ภารกิจรัก ภารกิจแค้น ตอนที่ 19 โดย....อาทิตา

ถ้าเพื่อนๆ มีเรื่องที่น่าสนใจและต้องการแบ่งปันเนื้อหา หรือร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการเป็นนักเขียนมืออาชีพ

Moderator: Gals, B.Comics, พี่บี

ตอบกลับโพส
athita
โพสต์: 41
ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ 11 เม.ย. 2009 11:15 pm

ภารกิจรัก ภารกิจแค้น ตอนที่ 19 โดย....อาทิตา

โพสต์ โดย athita »

ตอนที่ 19 ใจร้าว

***?ผิดไหม ที่ไม่ไปพบเธอ ไม่ต้องการพบเจอ ไม่ต้องการเจอะหน้าใคร
ผิดไหม ที่ไม่ยอมเข้าใจ ไม่อยากฟังเรื่องราวที่เธออยากอธิบาย
ผิดเหรอ ที่เป็นคนรักจริง ที่เป็นคนฝังใจ รักแล้วยากจะลบเลือน
ผิดเหรอ ที่อ่อนแอเหลือเกิน เกินจะยอมรับรู้การลาจาก
รับรู้ว่าเธออยากจากฉันไป

*ปล่อยฉันไว้คนเดียว ฉันยังจะทนไหว ฝันได้ตามใจ มีเธอ ได้แสนนาน
ให้ฉันเจอความจริง ฉันทนไม่ไหว จะให้ฉันทำใจยังไง ทั้งหัวใจมันรัก รักเธอ

ผิดไหม ที่ไม่เข้มแข็งพอ พอที่จะเสียเธอ เสียให้คนอื่นเขาไป
ผิดไหม ที่ทำใจไม่ได้ ไม่อยากทนเห็นเธอต้องลาจาก
รักเธอจนลำบากใจเหลือเกิน (*)

ให้ฉันเจอความจริง ฉันทนไม่ไหว จะให้ฉันทำใจยังไง ทั้งหัวใจมันรัก รักเธอ
จะให้ฉันทนได้ยังไง ทั้งหัวใจมีไว้...รักเธอ?
***เพลง ผิดไหม ? ศิลปิน ฟาเรนไฮต์ (Fahrenheit)

เสียงเพลงจากเครื่องเสียงชั้นดียังคงบรรเลงซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่เจ้าของห้องที่บัดนี้ใบหน้าหวานได้เปลี่ยนเป็นใบหน้าที่ดูอิดโรยเพราะการอดหลับอดนอนแถมเปลือกตาก็บวมช้ำเพราะผ่านการร้องไห้มาอย่างหนักตั้งแต่เมื่อวาน ดูจะไม่ได้ตั้งใจฟังหรือมีอารมณ์สุนทรีกับเพลงที่บรรเลงอยู่สักเท่าไร เธอนั่งฟังเพลงนี้เป็นร้อย ๆ รอบแล้ว เพราะต้องการเตือนตัวเองให้รู้ว่าอย่าไปหลงรักใครง่าย ๆ อีกเป็นอันขาด

นับตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้ยินเพลงนี้ ตั้งแต่เมื่อเย็นของเมื่อวานวันเกิดเรื่อง ในตอนที่พิชญธิดานั่งรถกลับมาบ้านกับวรปรัชญ์ที่ช่างบังเอิญเปิดวิทยุเพื่อทำลายความเงียบวังเวงภายในรถและดีเจคลื่นดังก็ดันเปิดเพลงนี้ขึ้นพอดี เพลงที่เรียกน้ำตาของหญิงสาวให้ไหลพรากอย่างกับทำนบเขื่อนพัง เพลงที่ช่างตอกย้ำความรู้สึกผิดหวังของพิชญธิดาเข้าอย่างจัง แต่เธอก็ไม่ยอมให้วรปรัชญ์ปิดวิทยุเพราะบอกว่าอยากให้มันเจ็บสุด ๆ ไปเลยก่อนที่จะตัดใจลืมเขา แค่เนื้อหาของเพลงก็หนักเอาการอยู่แล้วนี่ยังโชคร้ายซ้ำซ้อนมาเจอวลีเด็ดของดีเจสาวที่โปรยนำก่อนเข้าเพลงว่า

?มีใครเคยอกหักบ้างคะ ดีเจรู้นะว่าต้องมีคนเคยอกหักไม่น้อยเลยทีเดียว แถมบางคนอาจจะอกหักมากกว่าหนึ่งครั้งแล้วด้วยซ้ำ งั้นดีเจขอมอบเพลงนี้ให้กับคนที่เคยอกหักและที่กำลังอกหักทุกคนนะคะ เพลงผิดไหม จากฟาห์เรนไฮต์ค่ะ?

วรปรัชญ์ไม่กล้าแม้แต่จะเหลือบมองหน้าตาของเพื่อนซี้ที่นั่งข้าง ๆ ขนาดตัวเขาเองยังสะดุ้ง แล้วจะนับประสาอะไรกับพิชญธิดาเจ้าของเรื่อง

?แหม! อยากจะบุกไปถึงสถานีวิทยุเพื่อตบปากนังชะนีดีเจนี่สักครั้ง แค่เนื้อเพลงก็บาดลึกเข้าหัวใจจะตายอยู่แล้ว ยังจะมาถามซ้ำว่าเคยอกหักไหมอีก มันน่าโดนตบปากสักทีจริง ๆ? คนที่รักเพื่อนมากชักเคืองและพาลดีเจที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ไปด้วย

พิชญธิดานั่งนิ่งฟังเพลง และปล่อยให้น้ำตาไหลลงมาชะล้างความเสียใจตลอดทางกลับบ้านคงเป็นเพราะเนื้อเพลงนี้ที่ได้เข้าไปกระแทกโดนใจเธอเข้าอย่างแรง จนจุก จนเจ็บรวดร้าวไปหมด วรปรัชญ์ได้แต่พยายามบังคับพวงมาลัยรถให้อยู่ในเลนของตนอย่างระมัดระวังเพราะแทบไม่มีสมาธิในการขับรถเลยในขณะที่พิชญธิดาปล่อยโฮออกมาอย่างสุดกลั้น ?เขาเขียนเพลงนี้มาเพื่อเธอหรือเปล่า ทำไมมันช่างตรงกับอารมณ์ตอนนี้ของเธอเข้าอย่างจัง ใช่....จะให้ฉันทนได้ยังไง ทั้งหัวใจมีไว้...รักเธอ?

