ภารกิจรัก ภารกิจแค้น ตอนที่ 18 โดย....อาทิตา

ถ้าเพื่อนๆ มีเรื่องที่น่าสนใจและต้องการแบ่งปันเนื้อหา หรือร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการเป็นนักเขียนมืออาชีพ

Moderator: Gals, B.Comics, พี่บี

ตอบกลับโพส
athita
โพสต์: 41
ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ 11 เม.ย. 2009 11:15 pm

ภารกิจรัก ภารกิจแค้น ตอนที่ 18 โดย....อาทิตา

โพสต์ โดย athita »

ตอนที่ 18 เปิดฉากรุก

นี่เป็นครั้งแรกที่วิชญ์ได้เข้ามาเยือนภายในบ้านของแฟนสาว พิชญธิดาจึงพาแฟนหนุ่มมานั่งคุยที่ ?สวนน้อยลอยฟ้า? ของเธอ แล้วปล่อยให้กฤตธีนั่งดูทีวีรออยู่ที่ชั้นล่าง เพียงแค่นี้พิชญธิดาก็รู้สึกดีใจและนึกขอบคุณแฟนหนุ่มอยู่ในใจที่ให้เกียรติเธอ ไม่เข้ามาในบ้านของเธอเพียงลำพังในยามวิกาลแบบนี้

?เป็นไงคะ งานเลี้ยงสนุกไหม? พิชญธิดาเปิดประเด็นสนทนา

?ก็โอเคครับ จัดงานใช้ได้ทีเดียว อาหารเครื่องดื่มเต็มที่ มีเดินแบบโชว์ผลิตภัณฑ์ผ้าไหมของเขาด้วย เปิดตัวคุณญาดาและบริษัทไปในตัว ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัวเลยว่างั้นเถอะ? วิชญ์บอกให้แฟนสาวฟัง

?เอ๊ะ! บริษัทนี้เขาไม่เคยจัดงานเปิดตัวหรือคะ? พิชญธิดาตั้งข้อสังเกต

?ไม่เคยครับ เพราะเขาเพิ่งเปลี่ยนมือทั้งผู้บริหารและเจ้าของเมื่อไม่กี่ปีมานี้เอง? วิชญ์กล่าวเสียงเครียดเพราะรู้ตื้นลึกหนาบางของบริษัทนี้ดี บริษัทที่ควรจะเป็นของเขาในวันนี้ ไม่ใช่ของไอ้ฆาตกรจอมเนรคุณนั่น

?แต่คุณดูเนือย ๆ พิกล เหนื่อยมากหรือคะ? พิชญธิดาที่สังเกตเห็นสีหน้าแฟนหนุ่มดูไร้ชีวิตชีวาไม่เหมือนทุกครั้งที่เจอกัน

?ก็ห่างแฟนตั้งหลายชั่วโมงนี่ครับ คิดถึงกันบ้างไหมครับ? บทจะอ้อนขึ้นมามาดนักธุรกิจหนุ่มแห่งปีก็หายหมด วิชญ์ซบลงตรงไหล่มนของหวานใจ ?ใช่ เขารู้สึกเหนื่อย เหนื่อยกับเรื่องที่จะต้องสะสางให้จบ ๆ เสียที?

?ไม่ต้องเลย ไหนจะนางแบบ ไหนจะเจ้าของงานคนสวยอีก ยังจะมีเวลามาคิดถึงกันอีกหรือคะ? พิชญธิดาพยายามพูดแหย่เพื่อให้คนที่กำลัง ?พึ่งพิง? เธอในยามนี้รู้สึกดีขึ้น เธอรู้สึกแปลกใจที่พลังของคนข้างตัวดูจะสูญหายไปหมด วิชญ์ดูไร้เรี่ยวแรงเหมือนคนที่กำลังสับสน หาทางออกให้ชีวิตไม่เจอ เหมือนคนที่เคว้งคว้างอยู่คนเดียวกลางทะลกว้าง แต่ไม่ว่าเขาจะเป็นอะไร สิ่งที่เธอให้ได้ในตอนนี้ก็คือกำลังใจ พิชญธิดาจึงก้มศีรษะตัวเองซบลงบนศีรษะของวิชญ์ที่ยังคงพาดอยู่บนไหล่เธอ แล้วจึงเอื้อมมือไปลูบใบหน้าของคนรัก ก่อนที่จะบอกออกไปว่า

?ถ้าเหนื่อยถ้าท้อก็พักเสียบ้างนะคะ พักลงตรงนี้ พักลงข้าง ๆ อัณณ์ได้เสมอ อัณณ์จะเป็นกำลังใจให้คุณเองนะ? เสียงหวานใสที่เปรียบได้กับน้ำทิพย์ชโลมใจให้วิชญ์รู้สึกชุ่มชื่นหัวใจขึ้นมาในทันที ในความมืดมิดของชีวิตอย่างน้อยเขาก็ยังโชคดีที่ยังมีแสงสว่างคอยนำทาง แต่ถ้าพิชญธิดารู้ว่าเขากำลังวางแผนจะทำอะไร เธอจะยังคงเป็นกำลังใจให้เขาอยู่ไหม วิชญ์เองก็ไม่แน่ใจ

วิชญ์ลุกขึ้นนั่งตัวตรงอีกครั้งหนึ่งหลังจากได้แรงใจจากคนข้างตัว เขาค่อย ๆ เอื้อมมือไปกอดเอวแฟนสาว แล้วจ้องลึกลงไปในดวงตากลมโตสีน้ำตาลคู่นั้น

