ภารกิจรัก ภารกิจแค้น ตอนที่ 9 โดย....อาทิตา

ถ้าเพื่อนๆ มีเรื่องที่น่าสนใจและต้องการแบ่งปันเนื้อหา หรือร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการเป็นนักเขียนมืออาชีพ

Moderator: Gals, B.Comics, พี่บี

ตอบกลับโพส
athita
โพสต์: 41
ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ 11 เม.ย. 2009 11:15 pm

ภารกิจรัก ภารกิจแค้น ตอนที่ 9 โดย....อาทิตา

โพสต์ โดย athita »

ตอนที่ 9 ไข่มุกอันดามัน สวรรค์ของสองเรา (1)


เช้าวันนี้พิชญธิดาต้องแปลกใจเพราะมีราชรถมารับไปทำงานถึงหน้าบ้าน วิชญ์ ในชุดสูทหล่อเหลายืนยิ้มหวานอย่างใจเย็นรอหญิงสาวที่ทำให้เขานอนไม่หลับและต้องรีบตื่นมาเห็นหน้าตั้งแต่เช้าตรู่อยู่ข้างรถสปอร์ตคู่ใจสีเงิน

?อรุณสวัสดิ์ครับคุณอัณณ์? วิชญ์กล่าวทักทายยามเช้าด้วยใบหน้าที่เบิกบานเป็นพิเศษ

?เอ่อ....สวัสดีค่ะ บังเอิญหรือตั้งใจคะเนี่ย? พิชญธิดาแขวะใส่ทันทีโดยไม่ให้วิชญ์ได้ทันตั้งตัว

?ระดับนี้ไม่มีบังเอิญแล้วครับ......ตั้งใจล้วน ๆ 100 เปอร์เซ็นต์เลยก็ว่าได้? คำตอบของชายหนุ่มทำเอาหญิงสาวที่จะเล่นงานฝ่านตรงข้ามแต่กลับโดนเล่นงานซะเองถึงกับอายหน้าแดงเรื่อ เมื่อวิชญ์พูดเสร็จก็เปิดประตูรถให้หญิงสาวขึ้นนั่งพร้อมรัดเข็มขัดให้เสร็จสรรพจนพิชญธิดาที่หน้าแดงอยู่แล้วยิ่งแดงเข้าไปใหญ่เพราะไม่คุ้นเคยกับความใกล้ชิดกับชายหนุ่มคนไหน ๆ ระดับถึงเนื้อถึงตัวแบบนี้มาก่อน จะมีก็แต่วรปรัชญ์เพื่อนสนิทที่ไม่เคยคิดอะไรเกินเลยกับเธอ อาจจะไม่เคยคิดด้วยซ้ำว่าเธอเป็นเพศตรงข้าม

?แล้วบอดี้การ์ดไปไหนหมดล่ะคะ ปล่อยให้เจ้านายฉายเดี่ยวได้ยังไง? พิชญธิดารีบเปลี่ยนประเด็นให้พ้นตัว

?ก็เป็นคำสั่งนี่ครับ....ผมสั่งว่าไม่เอา.....กอ...ขอ...คอ...ครับ ให้พวกเขาไปรอที่ทำงานได้เลย? วิชญ์หันมายักคิ้วให้หญิงสาวที่แก้มกำลังแดงเหมือนมะเขือเทศสุกปลั่ง

?ต่อไปนี้ทุก ๆ วันผมจะมารับและมาส่งนะครับ อนุญาตไหมครับคุณอัณณ์? วิชญ์ออกรถอย่างนิ่มนวลและขับด้วยความเร็วไม่มากนักเพราะไม่อยากให้ถึงที่ทำงานเร็วนัก อยากอยู่กันสองคนแบบนี้นาน ๆ

?ไม่ถามช้าไปเหรอคะ? หญิงสาวหันไปค้อนใส่

?ว้า....รู้งี้ไม่ถามซะก็ดี มัดมือชกเลยดีกว่า เป็นอันว่าอนุญาตนะครับ? วิชญ์แกล้งพูดหยอกเย้าหญิงสาวที่ทำให้เขารู้สึกใจเต้นแรงทุกครั้งที่ได้ใกล้ชิด หญิงสาวที่ไม่วิ่งเข้าใส่หนุ่มหล่อพ่อรวยอย่างเขา เธอกลับถอยห่างซะด้วยซ้ำทั้ง ๆ ที่รู้ว่าเขาคิดอะไรกับเธอ

