครั้งพยายามล่วงล้ำเข้ามาในขอบเขตความเป็นส่วนตัวของวิชญ์อย่างแนบเนียน

?ผมไม่มีมือถือครับ ถ้าคุณด้าอยากโทรหาผมก็โทรมาที่เบอร์นี้ครับ ไม่ต้องผ่านเลขาฯผม นี่เป็นเบอร์ของเจ้ากฤตธี ถ้าเป็นเรื่อง ?ส่วนตัว? คุณด้าโทรเบอร์นี้ได้เลย? วิชญ์เน้นเสียงที่คำว่า ?ส่วนตัว? เป็นพิเศษแล้วจึงหยิบนามบัตรจากเสื้อสูทตัวหรูออกมาให้กับญาดา บนนามบัตรเป็นชื่อเขาแต่หมายเลขมือถือเป็นของกฤตธี มือถือส่วนตัวของเขาจริง ๆ มีไว้สำหรับเรื่องพิเศษและคนพิเศษอย่างคนในครอบครัวและพิชญธิดาหวานใจเท่านั้น

?เอ....แล้วโทรได้ 24 ชั่วโมงเลยหรือเปล่าคะ? ญาดาเอียงคอถาม หญิงสาวผลัดเป็นผู้รุกบ้างตามสัญชาตญาณของการเป็นผู้ล่าที่เธอเองก็มีอยู่ไม่น้อย

?ปกติไม่ได้ครับ? วิชญ์ตอบกลับทันทีและพอเห็นสีหน้าที่ผิดหวังของญาดา เขาก็รีบหยอดคำหวานต่อทันทีว่า

?แต่สำหรับคุณด้าได้ทุกเมื่อครับ มีอะไรก็โทรมาได้เลย ไม่ต้องเกรงใจนะครับ? วิชญ์ตอกย้ำความมั่นใจให้กับญาดาโดยละ ?เพราะผมไม่ใช่คนรับโทรศัพท์? ไว้ในใจ

ญาดายิ้มหวานพอใจกับคำตอบที่ได้ยิน ก่อนที่จะเอ่ยปากชวนชายหนุ่มให้ย้ายไปต่อกันที่อื่น วิชญ์ไม่ปฏิเสธ เวลาที่จำกัดทำให้เขาต้องรีบทำคะแนน เขามั่นใจว่าคืนนี้เขาคงได้คะแนนเต็มจากทั้งพ่อและลูกสาวไปไม่น้อย ดีไม่ดีอาจจะได้เต็มสิบจากคนทั้งคู่ วิชญ์และญาดาไปต่อกันที่ผับหรูจนเวลาล่วงเข้าวันใหม่ได้หนึ่งชั่วโมงเศษ วิชญ์จึงขับรถกลับไปส่งญาดาถึงคฤหาสน์หรูของเธอ ก่อนกลับขึ้นรถ วิชญ์ยังอุตส่าห์เก็บคะแนนไปตุนไว้ได้อีก หากเป็นบาสเก็ตบอลเขาคงได้ 3 แต้มสำหรับลูกนี้ เพราะเพียงหนึ่งประโยคก็ทำเอาญาดาถึงกับเดินตัวลอยเข้าบ้านไป

?กู๊ดไนท์ครับ แล้วฝันถึงผมบ้างนะครับคุณด้า อย่าปล่อยให้ผมฝันถึงคุณคนเดียว?

************************

ขอคอมเม้นต์ด้วยนะคะ ขอบคุณมากค่ะ

ตอบกลับโพส

ย้อนกลับไปยัง “ก้าวแรก(สู่นักเขียนมืออาชีพ)”