?อัณณ์รู้ไหมครับ ปีนี้เป็นปีที่ผมมีความสุขมากที่สุดเพราะผมได้เจอกับอัณณ์ ได้รักอัณณ์ และได้มีอัณณ์อยู่ในอ้อมแขน ขอบคุณครับที่จะอยู่เคียงข้างผมตลอดไป ขอบคุณที่จะคอยเป็นกำลังใจให้ผม และขอบคุณที่รักผู้ชายอย่างผม? เมื่อพูดเสร็จวิชญ์ก็เริ่มช่วงนาทีทองโดยไม่รอให้อีกฝ่ายได้ตั้งตัวติด เขาพรมจูบทั่วใบหน้าหวานที่ต้องหลับตาพริ้มเพราะแฟนหนุ่มเริ่มจูบจากหน้าผาก ไล่ลงมาที่เปลือกตาทั้งสองข้าง ตามด้วยพวงแก้มใสที่ปราศจากเครื่องสำอางใด ๆ ในยามค่ำคืน และวิชญ์ก็ถอนใบหน้าออก เขาหยุดนิ่งนานเพื่อให้แน่ใจว่าพิชญธิดาพร้อม พร้อมรับจุมพิตหวานที่เขาค่อย ๆ บรรจงมอบลงบนริมฝีปากเรียวได้รูปอย่างแผ่วเบาและนุ่มนวล แล้วจึงค่อย ๆ แทะเล็มลิ้มความหวานจากภายนอกไปสู่ภายในอย่างช้า ๆ ราวกับตัวเขาเองเป็นผึ้งงานตัวน้อยที่ต้องเก็บน้ำหวานจากมวลดอกไม้ให้ได้มากที่สุดเพื่อนำไปเก็บไว้ในรังผึ้งต่อไป วิชญ์ค่อย ๆ เก็บความหวานจากปากของพิชญธิดาอย่างเชื่องช้า เนิ่นนาน จนเจ้าของน้ำหวานที่กำลังอ่อนระทวยต้องผลักอกเขาออกในที่สุดเพราะเธอกำลังจะขาดอากาศหายใจ!!!

วิชญ์ยิ้มด้วยดวงตาแพรวพราววิบวับที่ได้เห็นเจ้าของริมฝีปากหวานก้มหน้างุด เพราะอายจนหน้าแดงจัดดั่งสีทับทิม และที่อายหนักกว่าปกติก็เพราะพิชญธิดาดันลืมตัวไปเผลอรับจุมพิตของแฟนหนุ่มเข้าด้วยความเต็มใจ นับเป็นนาทีที่เขามีความสุขที่สุดของวันนี้หรืออาจจะเป็นที่สุดแห่งปีเลยก็ว่าได้ วิชญ์จึงเลี่ยงที่จะไม่พูดสิ่งที่ยังคงค้างอยู่ในใจ เขาตัดสินใจจะเก็บมันเอาไว้เอง ?และปีนี้ก็เป็นปีที่ผมทุกข์ที่สุดเช่นกัน เพราะต้องมาทราบความจริงว่าพ่อแม่และน้องไม่ได้ตายเพราะอุบัติเหตุ แต่เป็นเพราะฝีมือของคนชั่วคนหนึ่ง คนที่ผมต้องเอาชีวิตมันคืน!?

************************

***?อ่านปากของฉันนะว่า......อยากจะพูดอีกครั้งว่า.....และจะเป็นอย่างนี้กับเธอไม่ว่านานสักเท่าไหร่ ไม่ต้องกลัวว่าฉันจะรักใคร ไม่ต้องห่วงว่าฉันเปลี่ยนหัวใจ ฉันจะเป็นอย่างนี้ จะ.....ตลอดไป?
***เพลงรักเธอ ศิลปิน : โต๋ ศักดิ์สิทธิ์ เวชสุภาพร***

พิชญธิดาหยิบโทรศัพท์มือถือที่วางอยู่ในลิ้นชักโต๊ะทำงานออกมาทันทีที่ได้ยินเสียงเรียกเข้า แล้วกดรับสายโดยไม่ต้องดูหน้าจอเพราะรู้ดีว่าใครโทรมา เพลงนี้เธอตั้งไว้สำหรับเพื่อนสนิทคนนี้โดยเฉพาะ ซึ่งวิชญ์ได้บอกเธอหลายครั้งแล้วว่าให้เปลี่ยนเป็นเพลงอื่นแทน เช่น I will survive อย่างที่กฤตธีเสนอแนะ หรือเพลง Nobody ที่กำลังฮิตติดชาร์ตทุกคลื่นสถานีวิทยุ แล้วให้ตั้งเพลงนั้นสำหรับหมายเลขของเขาแทนแต่พิชญิดาก็ปฏิเสธไปอย่างนิ่มนวลว่า

?ไม่ได้หรอกคะ เพลงนี้ปรัชญ์เขาชอบ เขาชอบนักร้องหน้าใสคนนี้มาก?

?ว่าไงจ๊ะคุณวรปรัชญ์ สิทธิกุล มีอะไรให้ดิฉันรับใช้แต่เช้าคะ? พิชญธิดาที่ยังคงพิมพ์งานด้วยคอมพิวเตอร์ขณะพูดโทรศัพท์ไปด้วย โดยเอียงแก้มแนบกับโทรศัพท์มือถือแทนเพราะสองมือบางยังวุ่นกับการพิมพ์งานอยู่บนคีย์บอร์ด

?เปิดเมล์เร็ว ฉันส่งลิ้งค์ข่าวสังคมของวันนี้ไปให้แกดู เปิดตอนนี้เลยนะนังอัณณ์? เสียงที่กระวนกระวายของวรปรัชญ์เร่งให้พิชญธิดาต้องรีบเข้าดูเมล์ของตัวเองในทันที

?เมล์อะไร ข่าวอะไรอ่ะ ข่าวแกเองเหรอ? พิชญธิดาถามทั้ง ๆ ที่มือยังคงวุ่นวายพิมพ์รหัสเข้าเช็คอีเมล์ของตนเอง

?อัณณ์เห็นหรือยัง? วรปรัชญ์ยังคงเร่งอีกฝ่าย

?เดี๋ยวสิมันโหลดภาพอยู่ ข่าวอะไรล่ะ ทำไมแกต้องโวยวายซะลั่นแบบนี้ด้วย?

?เออ! เดี๋ยวเห็นก็รู้เองแหละ.......เห็นหรือยังล่ะ?