?ตกลงคุณอัณณ์พร้อมจะให้คำตอบผมหรือยังครับ? วิชญ์หันหน้ามาถามขณะที่รถกำลังจอดติดไฟแดง เขาเริ่มรุกเธออีกแล้วทั้ง ๆ ที่ตั้งใจไว้ว่าจะให้เวลากับเธอ แต่พอได้อยู่ใกล้ทีไรก็อยากจะครอบครองหัวใจเธอให้ได้เร็วที่สุดทุกที

หญิงสาวรู้ดีว่าเขาหมายถึงเรื่องอะไร เรื่องที่เธอยังไม่พร้อมที่จะตอบแม้ว่าหัวใจจะเริ่มเอนเอียงไปทางเขาบ้างแล้ว ไม่มากไม่น้อยก็แค่ 85 เปอร์เซ็นต์เองน่ะ ที่เหลืออีก 5 เปอร์เซ็นต์เผื่อว่าเขายังมีคนอื่นซ่อนอยู่ อีก 5 เปอร์เซ็นต์เผื่อว่าเขาไม่รักจริงหวังแต่ง และอีก 5 เปอร์เซ็นต์สำหรับความไม่เหมาะสม.....ก็เป็นเจ้านายกับเลขาฯนี่นา

?เอ่อ.....ไว้กลับจากภูเก็ตก่อนแล้วอัณณ์ค่อยบอกได้ไหมคะ คุณวิชญ์อย่าเร่งอัณณ์นักเลยนะคะ บอกตรง ๆ ว่าอัณณ์.....อัณณ์ไม่อยากผิดหวังน่ะค่ะ?

?ผิดหวัง! ผิดหวังเรื่องอะไรครับ? วิชญ์พูดเสียงดังจนแทบจะเป็นตะโกนทำเอาพิชญธิดาตกใจจนสะดุ้ง

?ผมว่าเรามาพูดกันให้เคลียร์ไปเลยดีกว่าครับ จะได้เข้าใจตรงกันทุกประเด็น? วิชญ์ใช้นิสัยผู้บริหารที่มักจะตัดสินใจอะไรอย่างรวดเร็ว พอพูดเสร็จปุ๊ปก็เปิดสัญญาณไฟเลี้ยวเพื่อจะนำรถเข้าไปในปั๊มน้ำมันข้างหน้าทันที เมื่อเลี้ยวเข้าไปในปั๊มน้ำมันแล้ว เขาก็จอดรถตรงหน้ามินิมาร์ทของปั๊มก่อนที่จะหันหน้ามาพูดกับพิชญธิดาอย่างเป็นเรื่องเป็นราวตามประสาคนหนุ่มเลือดร้อน

วิชญ์หันมามองหน้าพิชญธิดาแล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า ?ผมขอยืนยันนะครับว่าผมชอบคุณอัณณ์จริง ๆ อย่างที่เคยบอกไปแล้ว และตอนนี้ผมก็ไม่ได้คบกับใครทั้งนั้น ไม่มีใครเลยจริง ๆ คุณอัณณ์เชื่อใจผมได้ว่าผมไม่มีใครแอบซ่อนเอาไว้ ผมพูดคำไหนคำนั้นอยู่แล้ว สบายใจหรือยังครับ เอาล่ะ....คราวนี้ผมอยากจะทราบว่าปัญหาของคุณอัณณ์คืออะไรครับ บอกผมได้ไหม? วิชญ์ที่รุกหนักคาดคั้นจนพิชญธิดาถึงกับออกอาการหงอเลยทีเดียว

?คือ อัณณ์....อัณณ์ไม่แน่ใจว่าเราจะไปด้วยกันได้ไหม เราเพิ่งรู้จักกันไม่นานเองนะคะ?

