ภารกิจรัก ภารกิจแค้น ตอนที่ 13 โดย....อาทิตา

ถ้าเพื่อนๆ มีเรื่องที่น่าสนใจและต้องการแบ่งปันเนื้อหา หรือร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการเป็นนักเขียนมืออาชีพ

Moderator: Gals, B.Comics, พี่บี

ตอบกลับโพส
athita
โพสต์: 41
ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ 11 เม.ย. 2009 11:15 pm

ภารกิจรัก ภารกิจแค้น ตอนที่ 13 โดย....อาทิตา

โพสต์ โดย athita »

ตอนที่ 13 ความลับที่ถูกเปิดเผย

ณ คุ้มนิมมานรดี จังหวัดเชียงใหม่ หมู่เรือนไทยขนาดใหญ่ที่ตั้งตระหง่านอยู่ท่ามกลางสวนสวยที่เต็มไปด้วยต้นไม้น้อยใหญ่นานาพันธุ์โดยเฉพาะพวกไม้ดอกจำพวกกุหลาบหลากสีหลากพันธุ์ กล้วยไม้ต่าง ๆ และเฟื่องฟ้าหลากสีสันทั้งหลายที่ต่างแข่งขันกันชูช่อรับตะวัน ดอกไม้เหล่านี้ช่วยสร้างสีสันให้สวนแห่งนี้ดูงดงามมากยิ่งขึ้น เพราะเป็นตัวล่อชั้นดีที่ทำให้เหล่าแมลงและผีเสื้อต่างโบยบินมาดอมดมและแวะหาน้ำหวานจากดอกไม้ จึงดูราวกับสวนผีเสื้อก็ไม่ปาน

ถึงแม้ตัวบ้านจะเป็นเรือนไทยหมู่ขนาดใหญ่ที่แสดงเอกลักษณ์และความเป็นมาของชาติได้เป็นอย่างดี แต่ภายในตัวเรือนนั้นกลับตกแต่งผสมผสานความเป็นไทยกับความสมัยใหม่จากตะวันตกไว้ได้อย่างลงตัว เช่น ชุดรับแขกแบบไทยซึ่งใช้หมอนสามเหลี่ยมสามตอนแทนการนั่งเก้าอี้ แต่อีกมุมหนึ่งของบ้านก็มีโต๊ะรับแขกไม้สักไว้ต้อนรับแขกที่ไม่สะดวกในการนั่งพื้น เช่นเดียวกันกับในห้องนอนรับแขกที่มีเตียงไม้สักทั้งหลังพร้อมมุ้งทรงกลมแขวนเตรียมไว้ให้ใช้กันยุงในยามหลับพักผ่อน ถึงแม้จะไม่มีความจำเป็นต้องใช้มันก็ตามเพราะบ้านทั้งหลังติดมุ้งลวดกันยุงอยู่แล้ว ในห้องอาบน้ำขนาดใหญ่ก็มีทั้งตุ่มใส่น้ำเย็นให้ผู้มาเยือนได้ตักอาบตามแบบที่คนไทยสมัยก่อนมักนิยม หรือหากอยากจะคลายเครียดด้วยการแช่ตัวในอ่างอาบน้ำขนาดใหญ่ที่มีทั้งน้ำอุ่นและน้ำเย็นให้เลือกก็ย่อมได้ นอกจากนั้นในส่วนของห้องครัวก็มีทั้งครัวแบบไทยโบราณที่ยังใช้เตาถ่านในการหุงหาอาหารซึ่งก็ทำให้ได้บรรยากาศแบบไทย ๆ ในการกินอยู่ และครัวแบบตะวันตกที่พรั่งพร้อมไปด้วยเครื่องใช้ไม้สอยต่าง ๆ อย่างครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็นเตาอบ ไมโครเวฟ หรือเครื่องดูดควัน และในส่วนของบริเวณโดยรอบตัวเรือนทั้งสวนและศาลาริมน้ำก็ได้รับการตกแต่งและดูแลเป็นอย่างดีจากเจ้าของบ้านที่มีฐานะเข้าขั้นมหาเศรษฐีคนหนึ่งของภาคเหนือ เพราะมีสระวายน้ำขนาดใหญ่ที่เจ้าของบ้านสร้างขึ้นเพื่อให้หลานชายที่รับมาเป็นบุตรบุญธรรมได้เล่นน้ำในยามอากาศร้อนได้อย่างสนุกสนาน นับว่าเจ้าของบ้านมีรสนิยมในการตกแต่งบ้านให้น่าอยู่อย่างสะดวกสบายและได้อนุรักษ์ความเป็นไทยไปในตัวได้อย่างลงตัว คุ้มนิมมานรดี แห่งนี้จึงมักได้ต้อนรับทีมงานจากหนังสือตกแต่งบ้านจากหลายสำนักพิมพ์ให้แวะเวียนมาเก็บภาพและข้อมูลไปลงหนังสืออยู่บ่อยครั้ง

คุ้มนิมมานรดีนั้นไม่ได้ขึ้นชื่อเฉพาะด้านความงามของหมู่เรือนไทยไม้สักทั้งหลัง ที่ถูกเนรมิตขึ้นบนพื้นที่กว่าสิบไร่โดยช่างผู้เชี่ยวชาญเพียงเท่านั้น แต่ยังถูกกล่าวขานถึงความร่ำรวยของเจ้าของบ้านเพราะแม่เลี้ยงปวีณา นิมมานรดี นั้นเป็นถึงลูกสาวเพียงคนเดียวของมหาเศรษฐีคนหนึ่งของเชียงใหม่ที่มีกิจการมากมายทั้งโรงแรมห้าดาว ไร่ผลไม้ที่มีพื้นที่หลายร้อยหลายพันไร่ทั้งในภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ รวมทั้งสัมปทานป่าไม้ขนาดใหญ่อีกหลายจังหวัดในภาคเหนือ เมื่อแม่เลี้ยงปวีณาได้แต่งงานและอยู่กินกับนายพาคร นิมมานรดี ลูกชายคนโตของร้านขายผ้าไหมชื่อดังแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ ทั้งสองคนก็เลือกที่จะตั้งรกรากอยู่ที่บ้านเกิดของฝ่ายหญิงเพราะเธอเป็นลูกสาวเพียงคนเดียวที่จะต้องสืบทอดกิจการทั้งหมดของครอบครัว แต่ทว่าทั้งคู่กลับไม่มีทายาทไว้สืบทอดกิจการต่าง ๆ เนื่องจากฝ่ายหญิงเป็นหมัน จึงตกลงใจที่จะไปรับหลานชายที่เกิดจากน้องสาวของพ่อเลี้ยงพาครมาเลี้ยงดูเป็นบุตรบุญธรรมแทน