?เห็นแล้ว อ๋อ! ข่าวคุณวิชญ์ที่ไปงานเลี้ยงเมื่อคืนนี่เอง เอามาลงเร็วจัง? พิชญธิดามองภาพที่วิชญ์ยืนคล้องแขนถ่ายรูปคู่กับญาดา พร้อมอ่านคำบรรยายใต้ภาพในใจ

?งานเลี้ยงเปิดตัวลูกสาวกิจการญาดาไหมไทย เมื่อค่ำวานนี้บริษัทส่งออกผ้าไหมทอมือยักษ์ใหญ่ของไทยจัดงานเลี้ยงเปิดตัวนางสาวญาดา พัฒนไพศาล รองประธานบริษัทคนสวยที่เพิ่งจบจากนอกมาหมาด ๆ ณ ห้องจัดเลี้ยงโรงแรมดังย่านสีลม ส่วนคนหล่อข้างตัวในภาพก็คือ วิชญ์ นิมมานรดี เจ้าพ่อโรงแรมและรีสอร์ตดังหลายแห่งของไทย หรืองานนี้จะเป็นการเปิดตัวคู่รักคู่ใหม่พร้อมกันไปด้วย เพราะเหมาะสมกันทั้งหน้าตาและฐานะ หากเป็นจริงขึ้นมาคงมีสาว ๆ และหนุ่ม ๆ หลายคนอกหักดังเป๊าะ ใช่ไหมคะคุณธีรุตม์ขา?

?ย่ะ รู้แล้วว่าเป็นข่าวคุณวิชญ์น่ะ แต่ที่ฉันอยากรู้ก็ คือ นังชะนีข้าง ๆ นั่นน่ะเป็นใคร แกรู้จักไหม? วรปรัชญ์ที่ดูเหมือนจะออกอาการหึงแทนเพื่อนหรืออาจจะมากกว่าเพื่อนเริ่มซักไซ้พิชญธิดา

?ก็เป็นลูกสาวบริษัทญาดาไหมไทยตามที่ในข่าวบอกนั่นแหละ และเมื่อคืนคุณวิชญ์ก็ไปงานเลี้ยงเปิดตัวของเขาเพราะตอนนี้โรงแรมสั่งผ้าไหมจากบริษัทเขาอยู่ นี่คุณวรปรัชญ์คะ ตกลงแกหรือฉันที่เป็นแฟนคุณวิชญ์น่ะ?

?ก็แกไง แต่ฉันหึงแทน นี่ถ้าคุณวิชญ์เป็นแฟนฉันนะย่ะ ไม่มีทางที่นังชะนีนั่นจะได้มายืนควงแขนแบบนี้หรอก รู้อย่างนี้ฉันให้แกไปงานเลี้ยงด้วยก็ดี ไม่ต้องไปเล่นโยคะ หล่อ ๆ อย่างคุณวิชญ์น่ะแกต้องตามไปคุมรู้ไหม เพราะมีอีพวกชะนีบ่างค่างแบบนี้รองาบอยู่ตลอดเวลา?

?แต่ฉันให้คุณกฤตตามไปคุมแทนแล้วนี่ และที่สำคัญคุณวิชญ์ของฉันเขาไว้ใจได้ย่ะ? พิชญธิดาโม้ทับเพื่อนซี้ เธอจึงต้องเล่าเรื่องเมื่อคืนที่วิชญ์มารายงานตัวถึงบ้านให้วรปรัชญ์ฟัง แต่เจตนาลืมเล่าเรื่องจุ๊บ ๆ ทั้งหมด

?เออ ถ้าเป็นอย่างนั้นก็ดีไป ขอให้อยู่ในโอวาทแกให้ตลอดรอดฝั่งแล้วกันนะ ฉันก็ตกอกตกใจหมดนึกว่าแกโดนเชิดแฟนเสียแล้ว?

?ขอบใจนะปรัชญ์ที่เป็นห่วง? พิชญธิดาซาบซึ้งในความมีน้ำใจของเพื่อนซี้

?เปล่าห่วงแกหรอก แต่ฉันเสียดายคุณวิชญ์ย่ะ นึกว่าเลิกกับแกแล้ว ฉันจะได้อาสาดามอกแทน ยิ่งกล้ามเป็นมัด ๆ น่าซบอยู่ด้วย?

?ไอ้บ้าปรัชญ์ เดี๋ยวคราวหน้าฉันจะฟ้องดาร์ลิ้งแกบ้าง ที่แกแอบจีบครูสอนโยคะน่ะ? พิชญธิดาพูดโทรศัพท์ต่อปากต่อคำกับวรปรัชญ์อยู่อีกสักพัก ก่อนที่อีกฝ่ายจะขอตัววางหูก่อนเพราะเจ้านายเริ่มทำตาเขียวใส่ที่เขามัวแต่พูดโทรศัพท์แทนที่จะทำงานทำการ

?ไม่เห็นจะแปลกที่นายแกจะทำตาเขียวใส่แก ก็เขาเป็นฝรั่งไม่ใช่เหรอย่ะ ฮ่า ฮ่า ฮ่า คราวนี้แกหลอกฉันไม่ได้หรอกย่ะนังปาด? พิชญธิดารู้ทันว่าอีกฝ่ายปั้นเรื่องหลอกเธอ คงกลัวว่าจะเสียค่าโทรศัพท์หลายบาทอีกตามเคย แต่เธอก็ยอมวางสายโดยดีเพราะเธอเองก็มีงานค้างอยู่อีกเพียบ

ถึงแม้ปากจะบอกกับวรปรัชญ์ว่าไม่มีอะไรในกอไผ่ แต่พิชญธิดาก็ยังอดหวั่นไหวไม่ได้ในเมื่อภาพมันฟ้องออกมาเสียขนาดนี้ว่าคนทั้งคู่คงสนิทกันไม่น้อยเลย พิชญธิดายังคงจ้องมองภาพในหน้าจอคอมพิวเตอร์โดยไม่รู้ตัวว่าตกเป็นเป้าสายตาของธีรวีร์อยู่นานแล้ว นอกจากจะเห็นอาการเหม่อลอยของเลขาฯหวานใจนายที่ยังนั่งนิ่งเหมือนหุ่นยนต์ ธีรวีร์ก็ยังจับใจความบทสนทนาของพิชญธิดากับวรปรัชญ์ได้ทั้งหมดถึงแม้จะไม่ได้ยินว่าวรปรัชญ์พูดอะไรบ้างก็ตาม