วิชญ์ถอนหายใจก่อนจะพูดว่า ?ถ้าเราไม่ลองคบกันแล้วเราจะรู้ได้ไงล่ะครับว่าเราจะไปด้วยกันได้ไหม ถ้าคุณอัณณ์คิดว่าเรื่องเวลาจะเป็นตัวแปรที่สำคัญผมก็จนใจ และคงปล่อยให้คุณอัณณ์ใช้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ความจริงใจที่ผมมีต่อคุณอัณณ์ สำหรับผมแล้วเวลาเป็นเรื่องสำคัญเช่นกันครับ แต่ผมมองต่างจากคุณอัณณ์เพราะผมเคยรับรู้ว่ามันมีค่ามากแค่ไหนเมื่อต้องสูญเสียคนที่เรารัก คนที่ต้องจากเราไปก่อนเวลาอันสมควร หากย้อนเวลาได้ผมคงไม่ไปเรียนเมืองนอก ไม่ย้ายไปอยู่กับคุณลุงคุณป้า ผมคงจะใช้เวลาอยู่กับคุณพ่อคุณแม่และน้องสาวให้มากที่สุดหากรู้ว่าพวกเขาจะจากผมไปอย่างไม่มีวันกลับแบบนี้? วิชญ์พูดด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อยในตอนท้าย

พิชญธิดาสังเกตเห็นว่าดวงตาของเขาหมองเศร้าลงทันทีที่พูดถึงคนในครอบครัวที่จากไป แต่จะให้เธอเอ่ยปากบอกไปอย่างไรว่าเธอรู้สึกดีที่ได้อยู่ใกล้ชิดเขา เพราะนี่เป็นความรักครั้งแรกของเธอก็ว่าได้ เธอจึงไม่อยากผลีผลาม ไม่อยากให้อารมณ์วูบวาบเป็นตัวตัดสินความรู้สึกทั้งหมด เธออยากที่จะแน่ใจว่าพร้อมที่จะเผชิญกับทุกอย่างที่จะตามมา ไม่ว่าสิ่งนั้นจะเป็นอะไรก็ตาม

พิชญธิดาเป็นเพียงหญิงสาวอีกคนหนึ่งในจำนวนผู้หญิงนับร้อยนับพันที่มีอยู่เต็มโลกใบนี้ ผู้หญิงที่มักจะมองหาเหตุผลต่าง ๆ ก่อนที่จะรักใครสักคน มองหาเหตุผลที่จะทำให้ตัวเองมั่นใจในรัก แต่เมื่อได้รักแล้วไม่ว่าเขาคนนั้นจะเป็นอย่างไรเหตุผลเหล่านั้นก็ไม่มีความหมายอีกต่อไป ก็เพราะรักเพียงคำเดียวเท่านั้น พิชญธิดาก็คงไม่แตกต่างจากหญิงสาวทั่ว ๆ ไป หากได้รักแล้วคงยากที่จะลืมเลือน แม้ว่าในที่สุดจะต้องเจ็บแทบขาดใจก็ตาม

?คือ อัณณ์ว่าเราไม่ใช่เด็ก ๆ แล้วน่ะค่ะ เราน่าจะศึกษากันไปก่อน ก่อนที่....? พิชญธิดาพูดยังไม่ทันจบประโยค วิชญ์ก็แทรกทะลุกลางป้องขึ้นมาด้วยอารมณ์ที่ชักจะกรุ่น ๆ ว่า

