ภารกิจรัก ภารกิจแค้น ตอนที่ 15 โดย....อาทิตา

ถ้าเพื่อนๆ มีเรื่องที่น่าสนใจและต้องการแบ่งปันเนื้อหา หรือร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการเป็นนักเขียนมืออาชีพ

Moderator: Gals, B.Comics, พี่บี

ตอบกลับโพส
athita
โพสต์: 41
ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ 11 เม.ย. 2009 11:15 pm

ภารกิจรัก ภารกิจแค้น ตอนที่ 15 โดย....อาทิตา

โพสต์ โดย athita »

ตอนที่ 15 เสือสิ้นลาย


?เฮ้ย! นายเป็นอะไรไปวะ ทำไมมานอนอยู่ตรงนี้ ไอ้วีร์มาช่วยกันดูเร็ว อย่าเพิ่งเข้านอนสิโว้ย? เสียงกฤตธีโวยวายดังลั่นทันทีที่เห็นเจ้านายหนุ่มนอนหลับอุตุอยู่บนโซฟายาวในห้องนั่งเล่น แทนที่จะเป็นเตียงนอนหนานุ่มขนาดใหญ่ในห้องนอนที่สั่งทำขึ้นเป็นพิเศษอย่างทุกคืน กฤตธีเรียกให้ธีรวีร์ที่เดินผ่านห้องนั่งเล่นกรุกระจกไปโดยไม่ทันสังเกตเห็นอะไรเพราะสมองอยู่ในช่วง ?ปิดระบบ? เนื่องมาจากผลพวงของ ?สุราและนารี? ในค่ำคืนที่ผ่านมาให้มาช่วยกันดูอาการของผู้เป็นนายก่อนไปเข้านอน เพราะหากว่านายเป็นอะไรมาก เขาคงไม่มีแรงกำลังเหลือพอที่จะพยุงนายลงไปที่รถได้โดยลำพัง เนื่องจากเมื่อคืนเขาเองก็ได้ใช้ ?แรง? ไปจนหมดตัวแล้ว ในตอนนี้สิ่งที่ทั้งเขาและธีรวีร์ต้องการก็คือ กระโดดขึ้นเตียงแล้วนอนหลับสนิทในทันที แค่ขับรถของวรปรัชญ์กลับมาถึงคอนโดได้ก็นับว่าเก่งมากแล้ว โชคดีที่ในยามเช้าตรู่แบบนี้รถราบนท้องถนนมีไม่มาก เขาเหยียบแค่ 20 นาทีจากคอนโดของสองสาวคู่ขาของเขาและธีรวีร์ที่เพิ่งเจอกันเมื่อคืนในผับก็สามารถกลับมาถึงที่พักได้อย่างปลอดภัย

?อะไรวะไอ้กฤต นายเป็นอะไร? ถึงแม้จะง่วงแสนง่วงแต่เพราะหน้าที่และความผูกพันทั้งในฐานะนายกับลูกน้องและเพื่อนสนิทก็ทำให้ธีรวีร์ไม่อาจจะเพิกเฉยได้ เขาเองก็ประหลาดใจไม่แพ้กฤตธีที่เห็นนายมานอนหลับอยู่บนโซฟา เมื่อเหลือบดูเครื่องเกมส์ก็เห็นวางอยู่บนชั้นวางของอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยด้วยฝีมือของแม่บ้านที่เข้ามาทำความสะอาดทุกเช้า แสดงว่านายไม่ได้มานั่งเล่นเกมส์เหมือนบางครั้งที่เห่อเกมส์ใหม่ ๆ ที่เพิ่งซื้อมา ซึ่งผู้เป็นนายมักอยากจะเล่นจนจบเกมส์ในคืนเดียวโดยยอมไม่หลับไม่นอนเลยทีเดียว และเพื่อคลายความสงสัยบอดี้การ์ดหมดสภาพทั้งสองที่ทั้งผมยุ่ง ตาแดงก่ำ เสื้อผ้าหลุดรุ่ย ก็รีบสาวเท้าเดินเข้าไปดูนายที่ยังนอนสลบไสล หนึ่งในนั้นยื่นมือไปแตะหน้าผากผู้เป็นนายก่อนที่จะหันมาบอกคนข้าง ๆ ว่า

?ตัวไม่ร้อนนี่หว่า หรือว่าเมาหนักวะ เลยเดินไปไม่ถึงห้องนอน? กฤตธีถามธีรวีร์ที่ตอนนี้สมองเริ่มทำงานได้อีกครั้ง ธีรวีร์ใช้สายตาสังเกตผู้เป็นนายก่อนที่จะบอกกฤตธีไปว่า

?เดินไม่ถึงห้องนอนได้ไงวะ แกแหกตาดูซะก่อน ไม่เห็นหรือว่านายใส่ชุดนอนน่ะ แสดงว่าเข้าไปอาบน้ำและเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้วด้วยซ้ำ เอ....หรือว่านายจะมาดักรอเราวะ? ธีรวีร์ตั้งข้อสงสัย

?จะมีธุระด่วนอะไรวะ ถ้ามีนายคงโทรเข้ามือถือเราไปแล้ว? กฤตธีตอบข้อสงสัยของธีรวีร์ได้อย่างมีเหตุผล

?แล้วเอาไงดีวะ ปลุกนายดีไหมวะ? ธีรวีร์ถามความเห็นเพื่อนซี้ร่วมอาชีพ

?ไม่ต้องปลุกแล้วโว้ย! ตื่นแล้วโว้ย! พวกแกจะมาเห่าหาอะไรกันนักหนาวะ คนจะหลับจะนอน? วิชญ์ผุดลุกขึ้นนั่งแล้วมองหน้าสองหนุ่มคนสนิทอย่างอารมณ์เสียเพราะนอนหลับได้ไม่เต็มตื่นทั้ง ๆ ที่รู้อยู่แก่ใจว่าทั้งสองเป็นห่วงเขา วิชญ์ได้ยินบทสนทนาของคนทั้งคู่ตั้งแต่ย่างกรายเข้ามาในห้องนั่งเล่นนี้แล้ว แต่เขายังคงแกล้งหลับต่อเพราะอยากรู้ว่าสองคนนั้นจะแก้สถานการณ์กันอย่างไร

