ภารกิจรัก ภารกิจแค้น ตอนที่ 10 โดย....อาทิตา

ถ้าเพื่อนๆ มีเรื่องที่น่าสนใจและต้องการแบ่งปันเนื้อหา หรือร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการเป็นนักเขียนมืออาชีพ

Moderator: Gals, B.Comics, พี่บี

ตอบกลับโพส
athita
โพสต์: 41
ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ 11 เม.ย. 2009 11:15 pm

ภารกิจรัก ภารกิจแค้น ตอนที่ 10 โดย....อาทิตา

โพสต์ โดย athita »

ตอนที่ 10 ไข่มุกอันดามัน สวรรค์ของสองเรา (2)

เช้าวันรุ่งขึ้นวิชญ์โทรไปสั่งรูมเซอร์วิสของโรงแรมให้นำอาหารเช้ามาบริการถึงห้องชุดสุดหรูแห่งนี้ ถึงแม้วันนี้วิชญ์จะอนุญาตให้กฤตธีและธีรวีร์ได้พักผ่อนเต็มที่ไม่ต้องตามอารักขาเขา เพราะเห็นว่าเหนื่อยจากการขับรถทางไกลมาตั้งแต่เมื่อวานและความปลอดภัยภายในโรงแรมแห่งนี้ก็ค่อนข้างสูงแต่ทั้งสองหนุ่มก็ยังตื่นตั้งแต่เช้า เพราะรู้สึกไม่ดีถ้าจะนอนตื่นสายกว่าผู้เป็นนาย ส่วนวรปรัชญ์ที่ลุกจากเตียงมาร่วมรับประทานอาหารเช้าริมระเบียงของห้องพักแห่งนี้ด้วยทั้ง ๆ ที่ยังใส่ชุดนอนโดยอ้างว่า

?ไม่ได้อยากกินหรอกเพราะยังไม่หิว แต่ที่ยอมลุกจากเตียงนอนเพราะอยากชมวิวทะเลยามเช้านี่ต่างหาก? ซึ่งพิชญธิดาก็เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่งเพราะจากระเบียงของห้องชุดแห่งนี้ จะสามารถมองเห็นวิวท้องทะเลอันดามันได้อย่างสุดลูกหูลูกตาแทบจะเรียกได้ว่ามากกว่า 180 องศาเลยทีเดียว ภาพท้องทะเลในยามเช้าเป็นภาพที่ธรรมชาติเป็นผู้สรรค์สร้างได้อย่างงดงาม ภาพที่แม้แต่กล้องถ่ายรูปชั้นดีเลิศยังไม่สามารถจะเก็บบันทึกทุกมุมมองได้ทั้งหมด คงมีเพียงดวงตาและดวงใจของมนุษย์เท่านั้นที่สามารถบันทึกได้อย่างครบถ้วนทั้งสิ่งที่ได้เห็นและความรู้สึกที่เกิดขึ้นในขณะนั้น

เช้าวันนี้พิชญธิดาตื่นตั้งแต่เช้าเพราะอยากลุกมาเก็บภาพพระอาทิตย์ขึ้นซึ่งเป็นภาพสุดแสนคลาสสิค เพราะดูเท่าไรก็ไม่มีวันเบื่อถึงแม้จะเป็นดวงอาทิตย์ดวงเดียวกันก็ตาม แค่เพียงต่างบรรยากาศ ต่างเวลา และต่างสถานที่ ความงดงามของมันก็จะดูแตกต่างกันออกไป แปลกจริงหนอ......หากคนเราได้สนใจและให้ความสำคัญกับธรรมชาติที่อยู่รอบตัว ธรรมชาติที่สวยสดงดงามและบริสุทธิ์โดยปราศจากการปรุงแต่งใด ๆ ทั้งสิ้นเพียงแค่นี้เราก็จะสามารถสร้างความรื่นรมย์ให้กับชีวิตได้อย่างง่ายดาย ไม่ต้องไปคอยไขว่คว้าวิ่งหาเหล่าสิ่งของวัตถุนอกกายทั้งหลายที่เกิดจากกิเลสตัณหา ซึ่งไม่มีวันหมดวันสิ้นของตนเองมาเสริมปรุงแต่งให้ชีวิตมีสีสัน.....สีสันที่อยู่ได้ไม่นานก็จะจืดจางไปตามความนิยมแล้วเราก็ต้องวิ่งไขว่คว้าหาของใหม่ ๆ ที่เราคิดเอาเองว่ามันดีกว่าของเก่ามาทดแทน ซึ่งก็จะเป็นอย่างนี้อยู่ตลอดไปไม่รู้จักจบจักสิ้น.....และที่แปลกอีกอย่างก็คือ ใคร ๆ ต่างก็รู้และตระหนักในความจริงข้อนี้เป็นอย่างดี แต่จะมีสักกี่คนที่จะทำได้อย่างที่รู้ จะมีสักกี่คนที่จะสามารถดึงตัวเองออกมาจากวังวนแห่งกิเลสตัณหาแห่งนั้นได้

เพราะความที่ตื่นเช้าเพื่อมาชื่นชมธรรมชาติ พิชญธิดาจึงมีเวลานั่งละเลียดกับอาหารเช้าอย่างไม่รีบร้อน เช่นเดียวกันกับวิชญ์ที่เป็นคนตื่นเช้าเป็นประจำอยู่แล้ว ทั้งสองคนรับประทานอาหารเช้าพร้อม ๆ กับดื่มด่ำกับสิ่งสวยงามรอบตัวไปด้วย จะแตกต่างกันก็ตรงที่คนหนึ่งดื่มด่ำกับความงดงามของบรรยากาศในยามเช้า ส่วนอีกคนนั้นกลับดื่มด่ำไปกับความงามของเจ้าของหัวใจที่นั่งอยู่ตรงหน้า วิชญ์รู้สึกสดชื่นเป็นพิเศษเพราะได้นอนหลับพักผ่อนเต็มที่อีกทั้งได้ตื่นมาพบกับพิชญธิดาตั้งแต่เช้าจึงรู้สึกกระปรี้กระเปร่ามากกว่าปกติ

?คุณอัณณ์ชอบทะเลมากไหมครับ? วิชญ์เริ่มต้นบทสนทนา

?ชอบมากค่ะโดยเฉพาะทะเลสวย ๆ ที่ภูเก็ตนี่ อัณณ์มาเที่ยวจนจะครบทุกหาดแล้วล่ะค่ะ?