วรปรัชญ์รู้สึกดีขึ้นหน่อยที่ตอนท้ายดีเจทิ้งท้ายโดยการพูดให้กำลังใจผู้ฟัง แถมเป็นข้อคิดที่น่าฟังมากอีกด้วย ?ขอให้นังอัณณ์มันคิดได้ตามที่ดีเจบอกด้วยเถอะ ตอนนี้ชักอยากไปตบรางวัลให้นังชะนีดีเจนี่แทนซะแล้ว?

?เป็นไงคะ ฟังแล้วเจ็บจี๊ด ๆ กันใช่ไหมเอ่ย แล้วไงล่ะคะ เราก็ผ่านมันมาได้ใช่ไหมล่ะคะ ความรักเป็นสิ่งที่ดีงามนะคะ แต่ก็อย่าลืมว่ามันก็เป็นเพียงเสี้ยวหนึ่งของชีวิตเรา อย่าให้เศษเสี้ยวชิ้นนี้มามีอิทธิพลเหนือชีวิตเราได้นะคะ ชีวิตเรายังต้องดำเนินต่อไปเพราะถึงไม่มีความรักแบบชู้สาวเราก็อยู่ได้อย่างสบาย ก็เพราะว่าเรายังมีความรักจากคนรอบข้างอีกมากมาย ทั้งจากคุณพ่อคุณแม่ จากเพื่อน ๆ จากญาติพี่น้อง อย่ามัวมองหาแต่ความรักแบบแฟนจนลืมความรักที่บริสุทธิ์จากคนอื่น ๆ คนที่รักเราโดยไม่มีเงื่อนไขโดยเฉพาะจากคุณพ่อคุณแม่ของเราเอง อ้อ! ถึงแม้เราจะอกหักนะคะแต่เราก็ยังโชคดีเพราะเราเองก็เคยได้รับความรักจากคน ๆ นั้น ก็คนที่เราเคยรักและหักอกเรานั่นล่ะคะ อย่างน้อยเขาก็เคยรักเราในช่วงเวลาหนึ่งนะคะ เราก็ควรจำแต่ช่วงเวลาดี ๆ ที่มีให้กันเอาไว้เพื่อความสุขของตัวเราเองไงคะ และสุดท้ายอกหักก็ดีกว่ารักไม่เป็นนะคะ จริงไหมคะ เอ้า เรามาฟังเพลงต่อไปกันเลยดีกว่าค่ะ??.?

วรปรัชญ์เหลือบไปเห็นพิชญธิดาที่ค่อย ๆ หันหน้าออกนอกหน้าต่างรถ และพยายามกลั้นเสียงสะอื้นไม่ให้เล็ดลอดออกมาอีก ในที่สุดหญิงสาวก็หยุดร้องไห้ได้อาจเป็นเพราะเห็นด้วยกับความคิดของดีเจหรือจะทำใจได้เองก็ยากที่จะเดาออก

************************

วรปรัชญ์ถอนหายใจเสียงดังเมื่อกลับเข้ามาในห้องนอนที่ปิดไฟมืดมิดของพิชญธิดา เขาเห็นเพื่อนรักที่ยังนั่งจับเจ่าอยู่ในท่าเดิมและอารมณ์เดิม คือ ดูเศร้าสร้อยไร้ชีวิตชีวาอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ลบภาพหญิงสาวที่เคยสดใสร่าเริงออกไปจนหมดสิ้น ตลอดเวลาเกือบ 10 ปีที่เป็นเพื่อนกันมาวรปรัชญ์ไม่เคยเห็น ?อาการหนัก? แบบนี้ของพิชญธิดาเลย เขาไม่รู้จะช่วยเพื่อนรักได้อย่างไร ที่ทำได้มากที่สุด คือ มาอยู่เป็นเพื่อน คอยชวนพูดคุยเพื่อให้ลืมความเศร้าไปบ้างสักชั่วขณะจิตก็ยังดี และก็คอยดูแลหาข้าวปลาอาหารให้เพื่อนได้รับประทานให้ครบทุกมื้อ รวมทั้งคอยบังคับให้พิชญธิดาพักผ่อนเสียบ้างเพราะตอนนี้ ?คนป่วยทางใจ? ไม่มีกะจิตกะใจจะทำอะไรทั้งนั้นแม้กระทั่งการดูแลตัวเอง พิชญธิดายังไม่ได้นอนหลับเต็มตาเลยนับตั้งแต่เกิดเรื่องนั้นขึ้น เพราะหลังจากหญิงสาวเล่าเรื่องทั้งหมดให้เขาฟังแล้วก็เอาแต่ร้องไห้และนั่งเหม่อลอย วรปรัชญ์ได้แต่หวังว่าเรื่องที่เกิดขึ้นจะเป็นความเข้าใจผิด แต่หากเป็นเรื่องจริงก็ได้แต่ภาวนาให้อาการอกหักของเพื่อนค่อย ๆ ดีขึ้นในเร็ววันเพราะพื้นฐานของครอบครัวที่มีความรักความอบอุ่นจะช่วยเยียวยาพิชญธิดาให้กลับมาเป็นคนเดิมได้ในวันหนึ่งอย่างแน่นอน ปกติพิชญธิดามักจะโทรไปเล่าเรื่องสัพเพเหระต่าง ๆ ให้แม่ได้รับรู้ความเป็นไปของเธอรวมทั้งเรื่องราวของความรักครั้งนี้ด้วย เธอกับแม่ไม่เคยมีเรื่องอะไรที่ต้องปิดบังกันเพราะมีกันและกันเพียงสองคนเท่านั้น แต่คราวนี้หญิงสาวยังไม่ยอมโทรไปหาแม่ผู้ให้กำเนิดเพื่อถ่ายทอดเรื่องราวทั้งหมดให้แม่ฟังอย่างที่เคยทำเป็นกิจวัตร ซึ่งแตกต่างกับเมื่อสามเดือนที่แล้วที่เธอกระตือรือร้นที่จะโทรไปบอกกับแม่ว่าเธอกำลังมีความรัก ในคราวนั้นมารดาที่อยู่ ณ แดนไกลยังจับได้ถึงน้ำเสียงที่มีพลังและเปี่ยมไปด้วยความสุขของลูกสาวผ่านทางโทรศัพท์ข้ามทวีป เมื่อลูกมีความสุขแม่ก็ย่อมมีความสุขกับลูกไปด้วย เธอยังจำได้ขึ้นใจที่แม่อวยพรให้เธอว่า

?แม่ขอให้รักของอัณณ์เป็นรักที่สมหวัง ขอให้ผู้ชายคนนั้น คือ คนที่ใช่สำหรับอัณณ์นะลูก?