************************

ตึก ตึก ตึก เสียงรองเท้าส้นสูงกระทบกับพื้นแกรนิตในเวลาสายของวันต่อมา ทำให้พิชญธิดาและธีรวีร์ต่างเงยหน้าขึ้นมองว่าใครกันที่มาเยือนถึงชั้น 22 แห่งนี้และก็พบว่าหญิงสาวที่เดินมาด้วยมาดนางพญาก็คือ ?คนในข่าว? นั่นเอง

?สวัสดีค่ะ คุณญาดา? พิชญธิดาทักทายก่อนอย่างมีไมตรี

?สวัสดีค่ะคุณอัณณ์ ไม่ทราบว่าคุณวิชญ์อยู่ไหมคะ? ญาดาเอ่ยปากถามเข้าประเด็นในทันที

?อยู่ค่ะ เอ๊ะ! แต่อัณณ์จำได้ว่าคุณญาดาไม่ได้นัดไว้นี่คะ? พิชญธิดาที่จำตารางนัดวันนี้ของเจ้านายได้ทั้งหมดแจ้งให้แขกสาวทราบเพราะเธอรู้ดีว่าเจ้านายของเธอไม่ชอบพบใครนอกเหนือตารางนัดหมาย

?ค่ะ ไม่ได้นัดล่วงหน้าไว้ พอดีมีธุระด่วนน่ะค่ะ ด้าจะเอาตัวอย่างผ้าไหมมาให้คุณวิชญ์เลือกอีกครั้งน่ะค่ะ ถ้าคุณวิชญ์ว่างอยู่ ด้าขอเข้าพบเลยได้ไหมคะ? ญาดาทำเป็นไม่สนใจและเพิกเฉยต่อมารยาททางสังคม

?ขอเรียนแจ้งให้ท่านทราบก่อนนะคะ? พิชญธิดายกหูโทรศัพท์แล้วกดหมายเลข 1 เพื่อต่อสายตรงเข้าไปยังโต๊ะทำงานของเจ้านายหนุ่มทันที

?คุณวิชญ์คะ คุณญาดาขอเข้าพบค่ะ? เมื่อวางหูโทรศัพท์แล้วเธอก็หันมาเชิญแขกคนสวยให้เข้าไปพบเจ้านายได้ ก่อนที่จะพยายามสนใจและทุ่มเทสมาธิให้กับงานที่ทำค้างอยู่ต่อไป แต่หูก็ยังคงเฝ้ารอเสียงเปิดประตูห้องของเจ้านายอยู่ตลอดเวลา ?เมื่อไรจะออกมาสักทีนะ ดีนะเนี่ยที่คุณกฤตอยู่ข้างในนั่นด้วย ไม่งั้นล่ะก็.......ไม่งั้นจะส่งคุณวีร์เข้าไปแทน?

************************

เมื่อได้ยินเสียงประตูเปิดออกอีกครั้งหลังจากที่หญิงสาวคนนั้นเข้าไปเกือบชั่วโมง พิชญธิดาก็เงยหน้าขึ้นและก็สบสายตากับผู้เป็นนายที่เดินตามหลังแขกสาวออกมาพอดี

?คุณอัณณ์ครับ ผมจะพาคุณญาดาลงไปทานข้าวที่ห้องอาหารซากุระนะ? ญาดาที่ได้ยินวิชญ์สั่งความเลขาฯรู้สึกทะแม่ง ๆ เหมือนชายหนุ่มเอ่ยปากขออนุญาตแม่เลขาฯหน้าห้องเสียมากกว่า

?ค่ะคุณวิชญ์? พิชญธิดารับทราบ

เมื่อวิชญ์และญาดาเดินเข้าลิฟต์ไปแล้วโดยมีกฤตธีติดสอยห้อยตามไปด้วย ธีรวีร์ที่ได้รับคำสั่งของเจ้านายผ่านกฤตธีอีกทอดหนึ่งจึงลุกเดินมาหาพิชญธิดาที่กำลังเก็บเอกสารบนโต๊ะเพื่อที่จะลงไปรับประทานอาหารเที่ยง

?คุณอัณณ์ครับ งั้นเราไปทานข้าวกันนะครับ วันนี้ผมเลี้ยงคุณอัณณ์เอง เต็มที่เลยนะครับ? ธีรวีร์เอ่ยปากชวนหญิงสาวขวัญใจนายตามคำสั่งที่ได้รับมา ?นายบอกว่าให้แกพาคุณอัณณ์ไปทานข้าว อย่าให้คุณอัณณ์ไปทานคนเดียวเด็ดขาด อ้อ! ห้ามออกไปทานนอกโรงแรมด้วยนะโว้ย แล้วก็เอาบิลมาเก็บเงินที่นายทีหลัง?

?งั้นอัณณ์ไม่เกรงใจนะคะ? พิชญธิดาพยายามบังคับตัวเองให้ยิ้มหวานให้กับธีรวีร์ ทั้ง ๆ ที่ในใจกำลังร้อนรุ่มเพราะรู้ดีว่าญาดาคงเปิดฉากรุกเข้าให้แล้ว ?ตบมือข้างเดียว มันคงไม่ดังหรอกนะ?