?แฮะ ๆ ๆ ขอโทษครับนายที่ทำให้ตื่น แล้วทำไมนายมานอนอยู่ตรงนี้ล่ะครับ? กฤตธีถามผู้เป็นนายในขณะที่ธีรวีร์เดินไปนั่งลงบนเบาะนั่งที่วางอยู่บนพื้นอย่างสะลึมสะลือพร้อมเฝ้ารอคำตอบจากผู้เป็นนายเช่นกัน

?ไม่มีอะไรหรอก? วิชญ์เกริ่นนำก่อนที่จะพูดประโยคต่อมาอย่างไม่ค่อยเต็มเสียงนัก

?ฉันแค่ยกห้องนอนให้คุณอัณณ์เขานอนน่ะ? ทันทีที่พูดจบวิชญ์ก็รีบเดินออกจากห้องนั่งเล่นเพื่อลงไปชั้นล่างโดยไม่เหลียวมามองหน้าลูกน้องทั้งสองอีกเลย แต่ก็ยังได้ยินเสียงหัวเราะที่ดังไล่หลังมาพร้อมเสียงตะโกนของกฤตธีว่า

?ฮ่า ฮ่า ฮ่า หมดกัน เสียชื่อเพลย์บอยวิชญ์แย่เลย มีอย่างที่ไหนยอมให้สาวเจ้าครองเตียงคนเดียว ส่วนตัวเองก็ยอมทนนอนหนาวอารมณ์เปลี่ยวเหี่ยวแห้งทั้งคืน ฮ่า ฮ่า ฮ่า?

?บวชเป็นพระตั้งแต่เมื่อไรครับนาย แล้วจะถือศีลอีกนานไหมเนี่ย ฮ่า ฮ่า ฮ่า? เสียงธีรวีร์ที่ดังไม่แพ้กันขับขานตามหลังมาเยาะเย้ยผู้เป็นนาย

?ถ้ายังไม่หยุดกัน พวกแกไม่ได้นอนแน่ ลงมาข้างล่างเดี๋ยวนี้เลย? เสียงผู้เป็นนายออกคำสั่งกลบอาการเสียฟอร์มครั้งยิ่งใหญ่ในชีวิต ?แค่เสียฟอร์มยังพอรับได้ แต่นี่ดันมาโดนลูกน้องจับได้เข้าไปอีก เฮ้อ สงสัยคราวนี้ต้องยอมจ่ายค่าสงบปากสงบคำก้อนโตให้ไอ้เจ้าสองตัวนั่น ไม่งั้นมันเล่นไม่เลิก กัดไม่ปล่อยแหง ๆ? วิชญ์ส่ายหน้าที่แดงเข้มอย่างจนปัญญา

************************

นายเมธินทร์ พัฒนไพศาล ละสายตาจากหนังสือพิมพ์ตรงหน้าแล้วมองดูลูกสาวคนสวยที่เดินนวยนาดกรีดกรายเข้ามาในห้องรับประทานอาหารในเวลาบ่ายโมงเศษ ผู้เป็นพ่อวางหนังสือพิมพ์ในมือลงหลังจากที่ลูกสาวนั่งลงบนเก้าอี้ทางซ้ายมือเรียบร้อยแล้ว

?ยายดาเมื่อคืนกลับมากี่โมง? สายตาของผู้เป็นพ่อจ้องมองและรอคอยคำตอบ

?กลับมาเมื่อเช้าต่างหากค่ะ? ญาดาตอบอย่างไม่สะทกสะท้านก่อนที่จะหันไปสั่งกาแฟร้อนกับแม่บ้าน

?ดีจริงลูกสาวบ้านนี้ ออกไปเที่ยวมาค่อนวันค่อนคืน กลับมาซะสว่างคาตา งานการก็ไม่ทำ นี่มันจะบ่ายสองอยู่แล้วนะ ลูกเพิ่งลงมากินข้าวเช้า ดา ป๊าว่ามันชักจะมากไปแล้วนะ มันเกินขอบเขตที่ป๊าจะรับได้แล้ว ถ้าดาทำงานป๊าจะไม่ว่าเลยที่ดาจะออกไปเที่ยวเพื่อพักสมองบ้าง แต่นี่อะไรกันเที่ยวมันทุกวี่ทุกวันไม่มีวันหยุด ดาอย่าลืมนะว่าต่อไปดาต้องมาดูแลกิจการของเราแทนป๊า ดาจะให้กิจการที่ป๊าทุ่มเทแรงกายแรงใจตกไปเป็นของคนอื่นหรือลูก? นายเมธินทร์มองหน้าลูกสาวสุดที่รักที่ดูไม่ทุกข์ร้อนใด ๆ กับคำพูดของเขาเลยแม้แต่สักนิดเดียว

?ป๊า หยุดพูดแต่เรื่องเดิม ๆ ได้ไหมคะ แล้วกิจการที่เป็นของเราใครมันจะมาเอาไปได้ล่ะคะ? ญาดาตอบก่อนที่จะรับกาแฟจากแม่บ้านมาจิบ

?ของแบบนี้มันไว้ใจใครได้ที่ไหนล่ะ ดาอย่าลืมนะว่าเราถือหุ้นใหญ่ก็จริง แต่ก็มีผู้ถือหุ้นรายย่อยอีกนับสิบนะ มันมีอยู่แล้วล่ะไอ้คนที่จ้องจะตะครุบกิจการของเราน่ะ ลองถ้าเราไม่ดูแลให้ดีสิรับรองมันต้องรีบฉวยโอกาสทองแน่ ๆ? นายเมธินทร์ใช้ประสบการณ์ของตัวเองมาเป็นข้อเตือนใจสอนลูก เพียงแต่ประสบการณ์ที่ว่าที่เคยเกิดขึ้นในอดีตนั้นเขาเองเป็นคนที่ตะครุบกิจการของคนอื่นมา เมื่อมาถึงวันนี้เลยหวาดระแวงว่าจะโดนคนอื่นทำกับตัวเองเข้าบ้างตามสุภาษิตที่กล่าวไว้ว่า ?กงกรรมกงเกวียน?