แต่เธอก็ทำให้แม่มีความสุขได้เพียงชั่วครู่ชั่วยามเท่านั้น แม่ผู้ที่มีความรักที่แท้จริงให้กับเธอ แม่ผู้เป็นที่พึ่งพิงของลูกสาวคนนี้ได้เสมอแม้ตัวจะอยู่ห่างกันแต่ความรักความห่วงใยที่คอยมีให้กันนั้นคอยช่วยให้เธอผ่านพ้นปัญหาต่าง ๆ มาได้หลายต่อหลายครั้งซึ่งก็คงหนีไม่พ้นครั้งนี้ด้วยอย่างแน่นอน แต่ที่หญิงสาวยังคงประวิงเวลาออกไปทั้ง ๆ ที่ผ่านเข้าวันที่สองหลังจากประสบเหตุการณ์ ?ไม่คาดฝัน? นั้นแล้วก็เพราะเหตุผลที่เธออ้างกับวรปรัชญ์ว่า

?ขอให้ฉัน ?แข็งแรงและเข้มแข็ง? ได้มากกว่านี้ก่อน ฉันถึงจะโทรไปเล่าให้แม่ฟังเอง ฉันไม่อยากให้แม่ได้ยินเสียงฉันร้องไห้ ฉันไม่อยากให้แม่ทุกข์ใจไปกับฉันด้วย ฉันขอเวลาทำใจหน่อย แล้วฉันจะกลับมาเป็นคนเดิม ฉันสัญญา?

วรปรัชญ์เดินไปปิดเครื่องเสียง แล้วบอกกับเพื่อนรักไปว่า

?อัณณ์ บางทีมันอาจจะไม่ใช่อย่างที่เราคิดก็ได้นะ ทำไมไม่ลองไปคุยกับคุณวิชญ์ดูก่อนล่ะ จะได้รู้เรื่องที่แท้จริงน่ะ แกบอกเองไม่ใช่หรือว่าเขาติดต่อกันเรื่องธุรกิจอยู่น่ะ บางทีแกอาจตีตนไปก่อนไข้ก็ได้นะ? วรปรัชญ์ที่ได้ฟังเหตุผลเศร้าเคล้าน้ำตาของเพื่อนจึงได้แต่คอยปลอบใจและพยายามเสนอมุมมองในแง่ดีเพื่อให้เพื่อนรักคลายเศร้าโศก เขาเองไม่อยากจะเชื่อว่าวิชญ์จะเป็นคนจิตใจโลเลหรือเจ้าชู้ยักษ์ขนาดนี้ เพราะตอนที่ไปเที่ยวภูเก็ตด้วยกันวิชญ์เคยรับปากเป็นมั่นเป็นเหมาะกับเขาเองว่า

?....แต่ก่อนที่จะให้ปรัชญ์ช่วยนะคะ คุณวิชญ์ต้องสัญญามาก่อนค่ะว่าจะไม่ทำให้นังอัณณ์มันเสียใจเด็ดขาด รับปากได้ไหมคะ?

?ผมสัญญาครับ?

วรปรัชญ์ยังจำได้ถึงน้ำเสียงและแววตาที่มุ่งมั่นของชายหนุ่ม ผู้เป็นทั้งเจ้านายและเจ้าของหัวใจของเพื่อนรักได้เป็นอย่างดี ในวันนั้นน้ำเสียงและท่าทางของวิชญ์ดูหนักแน่น จริงจัง และไม่ลังเลแม้แต่น้อยที่จะรับปากกับเขาแบบลูกผู้ชาย ลึก ๆ แล้วเขาเองยังไม่เชื่อว่าวิชญ์จะลืมสัญญาที่เคยให้ไว้กับเขาเมื่อไม่นานมานี้ มันต้องมีอะไรมากกว่านี้อย่างแน่นอน และเขาต้องรู้ให้ได้

?แต่ฉันเห็นกับตานะปรัชญ์ เห็นกับตาฉันเอง เขามากันแค่สองคน ไม่มีทั้งคุณกฤตและคุณวีร์? พิชญธิดาพยายามกลั้นเสียงสะอื้นอย่างสุดความสามารถเพราะไม่อยากให้วรปรัชญ์รู้สึกรันทดกับชะตากรรมครั้งนี้ของเธอไปด้วย แต่วรปรัชญ์ก็ยังสังเกตเห็นเงาของร่างบางที่นั่งอยู่บนพื้นนั้นสั่นสะท้านจนตัวโยก เขาจึงได้แต่เอื้อมมือไปจับไหล่มนของเพื่อนแล้วลูบเบา ๆ เพื่อให้กำลังใจ

?เออ! ฉันรู้แล้วว่าแกเห็นกับตาน่ะ แต่ขอย้ำอีกทีนะว่าที่แกเห็นน่ะ เขาสองคนเดินอยู่ในห้างนะ ห้างที่มีคนอีกเป็นพันเป็นหมื่นอยู่ด้วย พวกเขาไม่ได้เดินเข้าโรงแรม หรืออยู่กันในที่ลับหูลับตา หรือนอนแก้ผ้ากันอยู่บนเตียงนะยะ ส่วนคุณกฤตและคุณวีร์น่ะเขาอาจจะรออยู่ที่รถก็ได้ หรือพวกเขาอาจจะเดินตามหลังมาแต่แกเองที่มองไม่เห็น เพราะในนาทีนั้นน่ะแกไม่อยากรับรู้อะไรทั้งนั้นแล้ว ในตอนนั้นสองตาแกคงจับจ้องอยู่ที่คุณวิชญ์และแม่ญาดานั่นมากกว่า แกเลยอาจจะมองไม่เห็นคุณกฤตกับคุณวีร์ไง ลองนึกดูสิว่าแกเห็นพวกเขาสองคนบ้างไหม?