ส่วนน้องสาวของนายพาครนั้น คือ พัทธ์ธีรา นิมมานรดี ที่ได้รับกิจการร้านผ้าไหมของครอบครัวมาดูแลเพราะพี่ชายไม่ต้องการส่วนแบ่งใด ๆ ทั้งสิ้นหลังจากที่ตัดสินใจแต่งงานและย้ายไปอยู่เชียงใหม่กับครอบครัวฝ่ายภรรยา พัทธ์ธีราจึงต้องดูแลกิจการของครอบครัวเพียงลำพัง เธอได้แต่งงานกับนายวิทวัส พงศ์อุดม หนุ่มวิศวกรที่มีบริษัทรับเหมาเล็ก ๆ เป็นของตัวเอง ทั้งคู่มีชีวิตครอบครัวที่มีความสุขและมีลูกด้วยกันสองคน คนโตเป็นผู้ชาย ชื่อ วิชญ์ พงศ์อุดม ที่ต่อมาเปลี่ยนมาใช้นามสกุลของคุณตาแทนเพราะลุงที่ไม่มีลูกได้รับไปเลี้ยงดูเป็นบุตรบุญธรรมที่ถูกต้องตามกฏหมายทุกประการ วิชญ์มีน้องสาวอีกหนึ่งคน ชื่อ วิมลณัฐ พงศ์อุดม หรือน้องวิของพี่ชายที่ช่างอาภัพนักเพราะต้องมาเสียชีวิตพร้อมพ่อและแม่ในอุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อหลายปีก่อนทั้ง ๆ ที่อายุยังน้อยเหลือเกิน

เมื่อพูดคุยธุระกับหลานชายในไส้หรือลูกชายบุญธรรมตามกฏหมายเรียบร้อยแล้ว พ่อเลี้ยงพาครก็วางโทรศัพท์ไร้สายลงบนแท่นชาร์จก่อนที่จะผินหน้ามาหาแม่เลี้ยงปวีณาภรรยาคู่ทุกข์คู่ยาก

?คุณจะบอกความจริงกับตาวิชญ์จริง ๆ หรือคะ? เสียงจากแม่เลี้ยงปวีณาที่แม้อายุจะล่วงเลยเข้าเลขห้าตอนปลายแล้วก็ตาม แต่ยังดูสวยสง่าเพราะในชีวิตมีแต่ความสะดวกสบายอย่างลูกคนมีเงินทั่ว ๆ ไปที่ไม่ต้องตรากตรำทำงานหนัก และเธอก็รู้จักดูแลสุขภาพตนเองเป็นอย่างดีเนื่องจากมีกำลังทรัพย์ที่จะทำได้

?คุณคิดว่ายังไงล่ะ ช่วยผมคิดหน่อยเถอะ? พาครถอนหายใจเฮือกใหญ่เพราะไม่รู้จะแก้ปัญหานี้อย่างไรดี

?ตอนนี้ลูกกำลังมีความรัก แกกำลังมีความสุขนะคะ แล้วเราจะรีบเอาความทุกข์ไปให้แกหรือคะ คุณก็รู้ ถ้าแกรู้ความจริงแล้วล่ะก็ไม่มีทางที่แกจะอยู่เฉย ๆ หรอกค่ะ ขนาดตอนที่แกเสียพ่อแม่และหนูวิไปแกก็แทบจะตายตามไปด้วย นี่ถ้ามารู้ความจริงว่าไม่ใช่อุบัติเหตุแล้วล่ะก็ เฮ้อ..... ฉันไม่อยากจะคิดเลยว่าแกจะโกรธและเสียใจขนาดไหน ฉันไม่อยากเห็นลูกทุกข์อีกแล้วน่ะค่ะ? แม่เลี้ยงปวีณาที่ถึงแม้จะไม่ใช่ผู้ให้กำเนิดของวิชญ์แต่ก็รักชายหนุ่มปานแก้วตาดวงใจ ตั้งแต่เล็กแต่น้อยเธอไม่เคยขัดใจอะไรลูกชายบุญธรรมคนนี้เลย อะไรที่เงินตราสามารถสรรหามาได้ เธอก็รีบสรรหามาให้วิชญ์เสียทุกอย่าง

?งั้นคุณจะให้ผมปิดบังแกอย่างนั้นหรือ? พ่อเลี้ยงพาครจ้องมองหน้าภรรยาคนสวยที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมามากกว่ากว่า 30 ปีแล้ว

?ไม่ใช่คะ แต่ยังไม่อยากให้บอกในตอนนี้ เรารออีกสักพักได้ไหมคะ อย่าเพิ่งบอกแกเลยนะคะ ถือว่าฉันขอร้องน่ะคุณ ฉันอยากเห็นลูกมีความสุข อยากเห็นแกเป็นฝั่งเป็นฝาเสียที นี่ตากฤตก็บอกมาว่าผู้หญิงคนนี้น่ะลูกอยากจะแต่งงานด้วยเชียวนะคะ ถ้าแกได้แต่งงานแล้ว ดีไม่ดีพอมีลูกมีเต้า แกอาจจะเปลี่ยนใจ ไม่ไปแก้แค้นฝ่ายโน้นก็ได้ค่ะ? แม่เลี้ยงปวีณาเอ่ยพาดพิงถึงกฤตธีบอดี้การ์ดหนุ่มของลูกชายนอกไส้ที่เธอมักไหว้วานให้ช่วยเป็นหูเป็นตาแทนเธอในทุก ๆ เรื่องโดยเฉพาะเรื่องผู้หญิง จึงไม่น่าแปลกใจที่เธอจะรับรู้ความเป็นไปของลูกชายสุดสวาทอย่างไม่ตกหล่นทั้ง ๆ ที่อยู่ห่างไกลกัน