?โอ้ย! ป๊า หยุดพูดได้แล้ว ป๊าไม่เบื่อที่จะพูดแต่ด้าเบื่อที่จะฟังแล้วนะคะ ก็ด้าบอกป๊าแล้วไงว่าถ้าด้าเที่ยวอิ่มเมื่อไรก็จะทำงานเมื่อนั้น? ในระหว่างที่พูดกับผู้บังเกิดเกล้าอยู่นั้น ญาดาก็เปิดหนังสือพิมพ์อ่านข่าวสังคมไปด้วย หญิงสาวไม่ได้ให้ความสำคัญกับคนและเรื่องที่กำลังคุยอยู่ด้วยเลย

?แล้วมันเมื่อไรล่ะ อีกนานแค่ไหน หรือต้องรอให้ป๊าตายก่อน ฮะ? น้อยครั้งนักที่นายเมธินทร์จะขึ้นเสียงกับลูกสาว นี่คงเหลืออดจริง ๆ กับทั้งความคิดและการกระทำตรงหน้าของผู้เป็นลูก

?โอเค ๆ ค่ะ เอาเป็นว่าต้นเดือนหน้าด้าจะเข้าไปเรียนงานจากป๊าแล้วกันนะคะ พอใจไหมคะ? ญาดาตอบส่ง ๆ เพื่อให้ผู้เป็นพ่อหยุดต่อว่าต่อขานเธอและบ่นเรื่องเดิม ๆ ที่เธอต้องทนฟังแทบทุกวัน แต่เมื่อนึกถึงเรื่องใครคนหนึ่งขึ้นมาได้ หญิงสาวก็รีบวางหนังสือพิมพ์ลงและหันไปมองหน้าผู้เป็นพ่อทันที

?ป๊าคะ ป๊ารู้จักคนที่ชื่อ วิชญ์ นิมมานรดีไหมคะ? หญิงสาวจ้องหน้าบิดาและรอคำตอบอย่างใจจดใจจ่อ

?วิชญ์ นิมมานรดี เหรอ นิมมานรดี....นามสกุลคุ้น ๆ นะเหมือนป๊าเคยได้ยินแต่จำไม่ได้แล้วว่าเป็นนามสกุลของใคร ว่าแต่ตกลงเขาเป็นใครล่ะ เป็นคู่แข่งกิจการผ้าไหมของเราหรือเปล่าล่ะ? ผู้เป็นพ่อถามลูกสาวกลับ เพราะเขามัวแต่ยุ่งกับงานจึงไม่ค่อยสนใจข่าวแวดวงสังคมอื่น ๆ สักเท่าไรนอกจากแวดวงธุรกิจส่งออกผ้าไหมของตัวเองเท่านั้นที่เขารู้ลึกรู้ดีแทบทุกเรื่อง

?ไม่ใช่คู่แข่งกิจการของเราหรอกค่ะ แต่เขาเป็นถึงเจ้าของโรงแรม ณ นิมมานรดี ไงคะ คราวนี้รู้จักหรือยังคะ โรงแรมใหญ่ยักษ์กลางเมืองกรุงนั่นน่ะค่ะ? ญาดาบอกข้อมูลที่เธอพอทราบให้กับบิดาฟัง

?อ๋อ รู้จักแต่โรงแรม แต่ไม่รู้จักเจ้าของหรอก นี่อาทิตย์หน้าป๊าก็ต้องเอาใบเสนอราคาผ้าไหมไปส่งฝ่ายจัดซื้อที่โรงแรมนี้แหละ เอ....สรุปที่ลูกถามมาเนี่ย มีเรื่องอะไรหรือเปล่าล่ะ? ผู้เป็นพ่อจ้องตาลูกสาวที่กำลังทอแสงประกายวิบวับบอกให้รู้ว่ากำลังถูกอกถูกใจกับบางอย่างที่ได้ยิน

?ป๊าว่าอะไรนะคะ อาทิตย์หน้าป๊าจะเข้าไปที่โรงแรมนี้เหรอ? ญาดาดีใจจนแทบเก็บอาการไว้ไม่อยู่

?อือ ก็ที่โรงแรมเขาต้องการเปลี่ยนพวกผ้าม่าน ปลอกหมอน ผ้าปูเตียงในห้องสวีทให้เป็นผ้าไหมทอมือใหม่ทั้งหมด รู้สึกว่าจะมีเจ้าใหญ่นายโตจากต่างประเทศจะยกกันมาทั้งตระกูลมาพักผ่อนที่นี่เร็ว ๆ นี้แหละ เขาเลยต้องเอาใจลูกค้าสักหน่อย? นายเมธินทร์อธิบายที่มาที่ไปให้ลูกสาวฟัง

?แล้วป๊าต้องเข้าไปเองเลยเหรอคะ ระดับเจ้าของกิจการส่งออกผ้าไหมต้องไปส่งใบเสนอราคาด้วยตัวเองเลยเหรอคะ? ญาดาแกล้งทำเป็นสนใจถามเรื่องงานทั้ง ๆ ที่มีเรื่องที่อยากรู้มากกว่าอยู่ในใจ