เมื่อเห็นพิชญธิดาส่ายหน้าแทนคำตอบ วรปรัชญ์จึงพูดต่อว่า

?อัณณ์....ฉันเข้าใจความรู้สึกแกนะ แต่แกต้องลองคิดและใช้เหตุผลดูด้วย อย่าเพิ่งด่วนสรุปจากเพียงสิ่งที่แกเห็นเท่านั้น เพราะสิ่งที่เห็นอาจจะไม่ใช่สิ่งที่เป็นเสมอไป อย่าให้ความเศร้ามันมาบดบังความจริง อย่าใช้ใจคิดอย่างเดียว ต้องใช้สมองด้วยสิ? วรปรัชญ์ผู้มากประสบการณ์ชีวิตกล่าวเตือนสติเพื่อนรัก

พิชญธิดาที่นั่งกอดเข่าอยู่ที่หน้าเตียงและหันหน้าออกไปทางประตูระเบียงที่เปิดออกสู่ ?สวนน้อยลอยฟ้า? ของเธอหยุดชะงักไปกับคำพูดของวรปรัชญ์ เธอค่อย ๆ ยกนิ้วมือขึ้นปาดน้ำตาที่กำลังไหลลงอาบแก้มก่อนที่จะหันไปสบตากับเพื่อนแท้ผู้ไม่เคยทิ้งเธอในยามยาก เพื่อนแท้ที่คอยอยู่เคียงข้างเธอเสมอมาทั้งในยามสุขและยามทุกข์ พิชญธิดามองหน้าวรปรัชญ์นิ่งอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะยิ้มออกมาได้ในที่สุด ถึงแม้มันจะไม่ใช่ยิ้มที่ทำให้โลกสดใสเหมือนที่เธอเคยมี แต่ก็ช่วยให้หน้าตาที่ดูไร้ชีวิตชีวานั้นกลับมาเปล่งประกายได้บ้าง เพราะคำพูดของวรปรัชญ์ทำให้พิชญธิดานึกถึงคำพูดของใครบางคนที่เพิ่งผ่านหูเธอมาเมื่อไม่นานนี้เอง

?.....หนูอัณณ์ช่วยรับปากป้าสักเรื่องจะได้ไหม รับปากว่า ไม่ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นระหว่างหนูกับตาวิชญ์ หนูและตาวิชญ์จะหันหน้าเข้าหากันเพื่อพูดคุยกันก่อน อย่าวู่วามและด่วนตัดสินอะไรจากเพียงสิ่งที่ได้รู้หรือสิ่งที่ได้เห็นอยู่ฝ่ายเดียว เพราะบางทีสิ่งที่เราเห็นน่ะมันอาจจะไม่ใช่ความจริงทั้งหมดก็เป็นได้ หนูอัณณ์จำไว้นะว่าตาวิชญ์เป็นคนมีเหตุผล ทุกสิ่งที่เขาทำลงไปเขาจะมีคำตอบให้หนูได้เสมอ แต่หนูต้องเปิดใจและให้โอกาสตาวิชญ์ได้พูดได้อธิบายนะลูก....?

?ปรัชญ์ฉันขอบใจแกมากนะที่เตือนสติฉันน่ะ เออ....แกโทรไปบอกคุณกฤตแล้วใช่ไหมว่าฉันขอลางานสองสามวันน่ะ? พิชญธิดายิ้มให้เพื่อนรักอีกครั้งที่ทำให้เธอพบทางสว่าง

?อืม โทรไปบอกแล้ว บอกไปว่าแกกับฉันไปงานแต่งงานเพื่อนที่ต่างจังหวัดน่ะ คุณกฤตก็ถามนะว่าทำไมแกไม่เห็นบอกไว้ล่วงหน้า แล้วทำไมแกไม่โทรไปบอกกับเจ้านายเขาด้วยตัวเอง ทำไมต้องให้ฉันโทร แล้วเพื่อนคนไหนที่แต่งงาน เพื่อนชื่ออะไร โอ๊ย! ตอบมันแทบไม่ทัน ไอ้พวกบอดี้การ์ดนี่เขาเรียนวิชานักสืบมาด้วยหรือแก ทำไมมันช่างซักกันนัก ฉันเกือบตอบไม่ถูกแน่ะ ดีนะที่ฉันฉลาดสมเป็นนักปราชญ์ผู้ประเสริฐตามชื่อที่พ่อฉันตั้งให้ไว้ ฉันเลยเอาตัวรอดมาได้ ไม่งั้นป่านนี้ความลับแตกไปนานแล้ว? วรปรัชญ์พยายามพูดให้ฟังสนุกสนานเพราะเห็นเพื่อนยิ้มออกแล้ว จึงอยากให้เพื่อนหัวเราะออกบ้าง แต่พิชญธิดาทำได้เพียงส่งยิ้มบาง ๆ ให้อีกครั้งเท่านั้น

?ขอบใจแกมากนะปรัชญ์? พิชญธิดามองเพื่อนชายใจสาวอย่างซึ้งในน้ำใจ

?โอ๊ย! เรื่องแค่นี้ไม่ต้องมาขอบอกขอบใจฉันหรอก เพื่อนไม่ช่วยเพื่อนแล้วจะไปช่วยหมาที่ไหน อ้อ! อัณณ์ มือถือแกน่ะมีสายไม่ได้รับอยู่เกือบ 20 สายแล้วนะ มันสั่นจนแบตหมดแล้ว เอ่อ...ก็ของเขาคนนั้นนั่นแหละ สงสัยพอคุณกฤตไปรายงานว่าแกจะลางานสักสองสามวัน พี่แกเลยอยากโทรมาถามรายละเอียดกับแกมั้ง เขาคงงงน่ะว่าแกเป็นอะไรถึงไม่รับสายเขา? วรปรัชญ์เลี่ยงที่จะไม่เอ่ยชื่อวิชญ์เพราะกลัวเพื่อนจะแสลงใจเข้าอีก

?ช่างมันเถอะ เดี๋ยวค่อยชาร์จ ตอนนี้ฉันอยากอยู่กับตัวเองสักพักน่ะ ขอเวลาคิดหน่อยว่าจะเอายังไงต่อไป ยังไม่อยากคุยกับใครทั้งนั้น?

?อ้อ! ส่วนโทรศัพท์บ้านแกน่ะ ฉันก็ดึงสายออกแล้วนะ เดี๋ยวคอยดูเถอะ ทางโน้นคงตามตัวแกกันให้วุ่น นี่ฉันก็ต้องปิดเครื่องหนีอีกคนทั้ง ๆ ที่อยากโทรไปถามคุณกฤตกับคุณวีร์ใจแทบขาดว่าเรื่องมันเป็นยังไงกันแน่ เอ่อ....โทรได้ไหมล่ะยะ? วรปรัชญ์ถามทิ้งท้าย

?ไม่ได้! ห้ามโทรไปนะ ฉันบอกแกแล้วว่าขอเวลาหน่อย ขอให้ฉันเตรียมใจหน่อย ถ้ามันไม่ใช่อย่างที่เราคิดก็ดีไป แต่ถ้ามันใช่ขึ้นมาล่ะ ตอนนี้ฉันยังไม่พร้อมที่จะรับรู้ความจริง ยังไม่พร้อมที่จะรับรู้ว่า เขาไม่ได้รักฉันอย่างที่ฉันรักเขา? พิชญธิดาพูดด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อยเหมือนเดิมแต่ปราศจากน้ำตา ศาลยังให้โอกาสจำเลยได้แก้ข้อกล่าวหา เธอก็ควรให้โอกาสเขาได้อธิบาย เพียงแต่ตอนนี้เธอยังไม่พร้อมที่จะรับฟัง เธอยังกลัวอยู่ลึก ๆ ว่า จำเลยจะยอมรับทุกข้อกล่าวหา!!!