?คุณพูดอย่างกับไม่รู้จักลูกชายคุณดี ต่อให้มันรู้ไม่ว่าจะช้าหรือเร็ว ผมพนันได้เลยว่ายังไงเจ้าวิชญ์มันก็ต้องเอาคืนฝ่ายโน้นอย่างสาสมเลยทีเดียว ถ้าเป็นแค่เรื่องธุรกิจมันอาจจะยกโทษให้ได้ แต่นี่ ชีวิตของพ่อแม่และน้องสาว สามชีวิตที่มันรักเลยนะคุณ ไม่มีทางที่มันจะให้อภัยคนเลว ๆ อย่างไอ้เมธินทร์หรอก เชื่อผมเถอะ? พ่อเลี้ยงพาครที่ยังมีสีหน้าเคร่งเครียดหันออกไปมองนอกหน้าต่างอย่างคนที่กำลังใช้ความคิด เมื่อตัดสินใจได้แล้วพ่อเลี้ยงพาครจึงพูดขึ้นด้วยเสียงอันดังว่า

?เอาเป็นว่าถ้าเจ้าวิชญ์มันขึ้นมาหาเราเมื่อไร ผมก็คงต้องบอกมันเมื่อนั้น อยู่ที่ฟ้าลิขิตล่ะกัน เพราะยังไงผมก็ต้องบอกมัน เจ้าวิชญ์มีสิทธิ์ที่จะได้รับรู้ทุก ๆ เรื่องและทุก ๆ อย่างเกี่ยวกับพ่อแม่และน้องสาวของมัน และอีกอย่าง ถ้าเจ้าวิชญ์มันจะไม่ทำอะไรถึงยังไงผมก็คงไม่ยอมให้น้องสาวและหลานสาวต้องมาตายฟรี ๆ แบบนี้หรอก ไอ้เมธินทร์มันต้องชดใช้ให้พวกเรา!!!? พ่อเลี้ยงพาครกล่าวทิ้งท้ายไว้อย่างดุเดือดซึ่งผู้ที่เป็นภรรยารู้ดีว่าตัวเขาเองก็เจ็บปวดไม่น้อยไปกว่าวิชญ์ที่ต้องสูญเสียครอบครัวของน้องสาวไปอย่างไม่มีวันกลับ ทั้ง ๆ ที่ในตอนนั้นต่างก็รับรู้ว่าเป็นเพียงอุบัติเหตุเขายังใช้เวลาเป็นปีกว่าจะทำใจได้กับโศกนาฏกรรมในครั้งนั้น และเมื่อได้มารู้ความจริงเช่นนี้มีหรือที่เขาจะยอมปล่อยวางง่าย ๆ แม่เลี้ยงปวีณาได้แต่ทอดถอนใจในชะตากรรมของครอบครัวสามี เธอจึงเดินมาสวมกอดเขาจากด้านหลังเพราะอยากถ่ายทอดความรักให้เขาได้รับรู้ว่ายังมีเธออยู่เคียงข้างเสมอไม่ว่าจะในยามทุกข์หรือสุข

?แล้วลูกบอกไหมคะว่าจะขึ้นมาหาเราเมื่อไรกัน? แม่เลี้ยงปวีณาถามทำลายความเงียบขึ้นมา

?มันไม่ได้บอก ดีไม่ดีมันอาจจะลืมไปด้วยซ้ำว่าผมพูดอะไรกับมันบ้างเพราะมัวแต่ตกใจที่เราไปแซวมันเข้าว่าแอบหนีงานไปฮันนีมูนล่วงหน้าที่ภูเก็ต ฮ่า ฮ่า ฮ่า สงสัยจะหลงแม่หนูคนนี้น่าดู? พ่อเลี้ยงพาครค่อย ๆ หันตัวมาโอบกอดภรรยา

?ฉันชักอยากเห็นหน้าผู้หญิงคนนั้นแล้วซิค่ะ? แม่เลี้ยงปวีณาไม่วายอดหวงลูกชายคนเดียวไม่ได้

?นี่คุณ เลิกหวงพ่อลูกชายสุดที่รักได้แล้ว ปากก็บอกว่าอยากเลี้ยงหลาน แต่พอมันจะมีแฟนทีไร คุณก็ไม่ถูกใจสักคน?

?โอ้ย! ก็ที่ผ่านมาน่ะ แต่ละคนของตาวิชญ์ดูได้ซะที่ไหนล่ะคะ ไม่เปรี้ยวจนเข็ดฟันก็ก๋ากั่นจนเหลือรับประทาน?

?ระวังนะ เลือกนักมักได้แร่นะคุณ? พ่อเลี้ยงพาครแกล้งยั่วอารมณ์ภรรยา

?ไม่มีทางค่ะ ลูกชายฉันทั้งคน ฉันเลี้ยงมากับมือไม่มีทางไปคว้าผู้หญิงอย่างนั้นมาเป็นเมียหรอก นอกจากนั้นตากฤตก็รับรองเป็นมั่นเป็นเหมาะแล้วว่าคนนี้น่ะน่ารักนิสัยก็ดี ไม่อย่างนั้นตาวิชญ์คงไม่หลงขนาดนี้หรอก พูดไปแล้วลูกชายคุณนี่ก็น่าหยิกให้เนื้อเขียวนัก ดู๊ดู หลงแฟนจนลืมพ่อลืมแม่ ดูซิถ้าเราไม่โทรไปหานี่ก็คงยังไม่โทรมาหาเราหรอก ปกติโทรมาทุกสองสามวัน นี่เล่นหายหน้าหายตาไปเป็นอาทิตย์ ถ้าตากฤตไม่โทรมาเล่าซะก่อน ฉันคงต้องลงไปดูด้วยตาตัวเองถึงกรุงเทพฯว่าผู้หญิงคนนี้มีดีอะไรถึงมัดใจตาวิชญ์ซะอยู่หมัด?

?สรุปว่าคนนี้น่ะผ่านหรือไม่ผ่านล่ะ? พ่อเลี้ยงพาครถามหยั่งเชิง

?ยังไม่รู้ค่ะ ต้องขอดูตัวก่อน? แม่เลี้ยงปวีณาผู้ขึ้นชื่อเรื่องหวงลูกชายสุดหล่อยังคงตั้งแง่

?หึ หึ หึ ถ้ามันจะรักสักอย่าง คุณน่ะหรือจะกล้าขัดใจมัน ผมยังไม่เคยเห็นคุณขัดอะไรเจ้าวิชญ์มันได้สักครั้ง?