?ปกติมากับคุณปรัชญ์กันแค่สองคนหรือครับ? วิชญ์พยายามเก็บข้อมูล

?ค่ะ แต่เมื่อก่อนก็มากับเพื่อนที่คณะบ้าง?

?แต่อัณณ์เขาไม่ชอบมากับคนเยอะ ๆ หรอกค่ะ เขาบอกว่าคนเยอะก็เรื่องแยะ เขาว่าน่ารำคาญ? วรปรัชญ์กระโดดเข้าร่วมวงสนทนาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยพร้อมทั้งนั่งลงร่วมรับประทานอาหารเช้าด้วย กฤตธีและธีรวีร์ก็ตามมาเป็นลำดับ

?คุณปรัชญ์กับคุณอัณณ์นี่สนิทกันมานานแล้วเหรอครับ? วิชญ์ยังคงสืบถามข้อมูลต่อไป

?ค่ะ เรารู้จักกันตั้งแต่ ม.4 แล้วน่ะค่ะ แล้วก็เอ็นท์ติดคณะเดียวกันอีกเลยยิ่งสนิทกันเข้าไปใหญ่? พิชญธิดาเริ่มต้นประโยคอย่างเป็นการเป็นงานก่อนที่จะพูดต่อว่า

?แต่พออัณณ์เริ่มรู้ตัวว่าคิดผิดและคิดจะแยกตัวออกมา ปรัชญ์เขาก็ไม่ยอมท่าเดียว ทำไงได้ล่ะคะก็หลวมตัวไปคบกับเขาแล้วนี่คะ? พิชญธิดาแกล้งเหน็บเพื่อนรักเล่นตั้งแต่เช้า พลางหัวเราะอย่างสดใสที่ได้รับวงค้อนจากเพื่อนเป็นสิ่งตอบแทน

?ย่ะนังแม่น้ำ อย่างแกนี่นะที่คิดจะแยกตัวออกจากฉัน ฉันเห็นมีแต่แกนั่นแหละที่วิ่งตามฉันให้ไปช่วยกันพวกหนุ่ม ๆ ทั้งหลายที่มาตามจีบแกให้ออกไป ไหนจะวิศวะ ไหนจะถาปัด หน็อยแน่ ทำคุณบูชาโทษ โปรดสัตว์ได้บาปแท้ ๆ เชอะ? วรปรัชญ์โวยใส่อย่างไม่ลดลาวาศอกทั้ง ๆ ที่มือก็วุ่นอยู่กับการหยิบขนมปังมาทาแยมไปด้วย

วิชญ์ที่นั่งฟังอยู่อดสงสัยไม่ได้เลยถามขัดจังหวะออกไปว่า ?เมื่อกี้คุณปรัชญ์พูดว่าอะไรนะครับ แม่น้ำอะไรครับ?

?อ๋อ ชื่ออัณณ์เองน่ะค่ะ อัณณ์แปลว่าแม่น้ำน่ะค่ะ บางทีปรัชญ์เขาก็เลยเรียกอัณณ์ว่าแม่น้ำ? พิชญธิดาชิงอธิบายเพราะไม่อยากให้วรปรัชญ์ขุดที่มาของชื่อตัวเองมาเล่า แต่........

?เป็นไงค่ะคุณวิชญ์ รูปก็งามนามก็เพราะใช่ไหมล่ะค่ะ นังอัณณ์แล้วทำไมแกไม่บอกคุณวิชญ์ไปด้วยล่ะว่า ชื่อนี้น่ะพ่อแกเขาตั้งไว้ให้เพราะเขาอยากให้ลูกสาวเป็นแม่น้ำที่ไหลเย็นไปที่ไหนก็นำแต่ความเย็นชุ่มฉ่ำไปให้ที่นั่น แม่น้ำที่จะทำให้คนรอบข้างมีแต่ความสุขสดชื่นน่ะ เป็นไงคะคุณวิชญ์รู้สึกสดชื่นชุ่มฉ่ำบ้างไหมคะ ฮิ ฮิ? วรปรัชญ์โต้ตอบพิชญธิดาได้อย่างสมน้ำสมเนื้อ

?นังปาด!? พิชญธิดาตวาดพร้อมแอบหยิกต้นขาวรปรัชญ์ใต้โต๊ะ

?โอ๊ย! นังอัณณ์ ฉันเจ็บนะ หยิกเข้ามาได้ที่ขาอ่อนขาว ๆ เดี๋ยวก็ช้ำกันพอดี? วรปรัชญ์โอดครวญ

?มิน่าล่ะ ว่าทำไมผมที่เคยแห้งแล้งห่อเหี่ยวมาก่อน ถึงได้รู้สึกสดชื่นชุ่มฉ่ำตั้งแต่แรกพบกับคุณอัณณ์? วิชญ์ยิ้มพรายที่สามารถทำให้หญิงสาวเขินอายได้

?เอ่อ...คุณปรัชญ์ครับ ยังไงผมก็ยังหวังให้คุณปรัชญ์ช่วยทำหน้าที่กันหนุ่ม ๆ ที่จะเข้ามาจีบคุณอัณณ์ต่อไปน่ะครับ?