?ใช่ เพราะป๊าต้องเอา ?ของฝาก? ไปฝากผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อไง เรื่องแบบนี้มันต้องใช้ตัวช่วย งานจะได้เดินไว ๆ และใบเสนอราคาของเราจะได้มีภาษีกว่าที่อื่น ๆ เพราะไม่ใช่มีแต่บริษัทเราเท่านั้นที่ทำราคาไปเสนอที่นี่ บริษัทอื่น ๆ เขาก็อยากได้งานนี้กันทั้งนั้น เผื่ออาจจะฟลุ๊คได้โรงแรมในเครือเป็นลูกค้าอีกไงล่ะลูก ชักสนใจเรื่องงานแล้วล่ะสิ ก็ดีเริ่มเรียนรู้ซะตั้งแต่วันนี้เลยจะได้ช่วยป๊าทำงานอีกแรง ตกลงสนใจจะเข้ามาช่วยป๊าเลยไหมล่ะ? นายเมธินทร์วกกลับมาเรื่องเดิมอีกจนได้

?ตกลงค่ะป๊า ด้าจะนำใบเสนอราคาเข้าไปเสนอที่โรงแรมนี้เอง ดีไม่ดีด้าอาจจะขอพบเจ้าของโรงแรมเพื่ออธิบายคุณสมบัติและลวดลายของผ้าไหมที่เราจะนำไปเสนอด้วยนะคะ ป๊าช่วยให้เลขาฯเตรียมข้อมูลทั้งหมดให้ด้าด้วยล่ะกัน? ญาดาบอกผู้เป็นพ่อด้วยสายตาที่มุ่งมาดและเต็มไปด้วยความหวังอย่างเต็มเปี่ยม

?ดา ลูกพูดจริงใช่ไหม ตกลงป๊าจะให้เลขาฯเขาเตรียมเอกสารและตัวอย่างผ้าให้ลูกเอง แต่นี่เป็นงานใหญ่นะเพราะโรงแรมนี้เขามีห้องสวีทตั้ง 15 ห้อง ดาแน่ใจนะว่าทำได้ จะเอาใครเป็นผู้ช่วยอีกไหม? นายเมธินทร์ถามลูกสาวด้วยความเป็นห่วง

?ไม่ต้องค่ะ ด้าไปคนเดียวได้ แต่ด้าจะขอคุยกับคนออกแบบลวดลายผ้าและคนควบคุมการทอมือก่อนนะคะ เพราะด้าอยากทราบข้อมูลทุก ๆ เรื่องอย่างครบถ้วนค่ะ ป๊าให้เลขาฯนัดเวลาให้ด้าด้วยนะคะ? ญาดาไม่ทำให้ผู้เป็นพ่อผิดหวังเลยในการวางแผนงานสำคัญในครั้งนี้ นายเมธินทร์ยิ้มกว้างอย่างดีใจและหลงปลื้มใจว่าลูกสาวกำลังจะเอาดีทางการงาน หารู้ไม่ว่าอันที่จริงแล้วผู้เป็นลูกสาวกำลังวาดอีกแผนอยู่ในใจ แผนซ้อนที่เป็นกำลังสำคัญคอยผลักดันให้เธอทำงานใหญ่อย่างรอบคอบ เพราะ ?เขาคนนั้น? เป็นผู้บริหารที่เก่งกาจ เธอจะมีจุดผิดพลาดไม่ได้เลย โอกาสดี ๆ แบบนี้ไม่ได้มีเข้ามาบ่อย ๆ ญาดาจึงต้องวางแผนอย่างรอบคอบให้มากที่สุด

************************

พิชญธิดาที่ตื่นได้สักพักและทันได้ยินบนสนทนาทั้งหมดของชายหนุ่มทั้งสามเพราะแต่ละคนเล่นตะโกนกันสุดเสียงเสียขนาดนั้น แต่หญิงสาวก็ไม่ยอมเยื้องกรายออกจากห้องนอนโทนสีขาวและน้ำตาลของแฟนหนุ่มที่เธออาศัยหลับนอนมาทั้งคืน เธอปิดประตูห้องนอนที่แอบแง้มเปิดฟังบทสนทนาเมื่อครู่อย่างเบามือก่อนที่จะเดินกลับไปนั่งบนเตียงกว้าง หญิงสาวนั่งคิดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืน แล้วก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มกว้างออกมาทั้งตาทั้งปากพร้อม ๆ กับใบหน้าที่ค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นสีแดง

?ใครบอกว่าอัณณ์เมาล่ะคะคุณวิชญ์ โดนหลอกหอมแก้มแล้วยังไม่รู้ตัวอีก เพลย์บอยวิชญ์หรือจะสู้เพลย์เกิร์ลอัณณ์ได้ ฮิ ฮิ ฮิ ลูกศิษย์ครูวรปรัชญ์ซะอย่าง สงสัยต้องไปขอเกรดเอบวกจากอาจารย์ซะแล้ว? พิชญธิดาพูดกับตัวเองก่อนที่จะล้มตัวลงนอนบนเตียงอีกครั้งเพราะยังรู้สึกง่วงนอนอยู่ และเธอยังไม่อยากออกไปเผชิญหน้ากับทั้งสามหนุ่มในตอนนี้ หากวิชญ์ได้มารู้ความจริงข้อนี้ รับรองว่าคงมีการจับปล้ำเกิดขึ้นอย่างแน่นอนโทษฐานมาหักเหลี่ยมลูบคมคาสโนว่าอย่างเขาแถมยังมาเหยียบจมูกถึงถิ่นเสืออีกต่างหาก