?ใครบอกว่าฉันไม่เคยขัดลูก ลูกต่างหากที่ไม่เคยทำอะไรขัดใจฉันเลย ได้ดั่งใจไปหมดเสียทุกอย่างเป็นอภิชาตบุตรมาเกิดจริง ๆ? แม่เลี้ยงปวีณาพูดถึงลูกชายด้วยดวงตาที่เปี่ยมไปด้วยความรักความห่วงใยจากคนที่ได้ชื่อว่าเป็นแม่ถึงแม้จะไม่ใช่แม่ผู้ให้กำเนิดก็ตาม

พ่อเลี้ยงพาครได้แต่ส่ายหัวกับกิริยาหลงลูกชายจนออกนอกหน้าของภรรยา แต่พอนึกถึงเรื่องสำคัญที่ต้องบอกกับลูกชาย ดวงตาของพ่อเลี้ยงก็แข็งกร้าวขึ้นอย่างน่ากลัว ?ไอ้เมธินทร์ มึงต้องชดใช้อย่างสมสม?

************************

?นั่นลูกจะออกไปไหนอีก นี่มันดึกแล้วนะ? นายเมธินทร์ พัฒนไพศาล เอ่ยถามลูกสาวเพียงคนเดียวที่กำลังเดินลงบันไดมาในชุดกระโปรงยาวสีแดงเพลิงที่ดูค่อนข้างวาบหวามในสายตาของผู้เป็นพ่อ ถึงแม้เขาจะเริ่มเคยชินกับสไตล์การแต่งตัวแบบชอบโชว์เนื้อหนังของผู้เป็นลูกแล้วก็ตาม

?ก็ออกไปเปิดหูเปิดตาบ้างซิค่ะ ด้าเพิ่งกลับมายังเจอเพื่อนฝูงเก่า ๆ ไม่ครบเลยนะคะป๊า? ญาดา พัฒนไพศาล เดินเข้ามากอดแขนประจบผู้เป็นพ่อซึ่งเธอรู้ดีว่าเพียงแค่นี้ป๊าของเธอก็ต้องยอมใจอ่อนและตามใจเธอแทบทุกอย่าง เพราะเธอคือลูกสาวเพียงคนเดียวที่เป็นดังแก้วตาดวงใจของเขา ยิ่งหลังจากเธอต้องเสียแม่ไปเพราะโรคมะเร็งร้ายเมื่อกว่าสิบปีที่แล้ว ผู้เป็นพ่อที่สงสารลูกสาวที่ต้องกำพร้าแม่ก็เลยตามใจลูกสาวในแทบทุกเรื่อง บวกกับต้องดูแลกิจการส่งออกผ้าไหมที่ได้เข้าหุ้นกับเพื่อนสนิทคนหนึ่งและต่อมาเขาก็ตัดสินใจซื้อกิจการส่งออกผ้าไหมแห่งนั้นมาบริหารเองเพียงคนเดียวเมื่อประมาณห้าปีที่แล้ว นายเมธินทร์เลยแทบไม่มีเวลาเอาใส่ใจดูแลลูกสาวเลย คงมีแต่เพียงน้ำเงินที่หลั่งไหลให้เธอได้จับจ่ายใช้สอยอย่างไม่เคยขาดมือ เธอจึงกลายเป็นลูกบังเกิดเกล้าไปอย่างสมบูรณ์แบบ

ญาดาผู้รักความสะดวกสบายตามประสาลูกคนมีเงินที่รู้จักแต่ผลาญสมบัติแต่ไม่รู้จักคุณค่าของเงิน เธอมีชีวิตที่สะดวกสบายไม่เคยต้องดิ้นรนไขว่คว้าอะไร เพราะถ้ามีอะไรที่มันยากเกินกว่าที่เธอจะไขว่คว้าหามาได้ เธอก็จะยอมปล่อยมันให้หลุดลอยไปอย่างง่ายดาย ไม่มีความเสียใจและเสียดาย และไม่มีสักครั้งที่เธอจะทุ่มเทใช้ความพยายามอย่างสุดความสามารถด้วยกำลังของตนเอง จึงไม่น่าแปลกใจที่เธอต้องเปลี่ยนมหาวิทยาลัยเป็นว่าเล่นในตอนที่เรียนปริญญาตรีในเมืองไทย และก็ต้องคว้าน้ำเหลวเพราะเธอไม่สามารถเรียนที่ไหนจนจบได้เลย ไม่ใช่เพราะเธอหัวไม่ดีแต่เป็นเพราะเธอไม่ตั้งใจเรียนเอาเสียเลยมัวแต่ไปเที่ยวเตร่สนุกสนานเนื่องจากเธอคิดอยู่ตลอดเวลาว่าเธอมีกิจการเป็นของตนเอง จึงไม่จำเป็นที่จะต้องศึกษาหาความรู้ใส่ตัวเพื่อนำใบปริญญาไปของานคนอื่นทำเมื่อเรียนจบ ในที่สุดเธอจึงต้องเดินทางไปหาที่เรียนใหม่ในต่างประเทศและได้ปริญญาตรีหนึ่งใบจากห้องแถวแห่งหนึ่งกลับมาอวดผู้เป็นพ่อหลังจากไปชุบตัวที่เมืองนอกอยู่นานหลายปี

?ถ้าว่างมากนัก ทำไมลูกไม่เข้าไปช่วยป๊าที่บริษัทของเราบ้างล่ะ ไปเรียนรู้งานเอาไว้ก่อน เพราะต่อไปลูกก็ต้องเข้ามาบริหารเองนะ? ผู้เป็นพ่อที่ฝากความหวังจะให้ลูกสาวคนเดียวได้เข้ามาช่วยดูแลกิจการส่งออกผ้าไหม ?ญาดาไหมไทย? ยังคงคะยั้นคะยอลูกสาวให้เข้ามาช่วยงานเพราะตั้งแต่กลับมาจากเมืองนอกเมื่อสามเดือนที่แล้ว ญาดาหรือด้าก็ยังคงตะลอนท่องเที่ยวทั้งยามกลางวันและยามราตรีอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย จนผู้เป็นพ่อเริ่มเหนื่อยใจกับพฤติกรรมที่ไม่เคยเปลี่ยนของลูกสาวสุดที่รัก