?ปรัชญ์ พรุ่งนี้วันจันทร์แกต้องไปทำงาน แกจะกลับไปนอนที่คอนโดแกก็ได้นะ ไม่ต้องห่วงฉันหรอก ฉันอยู่ได้ ขอเวลาอยู่กับตัวเองสักวันสองวัน ขอเวลาให้ตัวเองได้ตริตรองใคร่ครวญเรื่องราวที่ผ่านมาหน่อย ขอคิดลึก ๆ คิดหลาย ๆ มุมหน่อย? พิชญธิดาดูเหมือนจะเข้มแข็งขึ้นหลังจากได้ข้อเตือนสติจากวรปรัชญ์บวกกับคำพูดที่ฝากไว้ของแม่เลี้ยงปวีณา

?ไม่เป็นไร ตอนแกงีบเมื่อเช้า ฉันแวะไปเอาชุดทำงานมาแล้ว ขนมาตั้งเยอะ อยู่กับแกได้เป็นเดือนเลยล่ะ แกอยากอยู่คนเดียวก็อยู่บนห้องแกนี่แหละ จะคิดให้ตกหรือจะฟุ้งซ่านก็ตามสบาย แต่ถ้าอยากพูด อยากระบายเมื่อไร ก็ลงไปหาฉันที่ข้างล่างนะ ฉันไม่ไปไหนหรอก จะอยู่จนแกไล่เลยล่ะ? วรปรัชญ์พูดเสร็จก็เดินออกไป ทิ้งให้พิชญธิดานั่งน้ำตาไหลอีกครั้งหลังจากเพิ่งหยุดร้องไห้ได้เพียงชั่วครู่ แต่น้ำตาที่ไหลออกมาคราวนี้ไม่ได้เกิดจากความเสียใจ แต่เกิดจากความซึ้งใจในน้ำใจของเพื่อนรักต่างหาก นอกจากแม่แล้วอย่างน้อยเธอก็ยังมีคนที่รักเธอจริงอีกคนหนึ่งซึ่งก็ไม่ใช่ใครที่ไหนเลย....วรปรัชญ์ สิทธิกุล เพื่อนซี้ใจสาวคนนี้นี่เอง

************************

เนื่องจากพิชญธิดายังไม่ยอมเปิดสัญญาณมือถือ เธอเลยตกลงกับวรปรัชญ์ว่าจะใช้เอ็มเอสเอ็น (MSN) ในการพูดคุยกันแทนในช่วงที่วรปรัชญ์ไปทำงานส่วนเธอก็นั่งทำใจอยู่ที่บ้าน สายวันนี้หญิงสาวที่คิดเอาเองว่าตนเองกำลังอกหักได้เปิดคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊คส์และโปรแกรมเอ็มเอสเอ็นทิ้งไว้ ส่วนตัวเธอก็ออกไปรดน้ำต้นไม้ที่ดูแห้งเหี่ยวไม่แพ้หัวใจของเจ้าของ เมื่อพิชญธิดาเดินกลับเข้ามาในห้องนอน เธอก็ได้ยินเสียงร้อง ?ปิ๊ง? จากเครื่องสมองกลอัจฉริยะ เมื่อเดินไปนั่งหน้าจอเธอก็เห็นข้อความเรียกเข้าจากวรปรัชญ์หลายต่อหลายข้อความ

?อัณณ์ ฉันมีข่าวมาฝาก?

?อัณณ์ เปิดลิ้งค์ข้างล่างนี้อ่านได้เลย?

?อัณณ์ ยู้ฮู ๆ ๆ ๆ แกทำบ้าอะไรอยู่ยะ?

?อัณณ์ อย่าเล่นแบบนี้ ฉันใจไม่ดี ตอบด่วน ๆ ๆ?

?นังอัณณ์ ทำอะไรอยู่ตอบด้วย ฉันให้โอกาสแกครั้งสุดท้าย?

?อัณณ์ ถ้าแกยังไม่ตอบ เดี๋ยวฉันจะบึ่งรถไปหาแกถึงบ้านแล้วนะ?

เมื่ออ่านข้อความล่าสุดจบแล้ว พิชญธิดาก็หัวเราะออกมาเพราะนึกขำที่วรปรัชญ์กลัวว่าเธอจะทำร้ายตัวเอง ถึงเธอจะเจ็บปวดเพราะความผิดหวังแต่ก็ไม่มีทางที่จะสิ้นคิดและทำร้ายตัวเองแบบนั้นอย่างเด็ดขาด และเพื่อแก้ไขความเข้าใจผิดของเพื่อนชายใจสาว หญิงสาวจึงต้องรีบพิมพ์ข้อความกลับไป

?รดน้ำต้นไม้อยู่ โทษทีจ๊ะ มีอะไรหรือเปล่า? ซึ่งวรปรัชญ์ก็ตอบกลับมาในทันทีเพราะนั่งรออยู่อย่างใจจดใจจ่อ

?เปิดลิ้งค์นั่นดูหรือยังล่ะ เปิดดูก่อนสิ เอ่อ....ทำใจไว้นิดหนึ่งนะอัณณ์?