?ก็ไอ้การศึกษาดูใจกันนั่นแหละครับ คือ เราต้องคบกัน คบแบบแฟนน่ะครับไม่ใช่เพื่อน เพราะเพื่อนไม่มีความรู้สึกที่ห่วงหา อยากดูแล อยากปกป้องคนที่เรารัก เพื่อนที่ดีหรือเพื่อนแท้มีอยู่ก็จริงแต่มันคนละความรู้สึกแบบที่เรามีต่อแฟนต่อคนรักน่ะครับ และผมก็เห็นด้วยที่คุณอัณณ์บอกว่าเราไม่ใช่เด็ก ๆ กันแล้ว ยิ่งเราไม่ใช่เด็ก ๆ น่ะสิครับ เราถึงสามารถคบกันแบบแฟนได้อย่างเปิดเผย เพราะเรามีวุฒิภาวะเพียงพอที่จะตัดสินใจได้แล้วว่าอันไหนคือรักแท้และอันไหนคืออารมณ์เปลี่ยวเหงาที่เกิดขึ้นแค่ประเดี๋ยวประด๋าวเท่านั้น? วิชญ์อธิบายอย่างยืดยาวโดยจ้องใบหน้าขาวรูปไข่อยู่ตลอดเวลา เขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าตัวเองจะมีความอดทนเพียงพอมาพูดเรื่องแบบนี้กับหญิงสาวสักคนได้ ที่ผ่านมาเขาใช้แต่อารมณ์ทางกายเป็นตัวอธิบายซึ่งมันไม่เยิ่นเย้อ และก็ได้ผลดีซะด้วย อาจเป็นเพราะที่ผ่านมาเขาไม่เคยแคร์ความรู้สึกผู้หญิงคนไหนมาก่อนจนกระทั่งได้พบกับพิชญธิดา วิชญ์เข้าใจดีว่าหญิงสาวตรงหน้าคงกลัวกับประสบการณ์ครั้งใหม่ในชีวิต ความรักในรูปแบบที่เธอไม่เคยเจอไม่เคยสัมผัส ความรักที่ไม่ใช่มาจากผู้ให้กำเนิดหรือจากเพื่อนสนิทอย่างไอ้หนุ่มสถานฑูตนั่น เพราะเท่าที่เขาสืบดูประวัติของเธอแล้วเธอยังไม่เคยมีแฟนสักคนเดียว......ถ้าไม่นับไอ้คนที่ชื่อต้นที่เคยเดินจูงมือและหอมแก้มกันตอน ป. 1 นั่นน่ะ

?คุณอัณณ์เข้าใจที่ผมพูดไหมครับ ผมไม่ได้อยากเร่งรัด แต่ผมอยากให้คุณอัณณ์ให้โอกาสทั้งตัวผมเองและตัวคุณอัณณ์เองได้เรียนรู้ซึ่งกันและกันให้มากกว่านี้ เราไม่รู้อนาคตนะครับ เราไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น จากประสบการณ์ชีวิตมันสอนให้ผมรู้ว่าอย่ารอให้เวลาผ่านไปโดยเปล่าประโยชน์เพราะเวลามันหวนหลับมาไม่ได้เหมือนกับสายน้ำ อย่าคิดว่าเรายังมีเวลา อย่าคิดว่ายังมีวันพรุ่งนี้รอเราอยู่ อย่าคิดว่ายังมีอนาคตเหลืออยู่อีกยาวไกล อย่าคิดว่าจะทำนู่นทำนี่เพราะเราอาจจะไม่มีโอกาสได้ทำมันก็ได้ เราต้องอยู่กับวันนี้สิครับ ทำให้วันนี้ของเรามีความสุขที่สุด อย่างน้อยเราก็จะมีกำลังใจที่จะตื่นขึ้นมาอีกในวันพรุ่งนี้หากว่าเรายังมีลมหายใจอยู่ หรือไม่ก็เราก็จะตายอย่างมีความสุขเพราะเราได้ใช้เวลากับคนที่เรารัก หรือกับสิ่งที่เรารักอย่างคุ้มค่าที่สุดแล้ว คุณอัณณ์เข้าใจที่ผมพูดไหมครับ? วิชญ์ยังคงจ้องใบหน้าหวานล้ำอย่างเขม็ง

พิชญธิดาที่กำลังฟังอย่างตั้งใจและคิดตามทุกคำพูดของเจ้านายหนุ่ม คำพูดที่มันกระแทกใจเธออย่างจัง คำพูดที่ทำให้เธอคิดถึงพ่อบังเกิดเกล้าที่ล่วงลับไปแล้ว ใช่.....ใครๆ ก็มักพูด ?ถ้าหากเรามีเวลานะ เราจะทำอย่างนั้น จะทำอย่างนี้? แต่กว่าจะรู้ตัวก็มักจะพบว่าเวลาหวนกลับมาอีกไม่ได้ และช่วงเวลานั้นก็ได้จากเราไป หากพิชญธิดาสามารถคาดเดาเหตุการณ์ที่จะเกิดในอนาคตได้ เธอคงไม่ยอมเสียเวลาแม้สักนาทีเดียวที่จะปฏิเสธหัวใจเธอเอง ปฏิเสธคำขอเป็นแฟนจากคนตรงหน้า คนที่ค่อย ๆ คืบคลานเข้าครอบครองหัวใจทั้งสี่ห้องของเธอจนเกือบจะเต็มอยู่แล้ว แต่จะมีใครเล่าที่จะล่วงรู้อนาคตและชะตาของตัวเอง

?อัณณ์เห็นด้วยกับคุณวิชญ์นะคะ? ทันทีที่ได้ยินวิชญ์ที่หน้าตาเคร่งเครียดอยู่ก็ยิ้มออกมาได้ ?เฮ้อ...ในที่สุดก็กล่อมสำเร็จ?