?แหมป๊าก็ เงินทองของเรามีตั้งเยอะตั้งแยะ ชาตินี้ก็ใช้ไม่หมด แล้วเราจะต้องมานั่งทำงานให้เหนื่อยทำไมล่ะค่ะ สู้เราใช้ชีวิตให้สนุกหาความสุขใส่ตัวไม่ดีกว่าเหรอคะ ป๊าน่ะทำแต่งานไม่รู้จักหาความสุขให้ตัวเองซะบ้าง นอกจากนั้นเราก็ไม่ได้เดือดร้อนเรื่องเงินทองแล้ว ป๊าก็น่าจะเพลา ๆ เรื่องงานลงบ้างก็ได้ค่ะ ตอนนี้เรารวยแล้วนะคะ ป๊าไม่ต้องเหนื่อยเหมือนตอนที่ด้าเด็ก ๆ แล้ว ป๊าพักผ่อนบ้างก็ได้ค่ะอย่าทำงานหนักจนเสียสุขภาพล่ะ ป๊าให้ด้าเที่ยวให้เต็มที่ก่อนนะคะพอเบื่อเมื่อไรด้ารับรองค่ะว่าจะเข้าไปช่วยป๊าทำงานอย่างแน่นอน ด้ายังใช้ชีวิตไม่เต็มที่เลยนะคะป๊า อุ้ย! ได้เวลานัดแล้ว ด้าไปนะคะ กู๊ดไนท์ค่ะป๊า? หญิงสาวจูบลาบิดาก่อนที่จะเดินออกไปขึ้นรถยนต์สปอร์ตคันหรูสีแดงเหมือนชุดที่เธอใส่ ซึ่งคนขับรถได้นำมาจอดรอไว้แล้วที่หน้าระเบียงบ้าน เธอเดินฮัมเพลงไปอย่างมีความสุข ไม่ได้เก็บเรื่องที่คุยกับบิดามาใส่ใจเลยสักนิด ในหัวสมองมีแต่คิดว่า ?ราตรีนี้ยังอีกยาวนาน?

ญาดาที่เอาแต่สนุกไปวัน ๆ กับชีวิตที่ไม่มีแก่นสารของเธอไม่เคยได้รับรู้ว่ากว่าผู้เป็นพ่อที่เริ่มต้นการทำงานจากการเป็นวิศวกรลูกจ้างธรรมดา ๆ คนหนึ่งในบริษัทเล็ก ๆ จะสร้างตัวได้จนมั่งคั่งขนาดนี้ต้องผ่านความเหนื่อยยากลำบากมาขนาดไหน และเธอก็ไม่เคยรู้เลยว่าผู้เป็นพ่อต้องใช้เล่ห์กลอุบายอะไรบ้างเพื่อที่จะให้ได้มาซึ่งสิ่งที่ต้องการโดยไม่คำนึงถึงศีลธรรม และความถูกต้องเพื่อให้ตัวเองและครอบครัวห่างไกลจากคำว่ายากจนให้มากที่สุด ที่สำคัญเธอไม่เคยรู้ว่ามือ ?ป๊าของเธอ? ต้องเปื้อนเลือดมามากมายเท่าไรเพื่อให้ได้มีวันนี้ วันที่ลูกสาวอย่างเธอสามารถเดินเชิดและชูคอในวงสังคมได้อย่างสวยหรู และญาดาก็ไม่เคยรู้เลยว่าเธอจะต้องตกเป็นจำเลยในการชดใช้ให้กับผู้ที่ต้องสูญเสียคนที่รักไปเพราะน้ำมือของ ?ป๊า? ชีวิตที่เคยสวยหรูของเธอกำลังจะพังพินาศเพราะกรรมที่พ่อผู้ให้กำเนิดได้ก่อเอาไว้กำลังไล่ตามเธอมาแล้ว

************************

ในผับหรูมีระดับแห่งหนึ่งของกรุงเทพมหานคร เมืองที่ไม่เคยหลับใหลแห่งหนึ่งของโลก ในค่ำคืนนี้ที่เป็นคืนวันศุกร์สุดสัปดาห์จึงมีนักท่องราตรีจำนวนมากออกมาขยับเส้นสายหาความสำราญบันเทิงให้กับชีวิต ความบันเทิงในยามค่ำคืนที่บันดาลความสุขเพียงชั่วครู่ชั่วยามให้กับผู้คนที่ยังอยู่ในวังวนของกิเลสตัณหาและราคะ ความบันเทิงที่คนส่วนหนึ่งมองว่าเป็นสีสันของช่วงหนึ่งของชีวิต สีสันที่เผ็ดร้อนจัดจ้านที่เคยทำให้ใครต่อใครหลายคนลืมไม่ลงมามากต่อมากแล้ว

วิชญ์เดินจูงมือแฟนสาวเข้ามาในผับหรูแห่งนี้โดยมีบอดี้การ์ดทั้งสองตามมาด้วย ผับหรูแห่งนี้เปิดรับเฉพาะลูกค้าที่เป็นสมาชิกเท่านั้น เพราะต้องการต้อนรับเฉพาะลูกค้ากระเป๋าหนักจริง ๆ เนื่องจากเฉพาะค่าสมาชิกรายปีก็ปาเข้าไปจำนวนห้าหลักแล้ว นี่ยังไม่รวมค่าเครื่องดื่มที่ทางร้านก็ช่างสรรหามาจากทั่วทุกมุมโลกเพื่อไว้รับรองลูกค้าที่ยอมจ่ายไม่อั้นเพื่อให้ได้ลิ้มลองพวกเครื่องดื่มราคาแพงแสนแพงที่ว่าสักครั้งหนึ่งในชีวิต

วิชญ์เป็นหนึ่งในลูกค้าวีไอพีที่ได้รับบัตรเชิญให้เข้าเป็นสมาชิกฟรีตลอดชีพ เพราะหุ้นส่วนหนึ่งในสามของผับนี้เป็นเพื่อนเล่นกับเขามาตั้งแต่เด็ก เรียกว่าเป็นเพื่อนคนแรกในชีวิตเลยก็ว่าได้ พวกเขาคบหาจนสนิทสนมกันตั้งแต่ก่อนที่วิชญ์จะย้ายไปอยู่กับครอบครัวของลุงและป้าที่เชียงใหม่ แต่เพื่อนคนนี้ก็ไม่ได้ขาดการติดต่อแม้จะอยู่ห่างไกลกัน เขายังคงคบหาและติดต่อกับวิชญ์อย่างสม่ำเสมอ วิชญ์จึงมักตอบแทนน้ำใจของเพื่อนคนนี้ด้วยการพาลูกค้าของตนเองมาใช้บริการที่นี่อยู่เป็นประจำ และหากลูกค้าติดใจในบริการก็สามารถสมัครสมาชิกได้ทันทีโดยมีเขาเป็นผู้แนะนำ