?โอ้โห คุณวิชญ์นี่ไม่เบาเลยนะคะ กล้าพูดตรง ๆ ต่อหน้าสาวเจ้าซะด้วย แล้วนังอัณณ์ของปรัชญ์จะรอดหรือเนี่ย? วรปรัชญ์หันหน้าไปหาพิชญธิดาแล้วล้อเลียนต่อว่า

?คุณพิชญธิดา บวรภัคขาสงสัยคราวนี้คงไม่รอดแล้วมั้งคะ ได้เลื่อนขั้นจากเลขาฯเป็นภรรยาเจ้านายอย่างเต็มขั้นซะทีหลังจากเกือบ ๆ ได้เป็นมาหลายปีแล้ว ฮ่า ฮ่า ฮ่า? วรปรัชญ์หัวเราะอย่างชอบอกชอบใจเช่นเดียวกับวิชญ์ที่แอบยิ้มมุมปากกับวลีเด็ดของวรปรัชญ์ ?ภรรยาเจ้านาย?

?เพี๊ยะ? เสียงฝ่ามืออรหันต์ซัดเข้าใส่แขนของวรปรัชญ์หนึ่งทีก่อนที่เจ้าของฝ่ามือจะรีบลุกและขอตัวไปเข้าห้องน้ำ วรปรัชญ์ที่ยังหัวเราะอาการสะเทิ้นอายของเพื่อนจึงหันมาหาวิชญ์แทนแล้วพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังพร้อมด้วยหน้าตาขึงขังว่า


?ปรัชญ์ช่วยก็ได้ค่ะ จะช่วยกันผู้ชายทุกคนออกไปให้หมดจากนังอัณณ์แต่ของอย่างนี้ก็ต้องแล้วแต่เจ้าตัวเขาด้วยนะคะ ทุกทีเขาจะเป็นคนสั่งปรัชญ์ให้ช่วยกันออกไปเอง แต่รายของคุณวิชญ์นี่....ปรัชญ์ยังไม่ได้รับคำสั่งอะไรเลยสักนิด สงสัยเจ้าตัวไม่ให้กันมั้งคะ แต่ก่อนที่จะให้ปรัชญ์ช่วยนะคะ คุณวิชญ์ต้องสัญญามาก่อนค่ะว่าจะไม่ทำให้นังอัณณ์มันเสียใจเด็ดขาด รับปากได้ไหมคะ? วรปรัชญ์จ้องตาวิชญ์เขม็งถึงแม้เขาจะค่อนข้างแน่ใจว่าวิชญ์ไม่ได้มองพิชญธิดาเป็นแค่เพียงของเล่นชิ้นหนึ่ง แต่เขาก็ยังอยากได้ยินคำสัญญาจากปากลูกผู้ชาย

?ผมสัญญาครับ? วิชญ์รับปากอย่างหนักแน่นและไม่ลังเลแม้แต่นิด เพียงแต่เขาไม่มีวันรู้เลยว่าตนเองนั้นจะเป็นคนที่ทำให้หญิงสาวต้องเสียใจและเสียน้ำตาในวันข้างหน้า เขาไม่รู้ว่าตัวเขาเองจะไม่สามารถทำอย่างที่รับปากไว้ได้ในวันนี้

?คุณกฤตคุณวีร์ช่วยรับทราบและเป็นพยานให้ด้วยนะคะ ส่วนคุณวิชญ์ถ้าสักวันหนึ่งคุณต้องทำให้นังอัณณ์มันเจ็บปรัชญ์ก็จะไม่ลงโทษอะไรคุณทั้งนั้น เพราะอย่างน้อยคุณก็ต้องสูญเสียผู้หญิงดี ๆ คนหนึ่งไป และปรัชญ์ก็คิดว่ายังไงซะคุณก็ต้องเจ็บไม่น้อยไปกว่ามันเช่นกัน จำคำปรัชญ์ไว้นะคะ อัณณ์เป็นผู้หญิงที่น่ารัก ดังนั้นช่วยรักและทะนุถนอมมันให้ดีที่สุดด้วย? วรปรัชญ์ฝากฝังเพื่อนรักด้วยมาดแมนไม่มีร่องรอยของความขี้เล่นหลงเหลืออยู่เลย เพราะเรื่องของพิชญธิดาเป็นเรื่องที่สำคัญสำหรับเขาเสมอ แต่เมื่อเห็นว่าทุกคนเงียบงันกันไปหมด วรปรัชญ์จึงพูดทิ้งท้ายก่อนจะกลับไปนอนต่อว่า

?แต่ถ้าปรัชญ์เป็นผู้ชายนะคะ บอกไว้เลยว่าปรัชญ์ไม่ยกนังอัณณ์ให้ใครเด็ดขาด นี่ปรัชญ์ไว้ใจคุณวิชญ์นะคะและคิดว่าคุณวิชญ์จะดูแลเพื่อนปรัชญ์ได้เป็นอย่างดีด้วย เอาล่ะ.....ปรัชญ์ก็ยอมยกเพื่อนปรัชญ์ให้คุณแล้ว ถึงเวลาที่คุณต้องยกบอดี้การ์ดคนใดคนหนึ่งให้ปรัชญ์บ้าง....แบบว่ายื่นหมูยื่นแมวกันน่ะค่ะ? วรปรัชญ์พูดเสร็จก็ลุกจากโต๊ะทันทีด้วยรอยยิ้มที่กระจายทั่วทั้งใบหน้า และไม่ลืมที่จะหันไปส่งจูบหวาน ๆ ให้กับกฤตธีและธีรวีร์ที่ทำหน้าพะอืดพะอมอยู่

?ตกลงครับ จะเลือกคนไหนก็ได้เลย? วิชญ์ตะโกนตอบพร้อมหันไปยักคิ้วให้สองหนุ่มที่ตกเป็นของกลางโดยไม่รู้ตัว