************************

กว่าพิชญธิดาจะกลับมาถึงบ้านของตนเองก็ปาไปเกือบห้าทุมครึ่งแล้ว เนื่องจากในช่วงบ่ายของวันที่ผ่านมาเธอต้องไปช่วยเลือกของแต่งบ้านให้กับวิชญ์ เพราะความที่ปากไวดันไปวิจารณ์ว่าคอนโดหรูของชายหนุ่มนั้นขาดชีวิตชีวา ดูไม่สดชื่น และไม่น่าอยู่ เจ้าของบ้านเลยอนุมัติงบแบบไม่จำกัดวงเงินให้มัณฑนากรสาวจำเป็นช่วยสร้างสีสันให้กับคอนโดของหนุ่มโสด พิชญธิดาจึงต้องไปเดินเลือกซื้อของตกแต่งบ้านทั้งหลายกับวิชญ์ในห้างใหญ่กลางเมืองกันสองคน ไม่ว่าจะเป็นหมอนอิงใบโตสำหรับห้องรับแขกและห้องนั่งเล่นที่มีลวดลายกราฟฟิคที่เหมาะกับหนุ่ม ๆ ผู้พักอาศัย แจกันดอกไม้สีสันแสบตาเพื่อที่จะมาตัดกับสีขาวสะอาดตาของเครื่องเรือน รวมถึงโคมไฟรูปทรงแปลก ๆ มาตกแต่งและเพิ่มเติมบรรยากาศให้กับห้องพักของเจ้านายหนุ่มที่ควบตำแหน่งแฟนหนุ่มของเธอเข้าไปด้วยให้ดูอบอุ่นและน่าอยู่ยิ่งขึ้น นอกจากนั้นหญิงสาวยังเพิ่มรายการพิเศษที่เป็นของชอบของเธอเข้าไปในซึ่งก็ได้รับความเห็นชอบจากแฟนหนุ่มที่ตามใจแฟนสาวไปเสียทุกอย่าง เช่น บรรดาเทียนหอมกลิ่นต่าง ๆ และน้ำมันหอมระเหยที่มาเป็นเซ็ทกับเตาจุดเซรามิกที่ออกแบบได้สวยงามน่าใช้แถมยังใช้ตกแต่งบ้านได้อีก โดยพิชญธิดาให้ความเห็นว่าพวกกลิ่นหอมเหล่านี้ช่วยคลายความเครียดจากการทำงานและยังช่วยให้รู้สึกสบายผ่อนคลายอารมณ์ได้เป็นอย่างดี ส่วนของชิ้นโตสุดที่พิชญธิดาเลือกซื้อเพื่อจะมา ?ใช้เอง? อีกสองอย่างก็คือ เก้าอี้หวายรูปทรงคล้ายไข่ที่เป็นชิงช้าในตัว และร่มกันแดดผ้าใบขนาดใหญ่สีขาวสองคันสำหรับวางบริเวณสระว่ายน้ำ ซึ่งในเย็นวันเดียวกันนั้นเองหญิงสาวก็ได้ฉลองและใช้บริการของสองสิ่งนี้อย่างภาคภูมิใจตามสไตล์ ?บ้าเห่อ? ซึ่งก็ถูกวรปรัชญ์ค่อนแคะใส่ทันทีที่มาถึงคอนโดในเวลาบ่ายแก่ ๆ

ส่วนกฤตธีและธีรวีร์สองหนุ่มที่ร่วมพักอาศัยที่นี่ด้วยนั้น เมื่อตื่นขึ้นมาในเวลาเย็นมากแล้วเพราะเพิ่งได้นอนหลังจากที่เจ้านายพาแฟนสาวออกไปช้อปปิ้ง บอดี้การ์ดหนุ่มทั้งสองถูกนายเรียกให้ลงไปว่ายน้ำแข่งและตามด้วยการแข่งขันยกน้ำหนักในช่วงเช้าซึ่งเป็นการลงโทษที่ ?ปากอยู่ไม่สุข? ส่วนผลชนะนั้นไม่ต้องพูดถึงเพราะระหว่างคนที่ได้นอนหลับฝันดีถึงแม้จะต้องนอนบนโซฟาก็เถอะอย่างไรก็ต้องมีพละกำลังมากกว่าคนที่ยังไม่ได้เข้านอนเลย สองหนุ่มบอดี้การ์ดจึงได้แต่ก่นด่าเจ้านายในใจ ?ไม่รู้จะแข่งไปหาสวรรค์วิมานอะไร ยังไงตัวเองก็ชนะอยู่วันยังค่ำ? เมื่อทั้งสองได้มาเห็นการเปลี่ยนแปลงรูปโฉมใหม่ของคอนโดที่ดูมีสีสันและมีชีวิตชีวาราวกับมีหญิงสาวมาพักอาศัยอยู่ร่วมชายคาด้วยจึงออกปากแซวพิชญธิดาไปว่า

?นี่เตรียมไว้เป็นเรือนหอรอรักหรือเปล่าครับคุณอัณณ์ ไอ้วีร์...สงสัยเร็ว ๆ นี้เราต้องหาที่อยู่ใหม่กันแล้วล่ะว่ะ?

?งั้นเริ่มหาที่อยู่ใหม่ซะคืนนี้เลยดีไหมล่ะคะ คุณวิชญ์ว่ายังไงคะ? พิชญธิดาที่ถึงแม้จะเขินกับคำแซวของสองหนุ่มบอดี้การ์ด แต่ก็ไม่วายทิ้งท้ายให้คนฟังได้หนาว ๆ ร้อน ๆ กันบ้าง

?คุณอัณณ์ว่าไง ผมก็ว่าอย่างนั้นล่ะครับ? วิชญ์เข้าเป็นปี่เป็นขลุ่ยกับแฟนสาวเป็นอย่างดีเพราะได้ออกไปเดินช้อปปิ้งหิ้วของให้แฟนสาวอย่างคู่รักทั่ว ๆ ไปตลอดบ่ายที่ผ่านมา และนี่ก็นับว่าเป็นครั้งแรกที่เขายอมไป ?เดินห้าง? นานนับหลายชั่วโมง เพราะตามปกติแล้วเขามักสั่งให้เมธปรียาหรือไม่ก็บอดี้การ์ดคนใดคนหนึ่งเป็นคนไปเลือกซื้อของที่ต้องการให้ แต่วันนี้ที่เขายอมทุ่มเทเวลาเสียขนาดนี้ก็เพราะว่ารู้สึกเหมือนได้กำลังเลือกของแต่ง ?เรือนหอ? อย่างที่กฤตธีแซว ถึงแม้คนที่เลือกเสียส่วนใหญ่จะเป็นแฟนสาวคนสวยก็ตาม ส่วนเขามีหน้าที่แค่จ่ายเงินกับหิ้วสัมภาระทั้งหลายให้เธอ เพียงแค่นี้....เพียงแค่ได้ใช้เวลาร่วมกันนอกเหนือเวลาทำงานทั้งวิชญ์และพิชญธิดาก็รู้สึกอิ่มเอมมากพอแล้ว ?โลกเป็นสีชมพูอย่างนี้นี่เอง? เพราะฉะนั้นตอนนี้ใครจะว่าอะไรอีกคนก็เออออห่อหมกด้วยเป็นอย่างดี