ในค่ำคืนนี้วิชญ์นัดพบกับหุ้นส่วนคนใหม่ที่จะมาร่วมลงทุนในโปรเจ็คใหม่ของเขา พีรภาส ตั้งเจริญกุล หุ้นส่วนคนนี้ที่มีที่ดินผืนใหญ่อยู่ในจังหวัดแห่งหนึ่งในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของไทย พีรภาสต้องการจะมาร่วมลงทุนสร้างรีสอร์ตร่วมกับวิชญ์หลังจากได้ยินว่า บริษัทนิมมานรดี ยักษ์ใหญ่ในวงการโรงแรมและรีสอร์ตของไทยกำลังมองหาที่ดินผืนงามในภาคตะวันออกเฉียงเหนือเพื่อสร้างรีสอร์ตแห่งใหม่ ทันทีที่ทราบข่าวเขาก็รีบติดต่อหาวิชญ์และได้เข้าไปคุยรายละเอียดเมื่อตอนกลางวันที่ผ่านมาก่อนที่จะตกลงนัดเซ็นสัญญาร่วมกันในสัปดาห์หน้า คืนนี้วิชญ์จึงชวนว่าที่หุ้นส่วนมานั่งดื่มฉลองความสำเร็จของก้าวแรก

วิชญ์พาแฟนสาวคนสวย และหุ้นส่วนคนใหม่ที่นัดเจอกันที่มุมรับรองลูกค้าที่อยู่ด้านหน้าของร้านไปยังโต๊ะนั่งที่อยู่ในมุมสุดของร้านซึ่งในมุมนี้ทางร้านได้ออกแบบยกระดับพื้นให้สูงขึ้นมา เพื่อแสดงความเป็นวีไอพีและบอกจำนวนเงินในกระเป๋าของลูกค้าไปในตัว วิชญ์เป็นหนึ่งในสมาชิกที่ได้ใช้บริการโต๊ะนี้ทุกครั้งที่มาเยือนที่นี่

?คุณพีรภาสจะดื่มอะไรดีครับ? วิชญ์ถามหุ้นส่วนคนใหม่ที่กำลังตื่นตาตื่นใจกับผับหรูแห่งนี้และคงเป็นอีกคนที่กำลังคิดว่าจะต้องสมัครเป็นสมาชิกของที่นี่ให้ได้

?ไวน์แดงดีไหมครับ? พีรภาสเสนอ

?ได้ครับ กฤตเอาไวน์แดงมาสักสองขวด บอกกับพนักงานว่าเอาเปทรัสหนึ่งขวดและโรมาเน่คอนตีอีกขวด? วิชญ์สั่งไวน์แดงราคาแพงรสเลิศอย่างไม่เสียดายเงิน เพราะถือว่าเป็นการเลี้ยงดูปูเสื่อหุ้นส่วนคนใหม่ที่ทำให้เขาไม่ต้องเสียเวลาไปตระเวนหาซื้อที่ดินสร้างรีสอร์ตด้วยตนเอง

หลังจากนั้นวิชญ์จึงหันหน้ามาพิจารณาแฟนสาวคนสวยอีกครั้ง เพราะวันนี้พิชญธิดาดูสวยมากขึ้นเป็นพิเศษในชุดราตรีสั้นโทนสีเทาดำที่ไล่เฉดสีโดยเริ่มจากสีดำเข้มมาจนถึงสีเทาอ่อนและเริ่มจากช่วงบนลงมาล่างตามความยาวของชุด ซึ่งก็ยาวประมาณเหนือหัวเข่าของพิชญธิดาที่จัดว่าเป็นสาวร่างสูงโปร่ง ด้านบนของชุดเปิดแขนโชว์ไหล่ขาวเนียนทั้งสองข้าง ส่วนทางด้านหน้าช่างตัดเสื้อได้ออกแบบให้ดูเหมือนผ้าป้ายซ้อนทับกัน มีโบว์สีเทาอ่อนคาดทับตรงช่วงเอวและปล่อยชายยาวลงมาจนถึงหัวเข่า ชุดนี้ทำให้แฟนสาวของเขาดูสวยหวานและเซ็กซี่ได้ในคราวเดียวกัน จึงไม่น่าแปลกใจที่หนุ่มใหญ่หนุ่มน้อยทั้งหลายในผับแห่งนี้จะหันมามองหญิงสาวคนเดียวของโต๊ะอยู่บ่อยครั้ง หญิงสาวแสนสวยที่ควงคู่มากับประธานกรรมการหนุ่มหล่อแห่งปีของบริษัทในเครือ นิมมานรดีที่ใคร ๆ ก็รู้จักเป็นอย่างดี

?เป็นอะไรครับ ทำไมเงียบจัง ไม่สนุกหรือครับ? วิชญ์ถามพิชญธิดาด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

?สนุกดีค่ะ เพียงแต่อัณณ์ไม่ค่อยคุ้นกับสถานที่แบบนี้ ถ้าเป็นปรัชญ์ก็ว่าไปอย่าง รายนั้นน่ะรู้จักผับทุกซอกทุกมุมในกรุงเทพฯเลยมั้งค่ะ เอ...นี่ก็เลยเวลานัดแล้วทำไมยังไม่เห็นมาสักทีก็ไม่รู้? พิชญธิดาที่ไม่ชอบสถานที่แบบนี้สักเท่าไรจึงต้องชวนเจ้าแม่ขาแด๊นซ์อย่างวรปรัชญ์มาเป็นเพื่อน ซึ่งเพื่อนซี้ก็ตกปากรับคำเป็นอย่างดีเพราะหาโอกาสที่จะเข้ามาเยี่ยมชมผับหรูแห่งนี้อยู่นานแล้ว

?ว้า! แย่จัง ตัวอยู่กับผมแต่ใจกลับคิดถึงคนอื่นอีกแล้ว? วิชญ์แกล้งเปรยออกมาเพื่อเรียกร้องความสนใจจากแฟนสาวที่คืนนี้เขาเองยังรู้สึกหวงเธอเป็นพิเศษ ไม่อยากให้ใคร ๆ หันมามอง ?คนของเขา? เลย วิชญ์เลยประกาศความเป็นเจ้าของด้วยการพาดแขนไปบนพนักพิงข้างหลังหญิงสาว พลางขยับตัวเข้าไปนั่งใกล้ ๆ โดยไม่เกรงใจสายตาของเพื่อนร่วมโต๊ะอย่างสองบอดี้การ์ดหนุ่มและหุ้นส่วนคนใหม่อย่างพีรภาสเลย ลูกน้องหนุ่มสองคนต่างมองหน้ากันแล้วแอบอมยิ้มที่ได้เห็นอาการหวงแฟนขนาดหนักของเจ้านาย ?ร้อยวันพันปีไม่เคยหวงใคร นี่ต้องเรียกว่าอาการเข้าขั้นโคม่าเลยนะนาย?