?เฮ้ย!? สองหนุ่มบอดี้การ์ดประสานเสียงขึ้นพร้อมกัน

************************

เมื่อพิชญธิดาออกมาจากห้องน้ำ วิชญ์ก็ชวนเธอให้ลงไปยังห้องประชุมด้านล่างเพื่อไปเตรียมตัวก่อนที่จะเข้าประชุม เมื่อไปถึงหน้าห้องประชุม พิชญธิดาก็เดินไปลงทะเบียนและปล่อยให้วิชญ์ยืนอยู่ตามลำพัง แต่เพียงไม่นานชายหนุ่มมาดนักธุรกิจคนหนึ่งก็เดินพุ่งเข้าไปหาวิชญ์

?หวัดดีครับคุณวิชญ์ นิมมานรดี ท่านประธานกรรมการใหญ่แห่งนิมมานรดี เป็นยังไงบ้างครับ ห้องพักสะดวกสบายดีไหมครับ พอจะเทียบชั้นกับ ณ นิมมานรดีโรงแรมเจ็ดดาวกลางกรุงของท่านได้บ้างไหมครับ? เสียงของธรนพที่กล่าวทักทายหยอกเย้าเพื่อนเก่าด้วยการใช้ถ้อยคำที่ฟังดูนอบน้อมเป็นพิเศษพร้อมยื่นมือมาเชคแฮนด์อย่างธรรมเนียมสากล

?อ้าวไอ้นพ กำลังมองหาแกอยู่พอดีเลยวะ โรงแรมแกสวยดีนี่หว่า เออ....ขอบใจแกมากเรื่องห้องพักนะ ถูกใจจริง ๆ ส่วนโรงแรมฉันสวยก็จริงแต่ไม่ได้ครึ่งของโรงแรมแกหรอกเพราะไม่มีทะเลและชายหาดขาวอย่างนี้? วิชญ์พูดพลางตบไหล่เพื่อนในก๊วนที่เคยไปเรียนเมืองนอกมาด้วยกันและก็ยังติดต่อกันเรื่อยมาเพราะต่างก็ทำธุรกิจโรงแรมเหมือนกัน เพียงแต่ไม่ค่อยจะได้พบหน้ากันสักเท่าไรเนื่องจากอยู่ห่างไกลกัน

?ไม่ต้องมายอเลย แล้วโรงแรมแกที่อยู่อีกฟากหนึ่งของเกาะน่ะ ไอ้ที่ว่าอยู่บนภูเขาแถมยังมีชายหาดส่วนตัวอีกอย่างนั้นน่ะยังไม่สวยอีกเหรอวะ?

?ก็สวยแต่ที่โรงแรมฉันมองเห็นแต่พระอาทิตย์ตกนะซิ ไม่เหมือนที่นี่ได้เห็นพระอาทิตย์ทั้งขึ้นและตก เออ....ถ้าแกจะขายหุ้นเมื่อไรก็บอกนะโว้ย ขอร่วมลงทุนด้วย ทำเลดี ๆ แบบนี้ กำไรเห็น ๆ? เมื่อไม่มีพิชญธิดาคนที่ทำให้เขาแทบลืมทุกสิ่งทุกอย่างยืนอยู่ตรงหน้าวิชญ์ก็กลับมาเป็นคนเดิม คือ หายใจเข้าออกเป็นธุรกิจอยู่ตลอดเวลา

?ด้วยความยินดีเป็นอย่างยิ่ง จะขยายกิจการเมื่อไรจะรีบบอกแกเป็นคนแรกเลย? ธรนพที่พอดีนึกเรื่องสำคัญได้จึงถามวิชญ์ออกไปว่า

?เออ....แล้วไหนวะ Your Valentine น่ะ เห็นไอ้ก้องมันบอกว่าแกลงทุนพาไปกินอาหารที่ร้านมันเลยหรือวะ คนนี้ชัวร์ล่ะซิถึงเปิดตัวอย่างเป็นทางการน่ะ?

?รู้กันเร็วจริงนะพวกแกเนี่ย? วิชญ์ยังคงอำพะนำ

?ก็แกเล่นพาไปเปิดตัวถึงร้านดังกลางกรุงเองนี่หว่า ใครบ้างวะจะไม่รู้ ยิ่งไอ้ก้องได้เห็นกับตาด้วยแล้ว ป่านนี้ไอ้พวกที่อยู่อเมริกาโน่นก็คงหรู้กันแล้วมั้ง แล้วตกลงแกพามาด้วยไหมวะ อยากเห็นวะ เห็นไอ้ก้องมันคอนเฟิร์มว่าสวย แถมบอกว่าดีไม่ดีอาจจะเป็นดาราหรือนางแบบซะด้วย? ธรนพสัพยอกพลางสอดส่ายสายตาหาหวานใจของเพื่อน ซึ่งในขณะนั้นพิชญธิดาก็กำลังเดินตรงมาที่คนทั้งคู่อยู่พอดี พิชญธิดายิ้มให้แล้วจึงยกมือไหว้ธรนพเพราะเห็นว่าเป็นเพื่อนเจ้านาย วิชญ์จึงกล่าวแนะนำตัวเธอไปว่า

?นพ นี่คุณพิชญธิดา ชื่อเล่นว่าคุณอัณณ์ เป็นเลขาฯฉันเอง?