พิชญธิดาเลื่อนเม้าท์ไปเปิดดูลิ้งค์ดังกล่าว แล้วก็พบว่าเป็นหน้าข่าวสังคมของหนังสือพิมพ์ที่วรปรัชญ์เคยส่งมาให้เธออ่านเมื่อครั้งที่มีงานเปิดตัวลูกสาวญาดาไหมไทย หญิงสาวสูดลมหายใจเข้าหนึ่งครั้งอย่างเต็มปอดตามที่เพื่อนได้เตือนไว้

?คนสวยเลือกได้ ญาดา พัฒนไพศาล สาวสวยแห่งญาดาผ้าไหมไทยคงตัดสินใจไม่ถูกว่าจะเลือกหนุ่มหล่อคนไหนดี เพราะทั้งหล่อและรวยกันทั้งคู่ ค่ำวันศุกร์ที่ผ่านมานางรจนาที่กำลังจะเสี่ยงทายเลือกคู่จึงไปนั่งดินเนอร์สองต่อสองกับธีรุตม์ลูกชายเสี่ยร้านทองย่านเยาวราชบนดาดฟ้าของโรงแรมหรูที่มีบรรยากาศสุดแสนโรแมนติค จะมีการขอแต่งงานกันหรือเปล่าเจ๊ก็ไม่ได้ยินเสียด้วยสิ แต่พอวันรุ่งขึ้นนางรจนาคนสวยกลับไปเดินควงแขนกลางห้างดังกับหนุ่มหล่อเจ้าของโรงแรม ณ นิมมานรดี คนที่เคยเป็นข่าวเมื่องานเปิดตัวเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา คงต้องมาช่วยลุ้นกันว่าพวงมาลัยพวงนี้จะตกไปอยู่ในมือเจ้าเงาะตนไหน ส่วนคนที่พลาดหวังก็ไม่เป็นไรเพราะเจ๊ยินดีช่วยซับน้ำตาด้วยความเต็มใจ?

พิชญธิดาอ่านข่าวนั้นอยู่ในใจถึงสองรอบก่อนที่จะเลื่อนเม้าท์ไปดูรูปภาพประกอบที่อยู่ด้านล่างของเนื้อข่าว ซึ่งภาพทางซ้ายมือเป็นภาพของคนสองคนที่กำลังนั่งรับประทานอาหารอยู่ในบรรยากาศโรแมนติคอย่างที่เป็นข่าว เพราะมีทั้งเชิงเทียนและดอกกุหลาบช่อโตวางอยู่บนโต๊ะด้วย ส่วนภาพทางขวาก็คือภาพของหนุ่มสาวคู่หนึ่งที่กำลังเดินควงแขนกันอยู่ภายในห้างดังอย่างมีความสุข ซึ่งก็เป็นภาพเดียวกันกับที่พิชญธิดาได้เห็นมาด้วยสองตาของเธอเอง สรุปได้ว่าวันนั้นเธอไม่ได้ตาฝาดเพราะมีภาพมาฟ้องเป็นหลักฐานอย่างชัดเจนแล้วในวันนี้

เสียงร้องจากคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊คส์ทำให้พิชญธิดาต้องเปลี่ยนหน้าต่างเป็นโปรแกรมเอ็มเอสเอ็นอีกครั้ง เพื่อคุยกับวรปรัชญ์ต่อ

?อัณณ์ อ่านจบยัง?

?อือ อ่านจบแล้ว?

?นังชะนีผ้าไหมนี่ร้ายนะยะ จับปลาทีเดียวสองมือเลย หล่อ ๆ ทั้งนั้นอีกต่างหาก คนหนึ่งก็ตี๋ดูดี ส่วนอีกคนก็หล่อเข้มบาดตาบาดใจ?

?อือ?

?อัณณ์ แกเป็นอะไรหรือเปล่า?

?เปล่า?

?แล้วทำไมเงียบไปล่ะ ร้องไห้อยู่หรือเปล่า?

?แล้วแกได้ยินไหมล่ะ ฮือ ฮือ ฮือ?

?อีบ้า ตกลงแกร้องไห้หรือเปล่า ตอบมาตรง ๆ อย่ากวนบาทา?

?ไม่ได้ร้อง....................และก็ไม่ได้หัวเราะ?

?แล้วรู้สึกยังไง ยังเฮิร์ทอยู่ไหม?

?บอกไม่ถูก ตอนแรกคิดว่าทำใจได้แล้ว แต่พอมาเห็นภาพแบบนี้อีกครั้งก็เจ็บอีก มันตอกย้ำว่าฉันไม่ได้อยู่ในความฝัน มันทำให้ฉันรู้ว่านี่คือความจริงที่แสนเจ็บปวด ฉันเจ็บจังเลยปรัชญ์ เจ็บมาก ทำไมเขาทำกับฉันแบบนี้ ทำไมต้องมาหลอกกันด้วย เขาเคยรักฉันบ้างไหม หรือที่ผ่านมาฉันเป็นเพียงตัวคั่นเวลาของเขา เป็นคู่ควงคนหนึ่งในช่วงเวลาที่เขายังไม่เจอใคร ปรัชญ์...........น้ำตากำลังจะไหลแล้วล่ะ...........ไหลลงมาแล้ว...............ไหลลงมาเยอะมาก แต่ไม่เป็นไรนะ ฉันอยู่ได้ แกไม่ต้องหนีงานมานะ ให้ฉันได้ร้องไห้ดัง ๆ คนเดียวหน่อย เพราะตอนแกอยู่ฉันต้องร้องแบบเก็บเสียง ร้องแบบนั้นมันเหนื่อย มันเกร็งไปหมด ถ้าได้ร้องแบบไม่ต้องกลั้นคงจะดีกว่า ย้ำ ฉันไม่เป็นไร ฉันแค่ร้องไห้ให้กับตัวเองที่ดันไปหลงรักใครเขาง่าย ๆ และหลงคิดว่าเขาคงรักฉันเหมือนกัน ปรัชญ์ แกไม่ต้องร้องไห้หรอก ไม่ต้องร้องไปกับฉันด้วยนะ เพราะฉันต้องผ่านมันไปให้ได้ ฉันมั่นใจว่าฉันจะผ่านมันไปได้เพราะฉันมีกำลังใจจากแกไงล่ะ แกจะอยู่ข้างฉันตลอดไปใช่ไหม เฮ้อ! ไว้เจอกันตอนเย็นเลยนะ แกจะกินอะไรก็ซื้อเข้ามาแล้วกัน แค่นี้นะ......ขอตัวไปร้องไห้ก่อน?

?เดี๋ยวนังอัณณ์ แกอย่าปิดคอมนะ ปล่อยหน้าจอไว้อย่างนี้แหละ เดี๋ยวฉันจะคุยกับแกอีกตอนบ่ายสี่โมงครึ่งนะ อย่าลืมนะบ่ายสี่โมงครึ่งนะยะ? พิชญธิดาไม่มีโอกาสได้เห็นวรปรัชญ์ที่กำลังซับน้ำตาตัวเองอยู่เพราะสงสารเพื่อนรักจับใจ เขาไม่เคยคิดว่าความรักของเพื่อนจะจบลงง่าย ๆ และสั้น ๆ แบบนี้ แต่อย่างน้อยในขณะนี้เขาก็พอวางใจได้เพราะพิขญธิดายังพอมีอารมณ์ขันหลงเหลืออยู่บ้าง

?เออ แต่ฉันไม่เป็นไรหรอก แค่นี้ก่อนนะ ฉันจะไปร้องไห้แล้ว เจอกันบ่ายสี่ครึ่งนะ บ้ายบาย?