************************

ธีรวีร์พาหญิงสาวมายังห้องอาหารของพนักงานโรงแรมที่มีอาหารเที่ยงไว้บริการฟรีเพราะเป็นหนึ่งในสวัสดิการที่ทางโรงแรมจัดไว้ให้ พิชญธิดาบอกกับบอดี้การ์ดหน้าดุว่า

?ทานที่นี่ก็ได้ค่ะ ประหยัดดี อร่อยด้วยค่ะ? พิชญธิดาเคยมารับประทานอาหารที่นี่กับเมธปรียาอยู่สองสามครั้ง และก็รู้สึกพึงพอใจกับความสะอาดและรสชาติของอาหารที่ได้มาตรฐาน ทางโรงแรมให้ความสำคัญกับส่วนนี้มากพอสมควรดังนั้นวัตถุดิบที่ใช้จึงได้รับการคัดสรรมาแล้วไม่ได้คิดว่าเป็นเพียงแค่อาหารของพนักงานเหมือนเช่นบางโรงแรม ที่มักเอาวัตถุดิบที่เหลือจากการทำอาหารให้แขกของโรงแรมมาทำให้พนักงานรับประทานกัน แต่เนื่องจากพิชญธิดาและธีรวีร์ลงมาที่ห้องอาหารพนักงานในช่วงที่เลยเวลาพักกลางวันของพนักงานส่วนใหญ่ไปสักครู่แล้ว อาหารที่เหลือจึงมีไม่มากนัก ส่วนอาหารรอบต่อไปที่จะออกก็เป็นช่วงบ่ายแก่ๆ ซึ่งมีไว้บริการพนักงานที่มาเข้างานกะกลางคืน และหากจะรอให้แม่ครัวปรุงอาหารใหม่ให้เป็นพิเศษตามสิทธิพิเศษของผู้บริหารและพนักงานที่ทำงานอยู่บนชั้น 22 นั้นทั้งสองคนก็เกรงใจแม่ครัว พิชญธิดาจึงเสนอให้ออกไปรับประทานอาหารข้างนอกโรงแรมแทน

?อัณณ์ว่าเราไปทานส้มตำกันไหมคะ เดินถัดไปสองซอยจากด้านหลังโรงแรมเองค่ะ?

?เอ่อ....เอางั้นก็ได้ครับ? ธีรวีร์ที่ตอบได้ไม่เต็มเสียงนัก เพราะรู้ดีว่ากำลังทำนอกเหนือคำสั่งของนาย

?ทำไมคะ คุณวีร์ไม่ชอบทานส้มตำเหรอคะ หรือจะทานอย่างอื่นดีคะ แถวนั้นมีก๋วยเตี๋ยวเรือด้วยนะคะ? พิชญธิดาเสนอตัวเลือกอื่น ๆ

?เปล่าครับ ทานส้มตำก็ได้ครับ? ธีรวีร์ตกปากรับคำอย่างง่ายดาย ?เดี๋ยวค่อยให้คุณอัณณ์คุ้มกะลาหัวเอาวะ?

************************

กว่าที่พิชญธิดาและธีรวีร์จะกลับขึ้นไปยังชั้นที่ 22 ได้เข็มยาวบนหน้าปัดนาฬิกาข้อมือก็เกือบชี้เลข 7 ในขณะที่เข็มสั้นอยู่กึ่งกลางระหว่างเลข 1 กับเลข 2 เพราะทั้งคู่ต้องนั่งรอส้มตำอยู่นานเนื่องจากมีลูกค้ารอคิวอยู่เป็นจำนวนมากที่มาถึงก่อนหน้าอยู่แล้ว แถมเลขาฯท่านประธานกรรมการยังสั่งเสียทุกรายการที่ทางร้านมีโดยอ้างว่าห่างหายจากอาหารประจำชาติจานนี้ไปนานพอดู เมื่อทั้งคู่เดินมาถึงโต๊ะทำงานของพิชญธิดาจึงพบว่ากฤตธีมานั่งรออยู่แล้ว

?ไอ้วีร์ นายให้เข้าไปพบด่วน? กฤตธีบอกจุดประสงค์ที่ทำให้เขาต้องมานั่งดักรอคนทั้งคู่

?อ้าว มีงานอะไรวะ ทำไมไม่ใช้แกทำไปก่อน แล้วแกกลับขึ้นมานานแล้วเหรอ? ธีรวีร์ที่ยังไม่รู้ชะตากรรมของตัวเองยังโอ้เอ้ไม่เข้าไปพบนาย

?นายเขาจะใช้แก ?คนเดียว? ว่ะ รีบเข้าไปพบเถอะ นั่งรอแกจะชั่วโมงครึ่งแล้วมั้ง? กฤตธีใส่ไฟเพราะอันที่จริงเขาและนายเพิ่งจะกลับขึ้นมาเมื่อ 45 นาทีนี่เอง เนื่องจากเป็นถึงเจ้าของโรงแรมอาหารที่สั่งจึงได้ลัดคิวก่อนลูกค้าเสมอ พวกเขาจึงใช้เวลารับประทานอาหารกับญาดาเพียงชั่วโมงเศษเท่านั้นในขณะที่คู่ของพิชญธิดาและธีรวีร์ใช้เวลาไปเกือบ 2 ชั่วโมงเต็ม เมื่อกลับขึ้นมาไม่พบหน้าเลขาฯนายก็เลยพาลหงุดหงิด และสั่งให้เขามาดักรอธีรวีร์อยู่หน้าห้องแทน แต่ระหว่างที่สองหนุ่มบอดี้การ์ดมัวเจรจากันอยู่นั้น พิชญธิดาก็เคาะประตูห้องเจ้านายและเดินเข้าไปเพื่อที่จะถามว่าจะรับกาแฟช่วงบ่ายเลยไหม

?วีร์! แกพาคุณอัณณ์ไปทานข้าวถึงไหนมาวะถึงได้นานสองนานขนาดนี้? เสียงก้องกังวานของเจ้าของห้องเอ่ยถามโดยที่เจ้าตัวยังคงนั่งหันหลังให้กับประตูห้องทำงาน จึงไม่ได้รับรู้ว่ากำลังปล่อยไก่ตัวเบ้อเร่อ

?ไปทานส้มตำมาค่ะ ที่ซอยด้านหลังหลังโรงแรม ที่มาช้าเพราะต้องรอคิวนานค่ะ? พิชญธิดาอธิบายด้วยน้ำเสียงดังฟังชัดไม่แพ้กัน

?อ้าว! อัณณ์เองเหรอครับ แล้วเจ้าวีร์ไปไหนเสียล่ะครับ? วิชญ์ลุกเดินตรงมาหาแฟนสาวทันทีที่รู้ว่าเป็นเธอ