?โหนายอ่ะ เดี๋ยวนี้เห็นแฟนดีกว่าลูกน้องนะครับ? เสียงโอดครวญของธีรวีร์

?เออ...เห็นดีกว่ามาตั้งนานแล้วโว้ย เพราะแฟนสวยกว่าเยอะ? วิชญ์สวนกลับได้เจ็บแสบพร้อมหันไปยิ้มพราวทั้งใบหน้าให้แฟนสาวที่ถูกใจกับคำตอบของแฟนหนุ่มยิ่งนักโดยเห็นได้ชัดจากความแดงของใบหน้า ที่ใกล้เคียงผลมะเขือเทศสุกปลั่งเข้าไปทุกที

?เฮ้อ! พวกเราเลยกลายเป็นหมาหัวเน่าเลยว่ะไอ้วีร์? เสียงกฤตธีแกล้งบ่นดัง ๆ

************************

มื้อเย็นวันนั้นวิชญ์ได้โชว์ฝีมือในการทำกับข้าวอวดแฟนสาว เพื่อยืนยันว่าเธอจะไม่อดตายอย่างแน่นอนหากได้แต่งงานกับเขา โดยมีวรปรัชญ์มาร่วมเป็นสักขีพยานในครั้งนี้ด้วยเพราะต้องมาเอารถที่เมื่อคืนสองหนุ่มบอดี้การ์ดยืมขับไปส่งสาวคู่ขาคืน

?หน้าตาน่าทานจังค่ะ หวังว่าคงจะอร่อยนะคะ? พิชญธิดาให้กำลังใจแฟนหนุ่มที่เพิ่งละจากหน้าเตาและกำลังยกอาหารจานพิเศษมาเสิร์ฟ

?ทำให้คุณอัณณ์ทานนี่ครับ ยังไงนายก็คงทุ่มสุดฝีมือ ร้อยวันพันปีไม่เคยเข้าครัวแค่คุณอัณณ์มาเที่ยวคอนโดเพียงคืนเดียว ยังออกอาการ ?เห่อ? ซะขนาดนี้? กฤตธีกล่าวเหน็บแนมผู้เป็นนาย

?อุ๊ยตายจริงหรือคะ ไม่นึกไม่ฝันว่าจะได้มีโอกาสกินอาหารฝีมือเจ้าของโรงแรม ณ นิมมานรดี สปาเก็ตตี้จานนี้คงอร่อยเลิศแน่ ๆ เพราะได้เชฟใหญ่มาลงมือทำเอง เอ....แต่มันจะหวานจนเลี่ยนหรือเปล่านะ ต้องถามคุณกฤตกับคุณวีร์ล่ะค่ะ เพราะนังอัณณ์คงตอบว่าไม่ว่าหวานแน่ ๆ มันคงจะบอกว่าอร่อยสุด ๆ เพื่อเอาใจคนทำ ฮิ ฮิ ใช่ไหมนังแม่น้ำ? วรปรัชญ์ที่โชคดีมีลาภปากได้กินของอร่อยแต่ยังออกอาการหมั่นไส้คู่รักที่คอยหวานใส่กันอยู่ตลอดเวลา จนอดไม่ได้เลยต้องแขวะเพื่อนสนิทและแฟนหนุ่มที่หน้าบานได้ตลอดทั้งวันเพราะคงดีใจที่ได้อยู่ใกล้ชิดแฟนสาวมาเกือบจะ 24 ชั่วโมงเข้าไปแล้ว แถมกฤตธีและธีรวีร์ยังรายงานให้เขาฟังอีกว่าเจ้านายหนุ่มนั้นให้แฟนสาวยึดห้องนอนตามลำพังตลอดทั้งคืนอีกด้วย ?อะไรจะสุภาพบุรุษขนาดนั้น ไหนใครบอกว่าเคยเป็นเพลย์บอยมาก่อนไงล่ะ อ้อยมาเสิร์ฟถึงปากช้างแล้วยังไม่ยอมกินอีก แมนจริงหรือเปล่ายะ เฮ้อ! สงสัยต้องแอบถามนังอัณณ์ว่าไปทำอีท่าไหนช้างเลยไม่ยอมเคี้ยวอ้อย เสียดายแทนจริง ๆ ถ้าเป็นวรปรัชญ์หน่อยไม่ได้ ฮึ! ป่านนี้ได้เป็นคุณนายนิมมานรดีเรียบร้อยไปแล้ว?

?คุณวิชญ์คะ อัณณ์ว่าเราทานกันสองคนดีไหมคะ เพราะสปาเก็ตตี้จานนี้คงไม่ถูกปากสามคนนั่นหรอกค่ะ? พิชญธิดาที่ถือว่าตนเองมี ?กองหนุน? ดีกว่าแกล้งพูดลอยหน้าลอยตาใส่สองหนุ่มแท้กับหนึ่งสาวเทียม

?คุณอัณณ์ว่าไง ผมก็ว่าอย่างนั้นล่ะครับ? วิชญ์แกล้งประจบแฟนสาวเข้าไปอีกจึงยิ่งสร้างความหมั่นไส้แกมอิจฉาให้อีกฝ่ายอย่างมาก

?โอ้โห! เดี๋ยวนี้เล่นประเภทเป็นคู่นะคะ คุณพิชญธิดาขา ทิ้งเพื่อนทันทีที่ได้แฟนนะคะ เลวมาก! เห็นผู้ชายดีกว่าเพื่อนนะยะ? วรปรัชญ์ยังไม่ยอมแพ้ง่าย ๆ ตามสไตล์กัดไม่ปล่อย