พิชญธิดาเปลี่ยนหน้าจอไปเป็นภาพข่าวนั่นอีกครั้ง เธอมองภาพชายคนรักอีกครั้งพร้อมปล่อยให้น้ำตาหลั่งไหลลงมาไม่ขาดสาย ขนาดมองแค่ภาพของเขาเธอยังเจ็บเจียนขาดใจ แล้วถ้าต้องเผชิญหน้ากันจัง ๆ เธอจะรอดหรือนี่ หญิงสาวพาร่างที่เจ็บช้ำไปยังเตียงกว้างก่อนที่จะซบหน้าลงบนหมอนหนุนแล้วปล่อยเสียงโฮออกมาดังลั่น ความเศร้า ความเสียใจ ความผิดหวังจากคนรักที่เธอเคยคิดไว้ว่าจะเก็บไว้ให้ลึกสุดใจ มาบัดนี้กลับถูกเปิดออกมาอีกครั้งเพื่อให้เธอได้ปลดปล่อยตัวเองจากพันธนาการที่ไม่มีวันสมหวัง ความรักครั้งแรกของเธอจบลงภายในเวลาเพียงห้าเดือน ?สั้นจังรักครั้งแรกของฉัน แต่อย่าให้มันนานไปกว่านี้เลย เพราะเพียงแค่ห้าเดือน ฉันก็แทบขาดใจเสียแล้ว หากมันยาวนานถึงห้าปี ฉันคงต้องมีชีวิตอยู่โดยไร้หัวใจอีกต่อไป? หลังจากได้ร้องไห้อย่างสาแก่ใจอยู่นานพอสมควรแล้ว หญิงสาวก็หลับตาลงอย่างเหนื่อยอ่อนก่อนที่จะผล็อยหลับไปในที่สุด เมื่อหัวใจอ่อนล้า ร่างกายก็สุดจะทานทนได้อีกต่อไป

************************

เพราะความเหนื่อยล้าและการอดหลับอดนอนมาสองคืน พิชญธิดาจึงหลับยาวจนเลยเวลานัดกับวรปรัชญ์ เธอตื่นขึ้นมาเมื่อเวลาเกือบสองทุ่ม ห้องทั้งห้องมืดสนิท มีเพียงแสงไฟจากถนนที่สาดผ่านทะลุผ้าม่านเข้ามาให้พอได้มองเห็นรำไรอยู่บ้าง หญิงสาวจึงเดินสะลึมสะลือไปที่สวิตช์ไฟแล้วกดเปิดเพื่อให้ห้องสว่างขึ้น เมื่อสายตาปรับเข้ากับแสงสว่างแล้วเธอจึงเดินไปนั่งที่หน้าคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊คส์ ก่อนที่จะเคาะไปบนแป้นหนึ่งครั้งเพื่อให้เครื่องที่อยู่ในช่วงการพักการใช้งานได้กลับมาทำงานเหมือนเดิม พิชญธิดาเห็นข้อความมากมายของวรปรัชญ์ที่ต่อว่าเธอที่เบี้ยวนัด พร้อมทั้งสั่งให้เธอโทรหาเขาทันทีที่เห็นข้อความเหล่านี้ เพราะวันนี้เขาต้องไปทำธุระกับเจ้านายคงกลับมาหาเธอดึก ดังนั้นให้เธอหาอะไรรับประทานรองท้องไปพลาง ๆ ก่อน แล้วค่อยรับประทานมื้อดึกที่เขาจะซื้อเข้ามาให้ พิชญธิดาไล่สายตาอ่านข้อความจากเพื่อนรักทีละข้อความก่อนที่จะมาหยุดอยู่ที่

?นังอัณณ์!!! เกิดเรื่องแล้ว คุณวิชญ์เขาโทรมาที่ทำงานฉันวันนี้ ตอนแรกเขาจะโทรมาถามที่ทำงานว่าฉันจะกลับจากต่างจังหวัดวันไหน แต่นังโอเปอเรเตอร์ดันงี่เง่าไปบอกว่าฉันมาทำงานนะสิ แล้วนังชะนีเด็กฝึกงานนั่นก็เลยโอนสายมาที่โต๊ะฉันทันที ฉันเลยซวยบรม เพราะต้องมาตอบคำถามสอบสวนของซีไอเอที่ผนึกกำลังรวมกับซีเอสไอตั้งหลายข้อ เขาถามหาแก ถามว่าทำไมไม่เปิดมือถือ ถามว่าไปงานแต่งที่ไหน แล้วเมื่อไรจะกลับ แถมเขายังซักว่าทำไมฉันมาทำงานทั้ง ๆ ที่ฉันบอกว่าจะไปงานแต่งงานเป็นเพื่อนแก ฉันก็เลยมั่วไปว่าฉันจะตามไปเย็นนี้เพราะมีงานด่วนต้องเข้ามาเคลียร์ก่อน เวรกรรมจริง ๆ ทำไมมันถึงยุ่งวุ่นวายแบบนี้นะ?

?นังอัณณ์ แกทำอะไรอยู่ยะ คนยิ่งกลุ้ม ๆ อยู่ อกจะแตกตายอยู่แล้ว ช่วยกันคิดหน่อยสิ เพราะดูเหมือนเขาจะไม่เชื่อแล้วล่ะว่าแกอยู่ต่างจังหวัดน่ะ?

?นังอัณณ์!!! อย่าบอกนะว่าแกหลับอยู่น่ะ อีเพื่อนบ้า ตื่นขึ้นมาช่วยกันคิดก่อน นี่มันเรื่องของแกนะ ทำไมมาปล่อยให้ฉันกลุ้มใจอยู่คนเดียว ส่วนแกก็นอนหลับสบายใจเฉิบ ตื่น ๆ ๆ ตื่นได้แล้ว?

?อัณณ์ ฉันสังหรณ์ว่าคุณวิชญ์กำลังจะไปหาแกว่ะ เตรียมตัวเตรียมใจไว้นะ ฉันจะรีบกลับไปให้เร็วที่สุด อ้อ! แกอย่าเปิดไฟล่ะ ให้บ้านมันมืดไว้อย่างนั้นแหละ เขาจะได้คิดว่าไม่มีใครอยู่ เออ รีบโทรหาฉันด้วยนะ?