?สวัสดีครับ ผมธรนพครับเป็นประธานกรรมการของที่นี่ ยินดีที่ได้รู้จักครับคุณอัณณ์? ธรนพทักทายพิชญธิดาเสร็จก็หันไปทางวิชญ์ทันที

?ไอ้เราก็นึกว่าเป็น Your Valentine ซะอีก แล้วคนไหนล่ะวะ Your Valentine น่ะ ตกลงพามาด้วยไหมวะ? ธรนพยังไม่ละความพยายามที่จะรู้เรื่องหวานใจของเพื่อนให้ได้และยังคงตื้อถามแม้ต่อหน้าพิชญธิดา

?ก็คนนี้แหละ แต่เขายังไม่ยอมตกลงจะเป็น My Valentine สักที มีคำแนะนำอะไรบ้างไหมวะ ไอ้คุณพ่อลูกสอง? วิชญ์ได้ทีรีบยิงปืนนัดเดียวแต่ได้นกถึงสองตัว คือ ได้ทั้งตอบคำถามเพื่อนและได้รุกคืบแม่เลขาฯหน้าแฉล้มของเขาไปในทีเดียวกัน ซึ่งตอนนี้พิชญธิดาที่เข้าใจแล้วว่าสองหนุ่มกำลังสนทนาเรื่องอะไรกันอยู่ก็ได้แต่ก้มหน้างุด เพราะไม่คิดว่าวิชญ์จะพูดตรง ๆ ต่อหน้าเพื่อนแบบนี้

?มิน่าล่ะ คราวนี้แกถึงต้องพาเลขาฯมาด้วย ร้อยวันพันปีไม่เคยเห็นพ่วงเลขาฯมาสักที เห็นก็แต่ไอ้บอดี้การ์ดสองคนนั่น? ธรนพพูดพลางแอบสำรวจพิชญธิดา ?น่ารักอย่างนี้ไงเล่า ไอ้วิชญ์มันถึงยอมลงมาจากคาน?

?เออ....แจกการ์ดเมื่อไรก็บอกด้วยล่ะ รับรองไปชัวร์ ไม่พลาดแน่ ๆ? ธรนพตบไหล่วิชญ์แล้วจึงหันไปกล่าวลากับหญิงสาวที่ยังคงหน้าแดงเรื่อ

?ผมขอตัวก่อนนะครับ ต้องไปเตรียมตัวเปิดการประชุม แล้วพบกันใหม่นะครับคุณอัณณ์ ยังไงก็ฝากไอ้วิชญ์มันด้วยนะครับ อย่าหักอกมันเลย ผมจะได้ฝากคุณอัณณ์เอามันคืนให้หนัก ๆ หน่อย เอาให้หงอไปเลยนะครับ มันยิ่งชอบล้อผมว่าเป็นพวกกลัวเมียอยู่ ถึงคราวมันบ้างผมจะรอดูว่ามันจะกลัวไหม ฮ่า ฮ่า ฮ่า เออ...วิชญ์ เดี๋ยวเจอกันในที่ประชุม ไปก่อนวะ ขอไปเช็คความเรียบร้อยหน่อย? ธรนพพูดเสร็จก็เดินจากไปทันทีทิ้งปัญหาให้พิชญธิดาและวิชญ์แก้ไขกันเอาเอง

?คุณอัณณ์ครับ ใคร ๆ ก็รู้เรื่องของเรากันหมดแล้ว ผมเสียหายแล้วนะเนี่ย ยังไงซะคุณอัณณ์ก็ต้องรับผิดชอบผมด้วยนะคร้าบ? วิชญ์ออดอ้อนหญิงสาวด้วยน้ำเสียงเว้าวอนอ่อนหวานพร้อมทำตาปรอยใส่หญิงสาวจนใบหน้าของคนถูกอ้อนนั้นเป็นสีแดงเรื่อ พิชญธิดาจึงรีบออกเดินลิ่วไปยังชุดรับแขกที่ทางโรงแรมจัดไว้ให้ลูกค้าของโรงแรมได้นั่งพักผ่อนหน้าห้องประชุมโดยมีวิชญ์เดินรั้งท้ายไปด้วยหัวใจที่พองฟู

************************

หลังเสร็จจากการประชุมที่ยาวนานมาตลอดทั้งวันแล้วพิชญธิดาและวิชญ์ต่างก็รีบกลับขึ้นห้องพัก เพราะชายหนุ่มบอกว่าอยากจะอาบน้ำให้คลายเครียดสักหน่อย เนื่องจากประเด็นที่ถกเกียงกันในวันนี้นั้นล้วนเป็นเรื่องเกี่ยวกับเศรษฐกิจที่กำลังอยู่ในสภาวะตกต่ำ ขนาดพิชญธิดาที่ทำหน้าที่เพียงจดบันทึกยังเหนื่อยเพราะจดจนมือเป็นระวิงแทบไม่ได้พักเลย แล้วเขาที่ต้องระดมความคิดขนาดนั้นจะไม่ล้าได้อย่างไร แต่พอทั้งคู่มาถึงห้องพักกลับไม่พบเพื่อนร่วมห้องทั้งสามคนเลย

?สงสัยคงลงไปเล่นน้ำทะเลกันมั้งคะ นายปรัชญ์น่ะเขาเป็นนางเงือกกลับชาติมาเกิดค่ะ เห็นทะลเป็นไม่ได้ต้องรีบลงไปแหวกว่าย? พิชญธิดาอธิบายให้วิชญ์ฟัง

?งั้นเราอาบน้ำเสร็จแล้วรีบลงตามพวกเขาไปเลยดีกว่า อิจฉาพวกเขาจังได้พักผ่อนเต็มที่ เราสิเหนื่อยกันแทบตาย?

?คุณวิชญ์อยากจะนอนพักก่อนไหมล่ะคะ เดี๋ยวอัณณ์ลงไปคนเดียวก่อนก็ได้ค่ะ? พิชญธิดาเสนอแนะด้วยความเป็นห่วง

?ไม่เอาดีกว่าครับไม่อยากนอนคนเดียว แต่ถ้าคุณอัณณ์จะนอนด้วยก็โอเคครับ? วิชญ์ทอดมองพิชญธิดาด้วยสายตา วิบวับอย่างเจ้าเล่ห์

?ทะลึ่ง!? พิชญธิดาตะคอกใส่หน้าเสร็จก็รีบเดินเข้าห้องพักไปเพราะไม่อยากทนฟังเสียงหัวเราะร่วนของวิชญ์ที่ดังก้องห้องรับแขก