?แหม! ทีแกยังทิ้งฉันออกบ่อย ๆ เวลาดาร์ลิ้งแกกลับมาจากบินทีไร แกไม่เคยมีเวลาให้เพื่อนเลย เชอะ! แฟนน่ะยังไงก็ต้องดีกว่าเพื่อนและลูกน้องใช่ไหมคะคุณวิชญ์ขา? พิชญธิดาสู้ยิบตาแถมยังแกล้งยั่วเพื่อนซี้โดยการเข้าไปคล้องแขนกับวิชญ์อย่างสนิทสนม ทำเอาคนถูกแต๊ะอั๋งยิ้มออกมาอย่างชอบใจจนต้อง ?เชียร์? แฟนสาวอย่างออกนอกหน้าอีกรอบ

?คุณอัณณ์ว่าไง ผมก็ว่าอย่างนั้นล่ะครับ? วิชญ์กล่าวประโยคเดิม

หลังจากเห็นวรปรัชญ์สงบปากสงบคำไปแล้วได้สักครู่เพราะคงรู้ตัวว่าประเภทเดี่ยวอย่างไรก็ต้องแพ้ประเภททีมอยู่วันยังค่ำ พิชญธิดาจึงถามความคิดเห็นแฟนหนุ่มอีกครั้งว่า

?ตกลงเราจะลงมือทานกันได้หรือยังค่ะเนี่ย อัณณ์หิวแล้วอ่ะ ว่าไงคะคุณวิชญ์ ทานเลยไหมเดี๋ยวเย็นจะไม่อร่อยนะคะ?

กฤตธี ธีรวีร์และวรปรัชญ์ที่รอโอกาสจะเอาคืนอยู่แล้ว จึงส่งสัญญาณให้กันและกันในทันที แล้วจึงรวมพลัง ?ประเภททีมผสม? พูดพร้อมกันออกไปว่า

?คุณอัณณ์ว่าไง ผมก็ว่าอย่างนั้นล่ะคร้าบ?

มื้อเย็นมื้อนั้นจึงเป็นอีกมื้อที่คนทั้งห้าได้เฮฮาทั้งคุยทั้งกัดกันอย่างสนุกสนานแบบไม่มีช่องว่างระหว่างลูกน้อง เจ้านาย และเลขาฯ เพ้นเฮ้าส์หรูจึงอบอวลไปด้วยเสียงหัวเราะและพูดแซวกันอยู่ตลอดเวลา แถมหลังรับประทานอาหารฝีมือเจ้าของโรงแรมเจ็ดดาวแล้ว ทั้งห้ายังออกไปดริ้งค์ต่อกันอีกที่สระว่ายน้ำเพราะพิชญธิดาออกอาการเห่ออยากจะนั่งชิงช้าตัวใหม่รับลมเย็น ๆ บนยอดตึก ดังนั้นกว่าจะได้แยกย้ายกันกลับบ้านก็ปาเข้าไปห้าทุ่มแล้วโดยมีวิชญ์ขับรถไปส่งแฟนสาวตามลำพังอย่างสุขใจ

************************

?กู๊ดไนท์นะคะ ขับรถกลับดี ๆ นะคะ แล้วเจอกันพรุ่งนี้ค่ะ? พิชญธิดาย้ำเตือนความทรงจำ เพราะพรุ่งนี้ทั้งคู่นัดจะไปดูภาพยนตร์ด้วยกัน

?อ้าว แล้วคืนนี้ผมไม่ได้นอนห้องคุณอัณณ์หรือครับ นึกว่าเราจะแลกห้องกันซะอีก เพราะเมื่อคืนผมยังให้คุณอัณณ์ยึดเตียงผมเลย? วิชญ์แกล้งหยอกแฟนสาว

?ว้า งั้นอัณณ์ว่าเราเจอกันวันจันทร์เลยล่ะกัน ยกเลิกโปรแกรมของวันพรุ่งนี้นะคะ บ้าย บายค่ะ? พิชญธิดาทำท่าจะลงจากรถ

?ล้อเล่นหน่อยเดียวทำใจน้อยไปได้แฟนเรา ยังไม่ให้ลงครับ มาตกลงกันให้รู้เรื่องก่อน พรุ่งนี้ผมมารับ 11 โมงตรงนะ ไปทานข้าวเที่ยงกันก่อนแล้วค่อยดูหนัง โอเคนะครับ? วิชญ์สบตาหวานซึ้งกับแฟนสาว

?โอเคค่ะ อัณณ์ลงได้หรือยังคะ?

?ยังครับ ขอจุ๊บก่อน? ทันทีที่พูดจบวิชญ์ก็คว้าตัวแฟนสาวเข้ามาในอ้อมกอด แล้วชายหนุ่มจึงโน้มใบหน้าเข้าหาหญิงสาวพร้อมสบตาสื่อความหวานที่มีให้เธอเพียงคนเดียวก่อนที่จะค่อย ๆ ประทับริมฝีปากของเขาเข้ากับริมฝีปากนุ่มอวบอิ่มของหญิงสาว แล้ววิชญ์จึงมอบจุมพิตหวานล้ำให้กับพิชญธิดาอย่างเนิ่นนานจนหญิงสาวในอ้อมแขนอ่อนระทวยจนแทบหมดแรง เมื่อวิชญ์ถอนริมฝีปากออกไปอย่างช้า ๆ เพราะเสียดายความหอมหวานที่ได้รับจากแฟนสาว พิชญธิดาก็ยังคงฟุบลงตรงอกแกร่งของชายหนุ่มเพราะทั้งอายและหมดแรง ?เฟิร์สคิสของฉันนะนั่น?