ทันทีที่อ่านข้อความสุดท้ายจบ พิชญธิดาก็พุ่งตัวไปยังกำแพงเพื่อปิดสวิตช์ไฟในทันที หญิงสาวได้แต่ภาวนาในใจว่าอย่าให้มีใครสังเกตเห็นเลย พิชญธิดากดเปิดเครื่องโทรศัพท์มือถือที่เธอได้เสียบสายชาร์จทิ้งไว้ตั้งแต่เมื่อคืนแล้วรีบกดโทรออก ทันทีที่ได้ยินเสียงปลายสายพิชญธิดาก็รีบพูดจนลิ้นแทบพันกันเพราะอารามกลัวที่จะต้องเผชิญหน้ากับเขาคนนั้นตามลำพัง

?ปรัชญ์! แกอยู่ไหน ใกล้จะกลับมาถึงหรือยัง? พิชญธิดาถามด้วยน้ำเสียงตื่นตระหนกตกใจ

?แหม! นังอัณณ์กว่าจะโทรมาได้นะยะ ไม่โทรมาพรุ่งนี้เช้าเลยล่ะ? วรปรัชญ์อดประชดไม่ได้

?ตกลงแกอยู่ไหน? เสียงละล่ำละลักของเพื่อนสาวที่ตกอยู่ในอาการขวัญผวาทำให้วรปรัชญ์ต้องสงบปากสงบคำไว้ก่อน

?ฉันอยู่หน้าปากซอยแกแล้ว จะถึงแล้ว ใจเย็น ๆ แกยังปิดไฟอยู่ใช่ไหม?

?อือ แต่เมื่อกี้ฉันเผลอเปิดทิ้งไว้สักห้านาทีได้มั้ง?

?เวรแล้วไหมล่ะ ไม่เป็นไรฉันถึงหน้าบ้านแกแล้ว แกเปิดไฟได้เลยเพราะไม่มีรถใครจอดซุ่มอยู่ แค่นี้นะ เจอกันในห้องครัว?

?โอเค เจอกันในห้องครัว? หญิงสาวกดปิดสายก่อนที่จะถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก

************************

?ปรัชญ์ วันนี้ซื้ออะไรมากินบ้างจ๊ะ? พิชญธิดาที่ส่งเสียงดังนำมาก่อนตัวก่อนที่จะก้าวเข้ามาในห้องครัว แต่ก็ต้องแปลกใจที่ไม่เห็นเงาของเพื่อนรักอยู่ในห้องครัวทั้ง ๆ ที่เธอก็ใช้เวลาล้างหน้าแปรงผมอยู่หลายนาทีก่อนที่จะเดินลงมาจากชั้นสามของบ้าน

?ปรัชญ์แกอยู่ไหนอ่ะ? หญิงสาวจึงเดินไปดูที่ห้องรับแขกแทน และก็พบว่าวรปรัชญ์เพื่อนรักไม่ได้อยู่ตามลำพัง พวกเธอกำลังมีแขก แขกที่ยังไม่ได้ต้องการจะพบหน้าเลยเพราะเธอยังไม่พร้อมที่จะรับฟังความจริงจากปากของเขา ในห้องรับแขกที่เปิดไฟสว่างไสวนั้นมีทั้งวิชญ์ที่ชักสีหน้าเปลี่ยนจากหน้าตายิ้มแย้มเบิกบาน เป็นบึ้งตึงดูน่ากลัวและน่าเกรงขามทันทีที่เห็นเธอเดินเข้ามา กฤตธีและธีรวีร์ที่ยืนหลบมุมไปทางด้านหลังของเจ้านายหนุ่ม ทั้งสองส่งยิ้มบาง ๆ มาให้หญิงสาวเหมือนต้องการจะบอกเป็นนัย ๆ ว่า ?พวกผมเป็นแค่ผู้ติดตามนะครับ ไม่ได้รู้เรื่องด้วยเลย? และสุดท้ายวรปรัชญ์ที่ตอนนี้ยืนหน้าซีดเป็นไก่ต้มอยู่ข้าง ๆ วิชญ์

พิชญธิดายืนนิ่งและจ้องมองไปยังเขาคนนั้น คนที่ทำให้ตอนนี้หัวใจเธอเต้นแรงเกินอัตราปกติอีกครั้ง หญิงสาวสบตาคมคู่นั้นก่อนที่จะผินหน้าไปหาเพื่อนซี้โดยไม่มีแม้แต่รอยยิ้มสักนิดเดียวให้กับเขา ?เจ็บแปลบขนาดนี้ จะยิ้มออกได้ยังไง?

?อัณณ์ พวกเขาขับตามฉันมาตั้งแต่ฉันแยกกับบอสแล้ว พอฉันจอดรถหน้าบ้านแกปุ๊บ พวกเขาก็เข้ามาชาร์จฉันเลย ฉันขอโทษนะอัณณ์ ฉันไม่ทันระวังตัว ไม่คิดว่าจะถูกสะกดรอยตามแบบนี้? วรปรัชญ์พูดเสร็จก็หันไปค้อนใส่ ?พวกเขา? เหล่านั้นอย่างลืมกลัวตาย เพราะตอนนี้อุ่นใจแล้วว่ามีนางเอกขี่ม้าขาวเข้ามาช่วยแล้ว หลังจากต้องยืนใจหายใจคว่ำอยู่คนเดียว

?ไม่เป็นไรหรอกปรัชญ์ ฉันรู้ว่าแกทำดีที่สุดแล้ว แกทำเพื่อฉันอย่างดีที่สุดแล้ว ฉันเข้าใจ ที่สำคัญจะช้าหรือเร็วฉันก็ต้องคุยกับ ?เขา? มาคิด ๆ ดูแล้วพวกเราก็แปลกนะ ไม่ได้เป็นคนทำผิดเสียหน่อย แล้วทำไมต้องเป็นคนหลบคนซ่อนด้วย คนที่ทำผิดต่างหากที่ควรจะละอายไม่กล้าสู้หน้าพวกเรา? คราวนี้พิชญธิดาหันไปจ้องหน้าวิชญ์เข้าเต็ม ๆ เพราะเธอพร้อมแล้วที่ต้องเผชิญหน้ากับความจริง ไม่ว่ามันจะทำให้เธอผิดหวังแค่ไหนก็ตาม

************************


ขอคอมเม้นต์หน่อยค่ะ

ตอบกลับโพส

ย้อนกลับไปยัง “ก้าวแรก(สู่นักเขียนมืออาชีพ)”