************************

วิชญ์และพิชญธิดาใช้เวลาไม่นานก็ตามหากฤตธี ธีรวีร์ และวรปรัชญ์เจอ ทั้งสามคนนั้นกำลังนอนหลับตาพริ้มอยู่บนศาลาริมสระน้ำของโรงแรมที่สามารถมองเห็นวิวท้องทะเลและรับฟังเสียงคลื่นซัดสาดในยามเย็นได้อย่างสุขใจ แถมทั้งสามคนกำลังมีความสุขกับการนวดไทยที่เป็นบริการของทางโรงแรมซึ่งรวมอยูในแพ็คเกจสำหรับผู้ที่เข้าพักห้องสวีทของโรงแรม วิชญ์และพิชญธิดาจึงเดินเข้าไปหาแล้วบอกคนทั้งสามว่า

?คุณ ๆ ทั้งหลายครับ ผมขออนุญาตขัดความสุขของท่านสักประเดี๋ยว พอดีผมจะพาคุณอัณณ์ไปรับประทานอาหารข้างนอกโรงแรม มีใครสนใจจะไปด้วยกันไหมครับ? วิชญ์ยืนรอคำตอบพลางภาวนาในใจ ?ขออย่าให้มีใครตามไปด้วยเลย สาธุ?

?ตามสบายเถอะค่ะ พวกเรายังไม่หิวกันเลย แล้ววันนี้พวกเราก็ออกไปตะลอนข้างนอกกันมาทั้งวันแล้วด้วย เชิญท่านชายวิชญ์กับท่านหญิงอัณณ์โรแมนติคกันตามสบายเลยค่ะ? วรปรัชญ์เป็นตัวแทนตอบเพราะเขาได้ตกลงกับสองหนุ่มบอดี้การ์ดไว้แล้วว่าจะปล่อยให้คนทั้งคู่อยู่กันตามลำพังบ้างตามประสาคนรักกัน....ที่ยังไม่กล้าเปิดใจ

?นี่ครับนาย กุญแจรถ? กฤตธีลุกขึ้นมาส่งกุญแจรถให้กับนาย

?งั้นเราไปกันเถอะครับคุณอัณณ์ อย่าขัดศรัทธาพวกเขาเลย? วิชญ์ไม่พูดเปล่ายังยื่นมือไปกุมมือพิชญธิดาแล้วรีบเดินออกจากบริเวณสระน้ำของโรงแรมไปทันทีเพราะกลัวเจ้าพวกนั้นจะเปลี่ยนใจตามมาเป็นกอ ขอ คอ พิชญธิดาที่ไม่มีโอกาสได้โต้ตอบวรปรัชญ์สักคำเดียวจึงได้แต่เดินตามต้อย ๆ ไม่ขัดขืนเพราะรู้สึกอบอุ่นทุกครั้งที่ถูกเขาจับจูง

************************

วิชญ์ขับรถพาพิชญธิดาไปชมพระอาทิตย์ตกที่แหลมพรหมเทพ จุดชมวิวอันดับหนึ่งของภูเก็ตซึ่งอยู่ทางตอนใต้สุดของเกาะในขณะที่โรงแรมที่พักนั้นตั้งอยู่ทางตอนเหนือของเกาะ พิชญธิดาได้ถ่ายรูปแสงสุดท้ายของวันสมใจ แสงสีส้มเรืองทองของพระอาทิตย์ที่กำลังตกน้ำ ภาพที่สวยอีกภาพที่สามารถสะกดให้ผู้ชมยืนดื่มด่ำกับความงามราวกับต้องมนตร์ ภาพที่นักท่องเที่ยวแทบทุกผู้ทุกคนที่ได้มาเยือนเกาะภูเก็ตแห่งนี้มักไม่พลาดที่จะมาชื่นชมสักครั้ง ภาพของพระอาทิตย์ที่กำลังตกน้ำที่พิชญธิดาเคยคิดว่าเป็นภาพที่ดูเหงาจับใจเพราะแสงแห่งดวงตะวันกำลังจะลับลาขอบฟ้า และทิ้งความมืดมิดไว้เบื้องหลังให้ผู้คนได้รู้สึกโดดเดี่ยวและหว้าเหว่ แต่แปลกที่ในวันนี้เธอกลับไม่รู้สึกเหงาเลยสักนิด

วิชญ์อาสาถ่ายภาพให้หญิงสาวโดยมีพระอาทิตย์ที่กำลังจะตกน้ำเป็นฉากเบื้องหลัง วิชญ์ไม่ใช้แฟลชทั้งที่กำลังถ่ายภาพย้อนแสง เขาบอกกับพิชญธิดาว่าจะได้เห็นเพียงเงาของเธอในภาพนี้ หลังจากนั้นเขาก็ฉวยโอกาสถ่ายภาพคู่กับเธอโดยยื่นมือข้างที่กำลังจับกล้องอยู่ไปด้านหน้า แล้วจึงเอียงใบหน้าของเขาเข้าไปหาใบหน้าของพิขญธิดาที่กำลังหันมามองกล้องอย่างพอดิบพอดี เพียงแค่นี้เขาก็ได้รูปถ่ายใบที่สองที่เป็นรูปคู่ของเขากับเธอ รูปที่จะเป็นตัวแทนความทรงจำที่สวยงามระหว่างคนทั้งคู่ และจะเป็นรูปที่จะสามารถใช้เยียวยาบาดแผลลึกของพิชญธิดาในวันข้างหน้าได้เป็นอย่างดี

************************

หลังจากนั้นวิชญ์ก็ขับรถพาพิชญธิดาไปรับประทานอาหารในร้านที่ตั้งอยู่ริมหน้าผาของปลายหาดป่าตอง รสชาติอาหารจากพ่อครัวระดับมืออาชีพบวกกับบรรยากาศของร้านที่ตกแต่งได้สวยงามกลมกลืนไปกับธรรมชาติรอบข้าง รวมทั้งเสียงคลื่นที่ซัดเข้าหาฝั่งในยามค่ำคืนทำให้คนทั้งคู่เจริญอาหารเป็นอย่างมาก เมื่อจ่ายเงินค่าอาหารเรียบร้อยแล้ววิชญ์จึงชวนพิชญธิดาไปเดินเล่นริมหาด