?แต่อัณณ์ก็ขอยืนยันคำพูดเดิมนะคะ กลับมาจากภูเก็ตเมื่อไร อัณณ์จะให้คำตอบคุณวิชญ์ค่ะ? วิชญ์หุบยิ้มแทบไม่ทัน ?อะไรวะ เป็นอย่างนี้ได้ไง พูดแทบตายนี่แม่เจ้าประคุณยังไม่เข้าใจอีกหรือเนี่ย ดีนะที่ไอ้เจ้าสองตัวนั่นไม่อยู่ ไม่งั้นมันคงขำเราแทบตายที่ต้องตกม้าตายตั้งแต่ยังไม่ได้ออกวิ่งเลย?

?โธ่ คุณอัณณ์น่ะ แล้วบอกว่าเห็นด้วยกับผม นี่มันเห็นด้วยตรงไหนครับ? วิชญ์ทำเสียงอ่อนเสียงหวานพร้อมทำตาเชื่อมใส่เผื่อหญิงสาวจะยอมเปลี่ยนใจ

พิชญธิดารีบเบือนหน้าออกไปทางหน้าต่างทำทีว่าไม่สนใจคำออดอ้อนใด ๆ ทั้งสิ้นแล้วจึงแอบยิ้มคนเดียว เธอมีคำตอบอยู่ในใจเรียบร้อยแล้ว ไม่ว่าจะตอบวันนี้หรืออีกห้าวันข้างหน้ามันก็ไม่แตกต่างกัน เพียงแต่จะให้ยอมเชื่อฟังเขาง่าย ๆ นั้น.....ไม่มีทาง ?เรื่องอะไรเราจะยอมเสียฟอร์ม จะให้ตอบตกลงทันทีไปได้ไง ต้องเล่นตัวบ้างสิ? ขณะที่พิชญธิดากำลังกระหยิ่มยิ้มย่องอยู่นั้น ๆ วิชญ์ก็รำพันออกมาพอให้ได้ยินว่า

?คุณอัณณ์อ่ะ ใจร้าย?

************************

ในเย็นวันเดียวกันนั้นวิชญ์ก็เริ่มปฏิบัติการรุกฆาตโดยมาส่งพิชญธิดาที่บ้านหลังเลิกงาน แต่คราวนี้มีบอดี้การ์ดทั้งสองพ่วงมาด้วยเพราะทั้งสามคนจะต้องไปงานเลี้ยงกันต่อ อันที่จริงเขาก็อยากจะพาแม่เลขาฯหวานใจไปงานเลี้ยงด้วยกันแต่ติดอยู่ที่พรุ่งนี้ต้องออกเดินทางไปภูเก็ตตั้งแต่เช้า เขาจึงอยากให้เธอได้พักผ่อนอย่างเต็มที่หลังจากถูกเขาลากพาไปเที่ยวตะลอน ๆ มาสองวันเต็ม ๆ แล้ว แถมวันนี้เขายังพาเธอไปนั่งรับประทานอาหารมื้อเที่ยงตามลำพังด้วยกันอีก ?ดูซิ จะใจแข็งได้สักกี่น้ำ?

?เจอกันพรุ่งนี้นะครับคุณอัณณ์ ผมคงมารับสักเจ็ดโมงเช้า แล้วเราค่อยแวะไปทานมื้อเช้าด้วยกัน? วิชญ์บอกพร้อมส่งยิ้มหวานให้ว่าที่หวานใจผู้ที่ยังไม่ยอมใจอ่อนตกปากรับคำเป็นคนรู้ใจกับเขาสักที

?ค่ะ ขอบคุณนะคะที่มาส่ง อัณณ์ไปล่ะค่ะ บ้ายบายค่ะคุณกฤตคุณวีร์ เจอกันพรุ่งนี้นะคะ?