?นี่จะเรียกคุณวีร์มาถามเรื่องแค่นี้ใช่ไหมคะ อัณณ์ตอบให้หมดแล้ว คงไม่ต้องไปถามคุณวีร์อีกรอบหรอกค่ะ คุณควรจะขอบคุณเขาเสียด้วยซ้ำที่ต้องไปนั่งทานข้าวเป็นเพื่อนอัณณ์น่ะ ข้างนอกนั่นร้อนก็ร้อนแต่เขาก็ไม่ปริปากบ่นสักคำ ใครจะสบายนั่งทานข้าวในห้องแอร์กับสาวสวยเหมือนคุณกันล่ะคะ? พิชญธิดาอดหวงแฟนหนุ่มไม่ได้ถึงเธอจะไว้ใจเขาก็ตาม แต่เมื่อได้เห็นการรุกของอีกฝ่ายก็ชักจะเขว ๆ ได้เหมือนกัน

?แต่ผมมีเจ้ากฤตไปด้วยนะ อัณณ์อย่าลืมสิ ไม่ได้ไปกันสองต่อสองเสียหน่อย? วิชญ์เดินมาหยุดประจันหน้ากับแฟนสาวก่อนที่จะรวบมือนุ่มมากุมไว้

?ถึงอัณณ์จะไปกับคุณวีร์สองคนแต่เราก็ไปนั่งทานกันข้างทางนะคะ ไม่ใช่ในห้องวีไอพีแบบส่วนตั๊ว ส่วนตัว?

?อัณณ์หึงผมอยู่ใช่ไหมนี่? วิชญ์ถามด้วยรอยยิ้ม

?ค่ะ ทั้งเรื่องงานเลี้ยงเมื่อคืนแล้วก็เรื่องที่คุณพาเธอไปทานข้าวกันสองต่อสองอีก? หญิงสาวพูดตามความเป็นจริง เพราะเธอเชื่อว่าคนที่คบกันควรเปิดใจเข้าหากันให้มากที่สุด และเธอยังเชื่ออีกว่าอะไรที่ค้างคาใจอยู่ควรจะรีบเคลียร์ให้เข้าใจกันทั้งสองฝ่าย อย่าได้ปล่อยไว้นานเพราะมันอาจจะบานปลายเป็นเรื่องใหญ่ได้ ความสัมพันธ์ที่มั่นคงย่อมสามารถสร้างอนาคตที่ยาวนานได้ พิชญธิดาเชื่ออย่างนั้น

?สามคนครับ อย่าลืมเจ้ากฤตอีกคนสิ อัณณ์ครับ ผมไม่ได้คิดอะไรกับผู้หญิงคนนั้นเลยนะ อัณณ์เชื่อใจผมนะ วันนี้ที่เขามาก็มาคุยเรื่องงานเท่านั้น ผมกับเขาติดต่อกันเฉพาะเรื่องงานเท่านั้นนะอัณณ์ รู้อย่างนี้ผมให้คุณเข้ามานั่งจดข้อสรุปด้วยก็ดี จะได้รู้ได้เห็นว่าเราคุยอะไรกัน ที่สำคัญเจ้ากฤตอยู่ด้วยตลอดเวลานะครับ ส่วนเรื่องงานเลี้ยงเมื่อคืน ผมก็ชวนอัณณ์แล้วนะ อ้อ! ผมไปรายงานตัวถึงบ้านอีกต่างหาก?

?แล้วทำไมต้องไปยืนจับมือถือแขนกันด้วย ไหนอธิบายมาสิคะ? วิญญาณแม่เสือสาวเข้าสิงร่างลูกกวางน้อยเรียบร้อยแล้ว

?ใครจับมือใครครับ ผมยืนยันได้นะว่าเมื่อคืนผมไม่ได้จับมือคุณญาดาเขาเลย ถ้าจะถูกเนื้อต้องตัวกันก็มีที่คุณญาดาเขามาควงแขนผมก็เท่านั้น อัณณ์เห็นภาพข่าวแล้วใช่ไหมถึงมาถามผมแบบนี้? วิชญ์คิดว่าเรื่องนี้ต้องเคลียร์กันยาวเสียแล้ว เขาจึงจูงมือแฟนสาวแล้วพามานั่งยังโซฟารับแขก

?ค่ะ อัณณ์เห็นข่าวแล้ว?

?อัณณ์ฟังผมนะ การควงแขนสำหรับผมเป็นแค่การให้เกียรติคู่ควงที่เราเดินคู่ด้วยตามมารยาททางสังคมเท่านั้น ผมไม่ได้คิดพิศวาสอะไรกับเขาเลยแม้แต่สักนิด? ชายหนุ่มพูดเสร็จก็รวบมือบางมาไว้ในมือของเขาอีกครั้ง

?แต่สำหรับผมการจูงมือมีไว้สำหรับคนที่รัก เพราะเราจะได้ถ่ายทอดความรู้สึกให้กันและกันผ่านนิ้วมือทั้งห้าของคนสองคน หรือทั้งสิบนิ้วเหมือนตอนนี้ อัณณ์รู้สึกได้ไหม......รู้สึกว่าผมแคร์อัณณ์ไหม อัณณ์รู้สึกไหมว่าผมรักอัณณ์นะ ว่าไงครับ รู้สึกเหมือนที่ผมก็รู้สึกและรับรู้จากการได้สัมผัสมือของอัณณ์หรือเปล่า ถ้าแค่ควงแขนน่ะ ไม่ได้รู้สึกอะไรแบบนี้หรอกเพราะเนื้อไม่ได้สัมผัสเนื้อ เห็นหรือยังว่ามันแตกต่างกันนะครับ อย่างนั้นคือการให้เกียรติ แต่นี่คือการถ่ายทอดความรักที่มีให้กัน อัณณ์เชื่อใจผมได้ว่ามือคู่นี้ของผมจะมีไว้จับจูงอัณณ์เพียงคนเดียว ผมให้อัณณ์ใช้เวลาพิสูจน์ได้ตลอดชีวิตเลยเอ้า เชื่อผมนะครับ? วิชญ์สื่อความหมายทั้งหมดออกมาจากปากและดวงตาคม พร้อมถ่ายทอดความรู้สึกที่มีผ่านมือบางของพิชญธิดาโดยการบีบมือคู่นั้นอย่างเบา ๆ เพื่อให้เธอได้รับรู้ว่าทุกคำพูดคือความจริงใจที่เขามีให้เธอเพียงคนเดียว