?งั้น เอาตัวออกห่างด้วยดีไหมค่ะ จะได้ครบสูตร ตัวก็ห่าง ใจก็ห่าง? พิชญธิดาแกล้งยั่วกลับคืน

?ไม่เอา! คุณอัณณ์เป็นคนบอกเองว่า ?ห้ามทิ้ง? แล้วทำไมถึงจะกลับลำซะเองล่ะครับ? ชายหนุ่มประสานสายตาพร้อมปล่อยลูกอ้อนใส่แฟนสาว แล้วจึงถือโอกาสรวบมือหญิงสาวมาไว้ในอุ้งมือของตนเองโดยไม่สนใจอาการเขินอายของพิชญธิดาแม้แต่น้อย จนกฤตธีอดหมั่นไส้ไม่ได้เลยต้องขัดจังหวะด้วยการแจ้งให้ทราบว่า

?อ๊ะ! คุณปรัชญ์มาแล้วครับ จะให้คุณปรัชญ์นั่งตรงไหนดีครับ ถึงจะคุยกับคุณอัณณ์ได้สะดวกไม่ต้องตะโกนคุยกันให้เจ็บคอ ผมว่าทางที่ดีนายน่าจะขยับออกมานะครับ คุณปรัชญ์จะได้นั่งชิดกับคุณอัณณ์แทน? พีรภาสกับธีรวีร์ต่างอมยิ้มกับคำแนะนำของกฤตธี จะมีเพียงก็แต่วิชญ์ที่ทำหน้ายักษ์ใส่คนพูดในทันทีที่ได้ยิน

?ถ้าไม่มีที่ว่างให้คุณปรัชญ์ของพวกแกนั่งแล้วล่ะก็ ฉันขอเสนอให้เขานั่งบนตักพวกแกเลยดีไหมวะ เอ...หรือว่าจะให้นั่งบนหัวเลยดีกว่าวะ? วิชญ์ตอบแบบฉุน ๆ แต่ก็ยอมขยับตัวห่างออกจากแฟนสาวที่กำลังหัวเราะขบขำ ?คนขี้งอน?

หลังจากแนะนำวรปรัชญ์ให้รู้จักกับพีรภาสเรียบร้อยแล้ว วรปรัชญที่กระดี๊กระด๊าเป็นพิเศษเพราะชอบบรรยากาศของผับหรูแห่งนี้มาก ก็รีบหันมาชวนพิชญธิดาออกไปขยับแข้งขยับขาเพราะหัวใจมันเรียกร้อง ยิ่งได้เห็นหนุ่ม ๆ หล่อ ๆ กำลังเต้นอยู่เต็มฟลอร์ ก็ยิ่งอยากจะออกไปโชว์ลีลาในทันทีที่เข้ามาถึง

?ไปนังอัณณ์ ออกไปเต้นกัน? วรปรัชญ์ที่เห็นวิชญ์มัวแต่คุยธุรกิจพันล้านกับพีรภาสอย่างออกรสออกชาติ จึงกระซิบชวนเพื่อนสาวออกไปวาดลวดลายกันสองคน ก่อนที่จะนึกขึ้นได้ว่ามีอีกสองหนุ่มที่คงอยากออกไปเต้นโชว์สาว ๆ อยู่เหมือนกัน

?คุณกฤต คุณวีร์ไปด้วยกันไหมคะ เผื่อจะได้เนื้อคู่กันในค่ำคืนนี้ ฮิ ฮิ? วรปรัชญ์เอ่ยปากชวน

?ไม่ดีกว่าครับ ขอนั่งดูเพลิน ๆ ก่อนดีกว่า พวกผมมันเครื่องติดช้า ไม่เหมือนคุณปรัชญ์จุดปุ๊บติดปั๊บ เดี๋ยวเครื่องร้อนเมื่อไรจะตามออกไปนะครับ ขอนั่งคุยงานเป็นเพื่อนนายก่อน? ธีรวีร์ถือโอกาสตอบแทนกฤตธี

?อ้าว! แล้วจะมาที่นี่กันหาสวรรค์วิมานอะไรล่ะคะ จะถ่อมาทำไมถ้าจะมานั่งคุยงานกันน่ะ คุยไปก็ไม่รู้เรื่องหรอกค่ะเพราะปากก็มัวแต่ดื่มไวน์ หูก็ต้องฟังเพลง ตาก็ยังคอยจ้องสาว ๆ อีก นี่มันเวลาสนุกนะคะ ใครไม่อยากสนุกก็เชิญเฝ้าโต๊ะต่อล่ะกัน ไปนังอัณณ์ งั้นขอตัวก่อนนะคะ? วรปรัชญ์ที่พูดด้วยเสียงอันดังและแทงใจดำหนุ่ม ๆ ทั้งสี่ก็รีบจูงมือเพื่อนสาวออกไปกลางฟลอร์ทันที เพราะเห็นสายตาทอประกายไม่ค่อยพอใจของเจ้านายเพื่อนแล้วก็คิดว่าไม่ควรจะนั่งต่อสักนาทีเพราะอาจจะโดนสวนกลับมาได้ ดีไม่ดีอาจจะไม่ยอมปล่อยแฟนสาวให้ออกมาเต้นรำเป็นเพื่อนเขาอีกด้วย