?วันนี้คุณอัณณ์เหนื่อยมากไหมครับ อยากกลับไปพักหรือยัง? วิชญ์ถามด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนและทอประกายความรักเต็มเปี่ยมจนหญิงสาวต้องหลบสายตา

?ก็นิดหน่อยค่ะ อัณณ์ว่าคุณวิชญ์น่าจะเหนื่อยมากกว่า เพราะต้องออกความคิดเห็นแทบทุกเรื่องเลย แถมยังขับรถพาอัณณ์มาทานข้าวตั้งไกล? อัณณ์พูดเสร็จจึงค่อยหันไปยิ้มให้และได้พบว่ามีรอยยิ้มแสนหวานรอเธออยู่แล้ว หญิงสาวรีบหันหน้ากลับเพราะไม่อยากให้คนข้าง ๆ อ่านความรู้สึกของเธอออกจากดวงตาที่เป็นประกายสดใสไม่แพ้กัน

?ถึงเหนื่อยผมก็ยอม ได้มาเดินชมจันทร์กับคุณอัณณ์สองต่อสองแบบนี้ หายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้งเลยครับ? วิชญ์ไม่ปิดบังความรู้สึกที่มีต่อหญิงสาว ความรู้สึกที่เกิดขึ้นไม่นานแต่ไม่มีวันจะจางหายไป....เขาแน่ใจ

เมื่อแน่ใจในความรู้สึกและมั่นใจว่าหญิงสาวข้างกายก็คงคิดแบบเดียวกัน วิชญ์จึงเอื้อมมือไปดึงมือหญิงสาวมาจับไว้แล้วเดินต่อไปด้วยกัน ไม่มีอาการขัดขืน ไม่มีการดึงมือกลับ มีเพียงความอบอุ่นและสายใยรักที่ส่งต่อให้แก่กัน เมื่อเดินเล่นได้สักพัก พิชญธิดาที่ยังเดินจับมือกับวิชญ์อยู่บนชายหาดป่าตอง ชายหาดที่ได้ชื่อว่าน้ำใสน่าว่ายเล่นและมีเม็ดทรายละเอียดขาวสะอาดตา จึงไม่แปลกที่ชื่อชายหาดแห่งนี้จะติดอันดับต้น ๆ ของโลกและตราตรึงอยู่ในใจนักท่องเที่ยวทั้งหลาย หญิงสาวยังคงรู้สึกตื่นเต้นกับการเปิดใจยอมรับความสัมพันธ์ที่กำลังก้าวหน้าไปอีกขั้นของตัวเธอเองกับชายหนุ่มข้างกาย ชายหนุ่มที่เพียบพร้อมไปเสียทุกด้านจนเธอแทบไม่อยากจะเชื่อว่าเขากำลังเดินอยู่เคียงข้างเธอ....ไม่ใช่ในความฝัน พิชญธิดาที่ยังคงประหม่าจนวิชญ์รู้สึกได้ถึงมือที่ชื้นเต็มไปด้วยเหงื่อเธอเงยหน้าขึ้นพูดกับวิชญ์ว่า

?กลับโรงแรมกันเถอะค่ะ พรุ่งนี้ยังเหลือประชุมอีกหนึ่งวันนะคะ?

วิชญ์หยุดเดินพร้อมหันหน้ามาเผชิญหน้ากับหญิงสาวที่เขาแน่ใจว่าเธอได้อนุญาตให้เขาเข้าไปครอบครองพื้นที่หัวใจของเธอแล้วอย่างแน่นอน

?ตกลงคุณอัณณ์จะตอบผมได้หรือยังครับ? วิชญ์ถือโอกาสถามหญิงสาวอีกครั้ง

?ก็อัณณ์บอกแล้วนี่ค่ะว่ากลับไปกรุงเทพฯเมื่อไร อัณณ์จะบอกค่ะ? พิชญธิดาคาดไม่ผิดว่าชายหนุ่มจะต้องยกประเด็นนี้ขึ้นมาพูดอีกจนได้

?คุณอัณณ์ยังไม่มีคำตอบหรือว่ายังไม่แน่ใจครับ? วิชญ์ซักไซ้

?ไม่บอกค่ะ ไม่ต้องมาหลอกถามซะให้ยากเลย ไปค่ะ กลับกันเถอะค่ะ เดี๋ยวทุกคนจะเป็นห่วงนะคะ? พิชญธิดาออกเดินพร้อมออกแรงจูงมือวิชญ์ให้เดินตามกลับไปยังรถที่จอดอยู่หน้าร้านอาหาร ขณะที่ชายหนุ่มกำลังแอบปลื้มกับการถูกจูงอยู่นั้นหญิงสาวก็แอบถอนใจเบา ๆ

?เฮ้อ คุณวิชญ์นะคุณวิชญ์ แค่นี้ยังไม่รู้อีก เด็กมันยังรู้เลย?