?ไม่ต้องขอบคุณหรอกครับ ไม่มาส่งแฟนแล้วจะให้ไปส่งใครล่ะครับ? วิชญ์พูดแบบลอยหน้าลอยตาโดยไม่คิดจะอายลูกน้องคนสนิทแม้แต่น้อยซึ่งเจ้าสองหนุ่มบอดี้การ์ดก็ช่างรู้งานดี เพราะไม่มีเสียงแซวหลุดรอดออกมาให้หญิงสาวได้เก้อเขินไปมากกว่านี้ มีเพียงพิชญธิดาที่เผลอตวาดออกมา

?คุณวิชญ์อ่ะ!? หญิงสาวถลึงตาใส่ก่อนที่จะรีบเดินเข้าบ้านไป

************************

วิชญ์และบอดี้การ์ดแวะมารับพิชญธิดาตั้งแต่เช้าเพราะอยากเดินทางไปถึงภูเก็ตก่อนค่ำ ตลอดการเดินทางในช่วงแรกนั้นวิชญ์ไม่ได้ชวนหญิงสาวพูดคุยสัพเพเหระอะไรเลย เพราะเขามัวแต่อ่านเอกสารเกี่ยวกับการประชุมที่จะจัดขึ้นในวันพรุ่งนี้ ?การประชุมของสมาคมผู้ประกอบการโรงแรมในแถบชายฝั่งอันดามัน? เอกสารในมือนั้นเป็นเอกสารที่เขาควรจะอ่านเสร็จตั้งแต่เมื่อสองวันก่อนหากไม่มัวไปทำคะแนนอยู่กับพิชญธิดาถึงสองวันเต็ม ๆ ภายในรถจึงเงียบกริบเพราะวิชญ์ได้บอกกับทุกคนว่าขอใช้สมาธิในการอ่านเนื่องจากมีหลายประเด็นที่เขาสนใจ และคิดว่าจะต้องแสดงความคิดเห็นในที่ประชุมทั้งในฐานะที่เป็นหุ้นส่วนครึ่งหนึ่งของโรงแรมระดับเจ็ดดาวทั้งที่กระบี่และภูเก็ต รวมทั้งในฐานะที่เป็นหนึ่งในคณะกรรมการของสมาคม

พิชญธิดาที่นั่งทอดอารมณ์ไปกับเสียงเพลงจากเครื่องเล่นเอ็มพีสามพร้อมชื่นชมธรรมชาติข้างทางที่นาน ๆ ครั้งจะได้ออกจากเมืองหลวงมาสัมผัส โดยปกติเธอและวรปรัชญ์ที่ชื่นชอบการท่องเที่ยวเหมือนกันทั้งคู่นั้นมักจะเดินทางโดยเครื่องบินเสียเป็นส่วนใหญ่เพื่อประหยัดเวลาในการเดินทางจึงมักที่จะพลาดชมทัศนียภาพของสองข้างทาง ในวันนี้หญิงสาวใส่เสื้อแขนกุดลายดอกไม้กระจุ๋มกระจิ๋มกับกางเกงผ้าลินินสีขาวขายาวดูสะอาดตาแถมด้วยแว่นตาทรงโตที่กำลังเป็นที่นิยม เธอดูสวยสง่าและปราดเปรียวได้ในคราวเดียวกัน พิชญธิดาที่เริ่มรู้สึกเมื่อยล้าจากการนั่งรถเป็นเวลานาน จึงพยายามขยับตัวอย่างเบาที่สุดเพราะไม่อยากรบกวนสมาธิของคนนั่งข้าง ๆ โดยไม่รู้ตัวว่าทุกอิริยาบทของเธอนั้นไม่มีทางรอดสายตาของเขาไปได้ วิชญ์จึงวางเอกสารในมือลงแล้วพูดกับธีรวีร์ที่รับหน้าที่ขับรถในช่วงแรกว่า

?วีร์ เดี๋ยวแวะปั๊มด้วยนะ คุณอัณณ์จะได้ลงไปพักยืดแข้งยืดขา พวกแกก็จะได้พักดื่มกาแฟกันบ้าง แกขับรถทำเวลาได้ดีแบบนี้ เราคงไม่ต้องรีบมากแล้ว เพราะยังไงก็คงไปถึงภูเก็ตก่อนหนึ่งทุ่มแน่นอน? วิชญ์สั่งลูกน้อง