?ขอบคุณนะครับสำหรับความสุขที่คุณมอบให้ผม ขอบคุณที่เข้ามาเติมเต็มชีวิตที่เคยว่างเปล่าของผมนะครับ กู๊ดไนท์นะครับคนดี? วิชญ์พูดชิดริมฝีปากหวานที่เขาได้พิสูจน์ลองลิ้มชิมรสดูแล้ว ก่อนที่จะแถมจุมพิตหวานที่หน้าผากมนให้อีกหนึ่งจูบแล้วจึงเดินลงมาส่งแฟนสาวถึงหน้าประตูบ้าน แถมยังช่วยไขกุญแจให้เธออีกด้วย เพราะพิชญธิดายัง ?เบลอ? กับรสจูบที่ซาบซ่านที่ได้มาโดยไม่ทันตั้งตัวแต่ด้วยความตั้งใจอย่างล้นปรี่จากคนให้

?อัณณ์ก็มีความสุขค่ะ ขอบคุณเช่นกันนะคะที่สอนให้อัณณ์รู้จักความรัก ฝันดีนะคะ? พิชญธิดากล่าวอย่างเขิน ๆ ก่อนที่จะเดินเข้าบ้านไปปล่อยให้คนที่ทำให้เธอมีความสุขยืนยิ้มด้วยหัวใจพองโตคับอก ?ในที่สุดเขาก็หาหัวใจตัวเองเจอ?

************************

?สวัสดีค่ะคุณอัณณ์ ดิฉันพาตัวแทนจากบริษัทญาดาไหมไทยมาขอเข้าพบคุณวิชญ์ค่ะ? เสียงหวานของกัญญาณัฐผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อบอกจุดประสงค์ของเธอในการขอเข้าพบท่านประธานกรรมการให้กับพิชญธิดา เลขาฯที่ใคร ๆ ในโรงแรมต่างก็รู้ว่ากำลังคบหาดูใจกับท่านประธานกรรมการหนุ่มรูปงามอยู่ เพราะมักเห็นท่านประธานจูงมือเลขาฯไปรับประทานอาหารเที่ยงด้วยกันแทบทุกวัน

พิชญธิดาเงยหน้าจากงานบนโต๊ะไปหาแขกผู้มาเยือน พบว่ามีหญิงสาวสองคนยืนอยู่ตรงหน้า คนแรกเป็นผู้หญิงวัยกลางคนอายุคงประมาณ 40 ต้น ๆ อยู่ในชุดเครื่องแบบของพนักงานระดับหัวหน้าฝ่ายของโรงแรม ส่วนอีกคนที่แม้เคยเห็นเพียงครั้งเดียวพิชญธิดาก็จำได้ดีเพราะเธอมีเครื่องหน้าที่ดูสวยสะดุดตาแถมมีรูปร่างที่น่าหลงใหล อกเป็นอก เอวเป็นเอว ยิ่งวันนี้หญิงสาวแต่งกายด้วยชุดผ้าไหมทั้งชุดทำให้เธอดูสวยมีเสน่ห์เข้าไปอีก ตัวเสื้อเป็นผ้าไหมสีแดงแขนกุดคอเต่าอัดพลีทตลอดทั้งตัว ส่วนกางเกงผ้าไหมขาสามส่วนสีดำที่เข้ากับสรีระร่างกายของผู้สวมใส่เป็นอย่างดี เพราะความยาวเพียงหน้าแข้งหญิงสาวเลยได้อวดปลีน่องงามที่โผล่พ้นชายกางเกงออกมา รวมทั้งรองเท้าส้นสูงแหลมเปี๊ยบสีแดงที่เพิ่มความสูงให้กับเจ้าของเรือนร่างงามเข้าไปอีก พิชญธิดายอมรับว่าผู้หญิงตรงหน้าแต่งตัวได้ดูดีมากแถมแต่งหน้าด้วยเครื่องสำอางชั้นดีได้ดูสวยเฉี่ยวเข้าไปอีก ?อ้อ ผู้หญิงที่ชอบเปิดคนนั้นนั่นเอง วันนี้ไม่ยักกะเปิดแฮะ แต่ก็ยังดูดี สวยเซ็กซี่จัง ท่าทางคงไม่ใช่คนธรรมดาแน่ ๆ ไม่งั้นคุณกัญญาณัฐคงไม่ต้องพาขึ้นมาเอง?

?สวัสดีค่ะพี่กัญ ที่โทรมานัดเมื่อเช้าใช่ไปไหมคะ? พิชญธิดากล่าวทักทาย

?ใช่ค่ะ อ้อ! น้องอัณณ์คะ นี่คุณญาดา พัฒนไพศาล รองประธานบริษัทญาดาไหมไทยค่ะ? กัญญาณัฐกล่าวแนะนำ

?สวัสดีค่ะคุณญาดา เชิญนั่งรอสักครู่นะคะ เดี๋ยวขออัณณ์แจ้งให้ท่านประธานทราบก่อนนะคะ? พิชญธิดายกหูโทรศัพท์แล้วกดแป้นหมายเลข 1 ก่อนที่จะแจ้งปลายสายว่า

?สวัสดีค่ะคุณอัณณ์? ญาดากล่าวทักทายตอบ ?ที่แท้ก็เป็นแค่เลขาฯหน้าห้อง คงหวังจะควบตำแหน่งคุณนายอีกหนึ่งตำแหน่งล่ะสิ?

?คุณวิชญ์คะ คุณกัญญาณัฐหัวหน้าฝ่ายจัดซื้อขอเข้าพบพร้อมคุณญาดาจากบริษัทญาดาไหมไทยค่ะ? พิชญธิดาวางหูโทรศัพท์แล้วจึงบอกกับกัญญาณัฐและญาดาไปว่า

?ท่านเชิญได้เลยค่ะ เดี๋ยวอัณณ์จะให้แม่บ้านนำน้ำส้มเข้าไปเสิร์ฟนะคะ?

************************

ตอบกลับโพส

ย้อนกลับไปยัง “ก้าวแรก(สู่นักเขียนมืออาชีพ)”