พิชญธิดายอมรับในความจริงที่วิชญ์กล่าวมาทั้งหมดโดยการยิ้มหวานให้กับแฟนหนุ่ม เธอรับรู้ได้ถึงความจริงใจและความรักที่เขามีให้อย่างท่วมท้น เธอมั่นใจว่าเขาเชื่อใจได้ไม่ใช่เพราะลมปากแสนหวาน แต่เป็นเพราะดวงตาคู่นั้นต่างหากที่ส่องประกายความจริงใจออกมาเป็นเครื่องยืนยันคำพูดของตัวเขาเอง ใช่...คนรักกันต้องเชื่อใจกัน ความรักที่อยู่บนพื้นฐานของความไม่เชื่อใจ ย่อมนำมาซี่งความสั่นคลอนของชีวิตคู่ในวันข้างหน้า แต่พิชญธิดาก็ไม่มั่นใจว่าควรจะต้องเผื่อใจเหลือไว้บ้างหรือเปล่าอย่างที่เคยได้ยินใครต่อใครให้แง่คิดไว้ในเรื่องของความรัก เพราะความรักอาจจะไม่ได้หวานอย่างเช่นวันนี้ตลอดไป ที่สำคัญเธอพอจะมองเห็นเค้าลางของความยุ่งยากในความรักของเธอและวิชญ์อยู่บ้าง เค้าลางที่มาพร้อมกับความสวยและเสน่ห์ที่แสนยั่วยวนแล้ว ?คนของเธอ? จะอดทนได้นานแค่ไหน แต่อย่างน้อยในวันนี้หลังจากที่ได้สบตาคู่นั้นของเขา เธอก็แน่ใจได้ว่าเขาจะร่วมฝ่าฝันอุปสรรคนี้ไปกับเธออย่างแน่นอน พิชญธิดาที่เพิ่งจะริรักเป็นครั้งแรกคงยังไม่รู้ว่าในความรักนั้นมักมีความผิดหวังแอบซ่อนเร้นอยู่ด้วย โชคชะตาจะทำให้เธอต้องพบกับมันหรือเปล่าในวันข้างหน้า แล้วถ้าได้พบกันแล้ว เธอจะทำอย่างไรต่อไปในเมื่อหัวใจดวงนี้ไม่มีภูมิคุ้มกันความผิดหวังอยู่เลย

************************

หนึ่งอาทิตย์ถัดมา

บ่ายวันเสาร์นี้พิชญธิดานัดกับวรปรัชญ์ไว้ในห้างสรรพสินค้าใหญ่แห่งหนึ่งย่านสยามแหล่งนัดพบของคนกรุง ทั้งสองนัดกันมาเดินซื้อของตามประสา ?สาว ๆ? งานนี้จึงไร้เงาของคนรัก พิชญธิดามาถึงสถานที่ก่อนเวลานัด เธอไม่อยากยืนรอวรปรัชญ์หน้าร้านที่นัดพบกันเพราะบ่ายของวันเสาร์แบบนี้มีคนเดินพลุกพล่านเต็มไปหมด เธอจึงเลือกไปนั่งรอในร้านกาแฟดังที่มีสาขากระจายอยู่ทั่วโลก ร้านกาแฟแห่งนี้ตั้งอยู่เยื้องกับบันไดเลื่อนและโต๊ะของหญิงสาวก็สามารถมองเห็นผู้คนที่กำลังเดินขึ้นมายังชั้นนี้ได้ถนัด พิชญธิดาจึงเลือกนั่งมุมนี้เพื่อดักรอวรปรัชญ์ หญิงสาวหยิบนิตยสารที่เพิ่งซื้อติดมือมานั่งอ่านฆ่าเวลาไปพลาง ๆ และทันทีที่ได้ยินเสียงสัญญาณร้องเตือนของเครื่องโทรศัพท์มือถือ เธอก็หยิบออกมาเพื่ออ่านข้อความ

?ใกล้ถึงแล้ว รอแป๊บหนึ่ง....ปรัชชี่?

?แหวะ ปรัชชี่? พิชญธิดาอดขำกับชื่อใหม่ของเพื่อนซี้ไม่ได้ เธอฝากข้อความกลับไปว่าจะรออยู่ในร้านกาแฟชื่อดังแทนจุดนัดพบที่นัดกันไว้ เนื่องจากในตอนนี้หากยังไปรออยู่ที่จุดเดิมคงหากันไม่เจอแล้วเพราะหนาแน่นไปด้วยผู้คนที่ออกมาจับจ่ายซื้อของและพักผ่อนตามห้างไปในตัวซึ่งถือเป็นเรื่องปกติของคนเมืองหลวง เมื่อเก็บมือถือลงกระเป๋าสะพายใบโตแล้ว หญิงสาวก็หันมายกแก้วม็อคค่าปั่นขึ้นมาดูด ทันใดนั้นเองสายตาของเธอก็ไปปะทะเข้ากับร่างของคนคู่หนึ่งที่กำลังเดินขึ้นบันไดเลื่อนมา ฝ่ายหญิงกำลังพูดคุยและชี้ชวนให้ฝ่ายชายที่เธอควงแขนอยู่นั้นมองไปตามนิ้วมือ ซึ่งพิชญธิดาคาดเดาเอาเองว่าคงชี้ไปที่ร้านเสื้อผ้ายี่ห้อดังที่ตั้งอยู่บนชั้นนี้ซึ่งอยู่ถัดจากร้านกาแฟของเธอไปเพียง 3 ร้านเท่านั้น คนทั้งคู่จึงไม่ได้เห็นว่ากำลังตกเป็นเป้าสายตาของพิชญธิดาที่กำลังอยู่ในอาการตกตะลึง พิชญธิดาพยายามกะพริบตาถึงสามครั้งเพื่อต้องการให้แน่ใจว่าตาของเธอไม่ฝาด และเมื่อคนทั้งคู่เดินผ่านร้านกาแฟที่เธอนั่งตัวแข็งทื่ออยู่นั้น เธอก็มั่นใจว่าเป็นคนที่คาดไม่ถึงจริง ๆ หรือเธอไม่เคยคาดคิดไว้ก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน

ชายหนุ่มที่วันนี้อยู่ในชุดลำลองเสื้อยืดโปโลกับการเกงยีนส์พอดีตัว ส่วนหญิงสาวอยู่ในเสื้อเกาะอกสีส้มสดใสกับกางเกงผ้าพลิ้วสีดำที่แนบเนื้อยามเธอย่างก้าว ทั้งคู่เป็นที่สะดุดตาของผู้พบเห็นเพราะดูสวยหล่อเหมาะสมกันเป็นอย่างยิ่ง พิชญธิดายังคงจ้องมองชายหนุ่มที่กำลังพยักหน้ารับฟังสิ่งที่หญิงสาวคนนั้นกำลังพูดให้ฟังอย่างตั้งใจ ชายหนุ่มที่บอกเธอเมื่อคืนว่าวันนี้เขาจะเข้าไปเซ็นเอกสารที่บริษัทในตอนเช้า ส่วนเธอนั้นไม่ต้องไปทำงานเพราะไม่มีงานอะไรเร่งด่วนที่ต้องรีบทำ เขายังบอกกับเธออีกว่าหากเธอต้องไปเที่ยวกับวรปรัชญ์ในตอนบ่ายวันนี้นั้น เขาก็คงจะกลับคอนโดเพื่อไปพักผ่อนเลยแล้ววันอาทิตย์ค่อยมารับเธอไปรับประทานอาหารเที่ยงกัน แต่ทำไมเขาถึงมาปรากฎตัวอยู่กลางห้างดังแห่งนี้ในเวลาที่เขาควรจะอยู่ที่เพ้นเฮ้าส์ของตัวเองล่ะ ที่สำคัญทำไมถึงมีหญิงสาวคนนั้นอยู่ข้างกายด้วย เธอไม่เข้าใจ

มือของพิชญธิดาเย็นเฉียบทั้ง ๆ ที่เธอได้วางแก้วกาแฟปั่นลงบนโต๊ะนานแล้ว หัวใจของเธอเต้นเร็วและแรงราวกับมันต้องการจะหลุดออกมาจากร่างของเธอเพื่อให้เขาคนนั้นได้เห็นว่า เมื่อไม่มีเขาอยู่ข้างกายมันก็ไม่อยากทำหน้าที่ของมันอีกต่อไปแล้ว!!!

ตกใจจนหัวใจแทบหยุดเต้นมันเป็นแบบนี้นี่เอง พิชญธิดานั่งนิ่งราวกับถูกสาป หรือเธอไม่กล้าขยับตัวเพราะกลัวคนทั้งคู่จะหันมาเห็นเธอเข้า เธอเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน แต่ที่แน่ ๆ คือ ตอนนี้เธอกำลังมึนงงและกำลังคิดทบทวนเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นในช่วงระยะเวลาห้าเดือนที่ผ่านมา ห้าเดือนที่หัวใจของเธอได้เต้นอย่างเป็นสุขมาตลอดทั้งในยามหลับและยามตื่น แต่มาถึงวันนี้จังหวะการเต้นกลับต้องเปลี่ยนไปเสียแล้ว พิชญธิดายังจมอยู่ในความสับสนว่าที่ผ่านมาอะไรคือเรื่องจริงและอะไรคือการหลอกลวง คำบอกรักที่แสนหวานกลางอากาศนั้นออกมาจากใจของเขาหรือเปล่า เธอเองชักไม่แน่ใจและกลัวเหลือเกินว่าคำตอบที่ได้รับนั้นจะพรากวิญญาณออกจากร่างเธอไปในทันทีที่รู้ความจริง!!!

คนทั้งคู่มองไม่เห็นพิชญธิดาเพราะเธอไม่ได้นั่งโต๊ะติดผนังกระจก พวกเขาจึงไม่ได้รับรู้ว่าได้ทำให้หญิงสาวคนหนึ่งนั่งน้ำตาคลอเบ้าเพราะความผิดหวังและเสียใจอย่างที่สุดที่ถูกคนรักหลอกลวง ?ทำไมเขาถึงทำกับเธอได้ ทำไมถึงทำแบบนี้ เธอทำอะไรผิด? พิชญธิดาเฝ้าถามตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่าอยู่ในใจ เธอไม่รู้ตัวว่าน้ำตากำลังไหลลงจากดวงตาโตคู่สวยที่บัดนี้แววตาที่เคยเปล่งประกายสดใสได้หมองเศร้าลงทันตาเพราะผู้เป็นเจ้าของมีความทุกข์ใจอย่างใหญ่หลวงเสียแล้ว พิชญธิดาพยายามกล้ำกลืนความเจ็บช้ำกลับไปไว้ข้างใน เธออาจจะกลั้นน้ำตาได้แต่จะกลั้นความเจ็บปวดได้หรือ หญิงสาวตกอยู่ในภวังค์จนไม่รู้ตัวเลยว่า วรปรัชญ์ได้เดินมาหยุดที่โต๊ะและยืนอยู่ข้าง ๆ เธอนานแล้ว นานจนแน่ใจว่าเพื่อนไม่ได้โดนฝุ่นเข้าตา แต่คงเป็นอะไรที่เข้าไปกระแทกใจมากกว่า

?เฮ้ย! อัณณ์เป็นอะไรน่ะ ทำไมร้องไห้ล่ะ เกิดอะไรขึ้น? เสียงของเพื่อนซี้ที่ดูตกใจอยู่ไม่น้อยที่มาเห็นเพื่อนสาวกำลังนั่งน้ำตาไหลอยู่กลางห้างดัง

************************

ขอคอมเม้นต์ด้วยนะคะ ขอบคุณมากค่ะ

ตอบกลับโพส

ย้อนกลับไปยัง “ก้าวแรก(สู่นักเขียนมืออาชีพ)”