************************

เมื่อคนทั้งคู่กลับมาถึงโรงแรมที่พักซึ่งเวลาก็ล่วงเข้าไปเกือบห้าทุ่มแล้ว วิชญ์ที่ยังคงจูงมือหญิงสาวอยู่ตลอดเวลาไม่ยอมปล่อยแม้กระทั่งตอนขับรถตลอดระยะทางเกือบ 30 กิโลเมตรเพื่อกลับมายังที่พัก ทั้งคู่เดินผ่านล็อบบี้ของโรงแรมที่ยังมีแขกเดินเข้าออกแม้เวลาจะดึกดื่นค่อนคืนแล้วก็ตามเพราะช่วงนี้ยังคงเป็นช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวของเกาะภูเก็ต จึงยังคงมีแขกพลุกพล่านเพราะต่างก็เพิ่งกลับมาจากการไปรับประทานอาหารตามร้านอาหารที่อยู่ตามชายหาด หรือไปเดินเล่นชมแสงสียามค่ำคืนของเกาะสวรรค์แห่งนี้ ชายหนุ่มหญิงสาวที่เดินจูงมือกันอย่างคู่รักทั่ว ๆ ไปไม่รู้ตัวเลยว่าได้ตกเป็นเป้าสายตาของพนักงานโรงแรมที่ต้องเข้าเวรกะกลางคืน ใคร ๆ ต่างก็มองว่าทั้งคู่ดูเป็นคู่รักที่เหมาะสมกัน ฝ่ายชายดูรักและเอาใจใส่ฝ่ายหญิงเป็นอย่างดี จูงมือไม่ยอมปล่อยส่วนสายตานั้นก็ไม่ต้องพูดถึงเพียรส่งสายตาหวานเชื่อมให้ฝ่ายหญิงอยู่ตลอดเวลา ?หวานซะ? ใครที่เห็นต่างก็อมยิ้มตาม ๆ กัน

เมื่อลิฟต์ได้พาทั้งคู่มาถึงห้องชุดสุดหรูที่อยู่ชั้นบนสุดของโรงแรมแห่งนี้ วิชญ์ที่พยายามเดินอ้อยอิ่งเพราะยังไม่อยากปล่อยมือจากพิชญธิดา คนทั้งคู่ไม่ได้พูดอะไรออกมาเลยนับตั้งแต่ขึ้นลิฟต์มาด้วยกัน ต่างก็ปล่อยให้นิ้วมือทั้งสิบที่สัมผัสกันอยู่นั้นได้พูดแทนวาจา ให้สัมผัสนั้นได้ถ่ายทอดความรู้สึกที่มีให้กันแทนคำพูดนับร้อยนับพัน เพราะต่างก็เชื่อว่าเพียงหนึ่งสัมผัสก็สื่อถึงกันได้อย่างลึกซึ้ง

เมื่อมาถึงประตูหน้าห้องพัก วิชญ์ก็หันหน้าเข้าหาพิชญธิดาแล้วพูดว่า

?กู๊ดไนท์นะครับ? พร้อมหอมแก้มนวลของหญิงสาวแล้วจึงสูดดมความหอมเข้าไปฟอดใหญ่ เมื่อเห็นพิชญธิดาที่ยังตกตะลึงกับการถูกจู่โจมแบบประชิดตัวและยืนนิ่งไม่ได้โวยวายอะไร วิชญ์จึงฉวยโอกาสนาทีทองจุมพิตหน้าผากมนอีกครั้ง แล้วพูดว่า

?อันนี้สำหรับหลับฝันดี ฝันถึงผมคนเดียวนะครับ?

พิชญธิดาที่เริ่มรู้สึกตัวเพราะใบหน้าที่เริ่มเปลี่ยนสี กำลังจะอ้าปากต่อว่าที่โดนรังแก จึงโดนคนมือไวขโมยจูบที่ริมฝีปากไปอีกหนึ่งทีดัง ?จุ๊บ? ก่อนจะรีบพูดว่า

?ส่วนอันนี้สำหรับมอร์นิ่งคิสครับ ขอจูบก่อนเพราะถ้ารอถึงพรุ่งนี้คงอดจูบแน่ ๆ? เมื่อชายหนุ่มหันไปเห็นดวงตาวิบวับที่พร้อมจะเอาเรื่องของหญิงสาว วิชญ์ผู้รอบจัดจึงรีบออกปากว่า

?ถ้าคุณอัณณ์โกรธ จะเอาคืนก็ได้นะครับ เอานี่ หอมเลย จูบเลย ตามสบาย กี่ครั้งก็ได้ครับ? วิชญ์รีบยื่นแก้มเข้าไปหาหญิงสาวซึ่งก็รีบใช้มือยันหน้าอกเขาออกมาแทบจะทันที พิชญธิดารีบก้าวไปกดออดหน้าประตูห้องเพราะยิ่งอยู่ก็ยิ่งเป็นฝ่ายเสียเปรียบ

?จะรีบไปฟ้องคุณปรัชญ์หรือครับ กล้าเล่าหรือเปล่าเอ่ย ถ้าไม่กล้าเดี๋ยวผมเล่าเอง? เจ้านายหนุ่มยังคงกระเซ้าเย้าแหย่จึงไม่ทันระวังตัว เมื่อพิชญธิดาหันหน้ามาและชกเข้าที่ท้องไปอย่างแรงหนึ่งที วิชญ์ซึ่งเป็นคนที่ออกกำลังกายอยู่เป็นประจำและมักบริหารหน้าท้องแทบทุกวันแรงหมัดเพียงแค่นี้ของหญิงสาวจึงถือว่าจิ๊บจ้อยมากสำหรับเขา แต่ก็ยังไม่วายแกล้งโอดครวญเรียกคะแนนสงสาร

?โอ้ย....จุกนะครับคุณอัณณ์?

?สมน้ำหน้า? พิชญธิดาหันกลับมาต่อว่าอีกครั้งก่อนที่จะรีบเดินเข้าห้องไปเมื่อธีรวีร์เปิดประตูให้

?ไม่เป็นไร ยังไงก็คุ้ม? วิชญ์ตะโกนไล่หลังพร้อมเดินก้าวตาม ปล่อยให้ธีรวีร์ยืนงงกับอาการแปลกประหลาดของคนทั้งคู่จึงได้แต่เกาหัวแกรก ๆ พร้อมพึมพำเบา ๆ ว่า

?มาแปลกแฮะ แต่ก็แปลกไปในทางที่ดีล่ะวะ เพราะนายเล่นยิ้มซะปากจะถึงหูอยู่แล้ว?

***********************

ตอบกลับโพส

ย้อนกลับไปยัง “ก้าวแรก(สู่นักเขียนมืออาชีพ)”