?ครับนาย? ธีรวีร์รับคำ เขาเองก็อยากจะพักบ้างเหมือนกัน จะได้สลับให้กฤตธีมาขับรถแทน

พิชญธิดาที่มัวแต่เพลิดเพลินไปกับเสียงเพลงซึ่งส่วนใหญ่มักจะเป็นแนวแดนซ์กระจายที่กำลังเป็นที่นิยมในหมู่วัยรุ่นในปัจจุบันซึ่งล้วนได้รับการอนุมัติว่า ?ผ่าน? จากวรปรัชญ์ผู้ช่ำชองทางด้านดนตรีและมักออกสำรวจคะแนนความนิยมของแต่ละเพลงตามสถานบันเทิงต่าง ๆ ในยามค่ำคืนอยู่เป็นประจำ จึงไม่ได้รับรู้ว่ากำลังตกเป็นหัวข้อสนทนาของหนุ่ม ๆ แต่เมื่อเห็นว่ารถกำลังจะเลี้ยวเข้าปั๊มน้ำมันข้างหน้าเธอก็รู้สึกดีใจอย่างออกนอกหน้า เพราะกำลังอยากจะเข้าห้องน้ำเต็มทีแล้ว ?เอ....เขารู้กันได้ยังไงนะว่าเรากำลังปวดฉิ้งฉ่องอยู่พอดี? พิชญธิดาจึงถอดหูฟังแล้วม้วนสายพันเข้ากับตัวเครื่องก่อนที่จะเก็บลงกระเป๋าสะพาย เมื่อเงยหน้าขึ้นจึงได้พบว่าเจ้านายหนุ่มกำลังยิ้มแฉ่งส่งมาให้

?เมื่อยไหมครับ? วิชญ์ถามอย่างห่วงใย

?นิดหน่อยค่ะ คุณวิชญ์ล่ะคะไม่ปวดตาปวดหัวบ้างหรือคะ อ่านเอกสารซะเยอะขนาดนั้น ถ้าเป็นอัณณ์ ป่านนี้คงได้อ้วกไปหลายรอบแล้ว? หญิงสาวตอบ

?ผมชินแล้วน่ะครับ เดี๋ยวเราจะแวะปั๊มน้ำมันกันสัก 15 นาทีนะครับ ให้เจ้าสองคนนี่ได้พักดื่มน้ำดื่มกาแฟสักหน่อย? วิชญ์อธิบาย

?ดีเลยคะ อัณณ์ก็กำลังอยากจะเข้าห้องน้ำอยู่พอดีเชียว? หญิงสาวยิ้มหวานมาให้ซึ่งก็ทำเอาเจ้านายหนุ่มถึงกับตาพร่ามัวไปเลยทีเดียว ?ยิ้มยังหวานขนาดนี้ แล้วปากจะหวานขนาดไหนหนอ?

************************

เมื่อออกเดินทางอีกครั้ง วิชญ์ซึ่งอ่านเอกสารทุกอย่างครบถ้วนเรียบร้อยดีแล้ว ก็เริ่มชวนหญิงสาวหนึ่งเดียวในรถพูดคุยตามที่ใจอยากจะทำมาตั้งแต่เริ่มออกเดินทางเสียด้วยซ้ำ

?พรุ่งนี้ เราจะเริ่มประชุมกันประมาณเก้าโมงตรงนะครับคุณอัณณ์?

?ค่ะ เอ่อ....คุณวิชญ์คะ แล้วอัณณ์ต้องทำอะไรบ้างคะ อัณณ์ต้องจดข้อสรุปในแต่ละหัวข้อหรือจดเฉพาะประเด็นที่คุณวิชญ์ร่วมอภิปรายเท่านั้น? พิชญธิดาซึ่งยังไม่แน่ใจว่าจะต้องทำอะไรบ้าง รีบถามเจ้านายก่อนเพื่อป้องกันการผิดพลาด เธอรู้ดีว่าในที่ประชุมระดับนี้จะต้องมีเลขาฯผู้ทำหน้าที่จดบันทึกการประชุมอยู่แล้วเลยไม่แน่ใจว่าเขาจะให้เธอจะเข้าไปด้วยทำไม เพราะเอกสารที่ต้องใช้นั้นก็เตรียมมาให้เจ้านายอย่างครบถ้วนและเขาก็ได้อ่านครบถ้วนเรียบร้อยหมดแล้ว เธอจึงไม่แน่ใจว่าจะเหลืออะไรให้เธอต้องทำในที่ประชุมอีก