เมื่อวรปรัชญ์และพิชญธิดาเดินออกไปได้สักพัก พีรภาสก็พูดขึ้นมาว่า

?เพื่อนคุณอัณณ์นี่แสบจริง ๆ นะครับ แต่เขาก็พูดถูกล่ะ ที่นี่สำหรับคนมาเที่ยวมาหาความสำราญไม่ใช่มาคุยงาน งั้นเราพักเรื่องงานไว้ก่อนดีไหมครับคุณวิชญ์ เผื่อคุณวิชญ์อาจจะอยากออกไปเต้นรำกับคุณอัณณ์ เพราะท่าทางคุณอัณณ์จะเนื้อหอมไม่เบา ออกไปแค่แป๊บเดียวก็มีหนุ่ม ๆ มาเต้นล้อมหน้าล้อมหลังซะแล้ว? พีรภาสไม่รู้ตัวเลยว่าได้ไปสะกิดต่อมอารมณ์หึงของว่าที่หุ้นส่วนเข้าอย่างจัง จนเจ้าตัวที่ชักมีอารมณ์กรุ่น ๆ ขึ้นมาคิดว่าต้องทำอะไรสักอย่างแล้ว เพราะจริงอย่างที่พีรภาสพูดไม่มีผิดทันที่พิชญธิดาออกไปเต้นรำกับวรปรัชญ์หนุ่ม ๆ ทั้งหลายก็พยายามกระเถิบเข้ามาเต้นล้อมรอบตัวเธอ ที่แย่กว่านั้นก็คือบางคนถึงกับชวนคุยไปด้วยในขณะที่เต้นรำ ดีหน่อยที่ยังมีวรปรัชญ์คอยดูแลอยู่ จึงยังไม่มีใครเข้าถึงเนื้อถึงตัวหญิงสาวได้ แต่ถึงอย่างไรวิชญ์ก็ทนดูต่อไปไม่ได้ เขาจึงกล่าวขอตัวกับพีรภาสว่า

?ก็ดีครับ งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ เชิญคุณพีรภาสตามสบาย ขาดเหลืออะไรก็บอกกับสองคนนี้ได้ทันที ไม่ต้องเกรงใจนะครับ ผมขอตัวขอออกไปคุมแฟนก่อนนะครับ? วิชญ์ทิ้งท้ายไว้ก่อนที่จะรีบเดินออกไปกลางฟลอร์เต้นรำที่ถึงแม้จะมีพื้นที่กว้างขวางจุคนได้เกือบ ๆ สองร้อยแต่ในค่ำคืนนี้ก็ยังดูแคบไปถนัดใจเพราะมีนักท่องเที่ยวมากมายเหลือเกินที่ออกมาหาความสำเริงสำราญให้กับชีวิต พอไปถึงเขาก็รีบแทรกเข้าไปยังบริเวณที่พิชญธิดาและวรปรัชญ์เต้นรำกันอยู่ แล้วจึงจับข้อศอกแฟนสาวให้หันหน้ามาเต้นรำคู่กับเขาในทันที เมื่อชายหนุ่มที่เต้นอยู่รอบ ๆ ตัวหญิงสาวได้เห็นการประกาศศักดาแสดงความเป็นเจ้าของในตัวหญิงสาวของชายหนุ่มที่เป็นที่รู้จักเป็นอย่างดีในวงสังคมและธุรกิจโรงแรมต่างก็ค่อย ๆ ทยอยถอยออกมาทีละคนสองคนเพราะไม่อยากมีเรื่องกับหนุ่มล่ำร่างสูงที่ดวงตาจะทอประกายหวานฉ่ำเฉพาะกับสาวน้อยตรงหน้า แต่กลับดูดุดันเมื่อหันมาสบตากับคนอื่น ๆ ที่อยู่รายรอบหญิงสาว

?เหนื่อยหรือยังครับ? วิชญ์ถามพิชญธิดาโดยการกระซิบไปยังใบหูของหญิงสาว ซึ่งก็ทำให้พิชญธิดาถึงกับขนลุกซู่ทีเดียว เพราะชายหนุ่มไม่ได้พูดเพียงอย่างเดียว เขายังแกล้งเอาริมฝีปากมาชนกับใบหูของเธออีกด้วย

?เหนื่อยแล้วค่ะ? พิชญธิดาตอบ ?เรากลับไปที่โต๊ะกันดีไหมคะ? เธอพยายามช่วยตัวเองให้หลุดจากสถานการณ์ตรงหน้าอย่างยากลำบาก เพราะคืนนี้หลังจากดื่มไวน์แดงไปหลายแก้วแล้วดวงตาโตและคมเข้มของชายหนุ่มตรงหน้าก็สื่อความหวานและความหมายออกมาอย่างชัดเจน ยิ่งได้มายืนประจันหน้าในระยะประชิดกันแบบนี้ด้วยแล้ว พิชญธิดายิ่งรู้สึกว่ากำลังจะถูกรังแกได้ง่าย ๆ

?รอก่อนสิครับ ผมเพิ่งได้ออกมาเต้นเอง ขอเต้นเพลงช้าสักเพลงก่อน จะได้โอบแฟนให้ชื่นใจหน่อย? วิชญ์ยิ้มหวานโปรยเสน่ห์เหลือร้ายใส่แฟนสาวจนหัวใจของเธอชักเต้นแรงขึ้นทุกที

แต่ไม่ทันที่พิชญธิดาจะได้โต้ตอบอะไรกลับไป ก็มีเสียงฮือฮาดังขึ้นจากผู้คนโดยรอบ โดยเฉพาะเสียงจากหนุ่มใหญ่หนุ่มน้อยทั้งหลายว่า

?โอ้โห สวยชะมัด?

?สุดยอด แม่เจ้าโว้ย?

?เซ็กซี่เป็นบ้า?

?มาคนเดียวด้วยวะ แจ่ม ๆ?

ส่วนเสียงจากสาวแท้สาวเทียมทั้งหลายที่ไม่ชอบเห็นใครสวยกว่าเด่นกว่าก็พึมพำให้ได้ยินเช่นกันว่า

?ต๊าย ตาย โนบราซะด้วย?

?ใจกล้ามาก เปิดหลังจนจะเห็นก้นอยู่แล้ว?

?อ๋อ คนนี้ไง สาวนอกที่เพิ่งเรียนจบกลับมาเมื่อสองสามเดือนก่อนไง?

?ลูกสาวบริษัทญาดาไหมไทยไงล่ะ?

************************

ตอบกลับโพส

ย้อนกลับไปยัง “ก้าวแรก(สู่นักเขียนมืออาชีพ)”