?ก็ไม่มีอะไรมากหรอกครับ คุณอัณณ์ก็แค่......แค่เข้าไปนั่งให้กำลังใจผมก็พอ? วิชญ์ตอบอย่างยียวนพร้อมยักคิ้วหลิ่วตาให้คู่สนทนาไม่หลงเหลือมาดผู้บริหารระดับสูงเลยสักนิด

?คุณวิชญ์!? พิชญธิดาตวาดพร้อมฟาดฝ่ามือลงมาบนแขนข้างซ้ายของเขาดังเพี๊ยะ หญิงสาวลืมตัวไปว่าไม่ได้มีแค่เธอกับเขาเท่านั้นในรถยนต์คันนี้ บอดี้การ์ดหนุ่มทั้งสองที่แม้จะไม่เห็นเหตุการณ์แต่ก็มีส่วนร่วมเพราะอยู่ในเหตุการณ์นั้นด้วยต่างก็ตกใจไม่แพ้กันในความสนิทสนมแบบถึงเนื้อถึงตัวของเจ้านายหนุ่มกับเลขาฯที่พ่วงตำแหน่งหวานใจด้วย ?โอ้โห ไหนบอกว่ายังไม่ได้เป็นแฟนกัน นี่ขนาดยังไม่ใช่นะ คุณอัณณ์ยังเล่นนายซะขนาดนี้ ถ้าเป็นแฟนเต็มตัว นายจะเหลือหรือวะ แต่ก็ดี ต้องโดนของจริงแบบนี้ซะบ้าง? ธีรวีร์คิดในใจ ส่วนกฤตธีที่ไม่สามารถละสายตาจากกระจกหน้ารถได้เพราะกำลังควบคุมยานพาหนะอยู่แต่ก็ได้ยินเสียงฝ่ามืออรหันต์ของพิชญธิดาอย่างชัดเจนก็เลยแอบคิดในใจว่า ?คุณอัณณ์นี่โหดไม่ใช่เล่นแฮะ ปากว่ามือถึงของแท้?

ในขณะเดียวกันชายหนุ่มผู้โดนประทุษร้ายก็แกล้งโอดครวญพร้อมลูบแขนตัวเองราวกับเจ็บเสียเต็มประดา วิชญ์จ้องหน้าพิชญธิดาที่เพิ่งรู้สึกตัวว่าได้ทำอะไรลงไปแต่ไม่ทันที่หญิงสาวจะได้เอื้อนเอ่ยวาจาอะไรออกมา เขาก็รีบพูดขึ้นว่า

?ผมล้อเล่นน่ะครับ คุณอัณณ์ก็แค่ช่วยจดประเด็นที่ผมสนใจร่วมอภิปรายกับเขาก็พอ แล้วก็รวบรวมความคิดเห็นของคนอื่น ๆ ในประเด็นเดียวกันนั้นให้ด้วย ผมขี้เกียจรอบันทึกการประชุมของทางสมาคมเพราะกว่าจะมาถึงผมก็อาจจะร่วมๆ เดือน มันช้าไปน่ะครับ? วิชญ์พูดไปยิ้มไปเพราะยังขำหญิงสาวไม่หายที่เผลอลืมตัวขนาดนี้

?อัณณ์ขอโทษนะคะ อัณณ์ไม่ได้ตั้งใจ? เธอรีบยกมือขึ้นไหว้ขอโทษชายหนุ่มที่ไม่ได้ถือโกรธเธอเลย เขากลับดีใจซะด้วยซ้ำที่พิชญธิดาลืมตัวแบบนี้ ?ก็มันเหมือนแฟนกันจริง ๆ เลยนี่นา?

?โอ้โห นี่ขนาดไม่ได้ตั้งใจนะเนี่ย? วิชญ์ยังคงไม่เลิกแซวทำเอาธีรวีร์และกฤตธีต้องแอบเอี้ยวคอมาดูหน้านายที่ยังคงอารมณ์ดีตามประสาคนที่กำลังอินเลิฟแล้วก็หันไปสบตากัน ?เอ.....หรือว่ามือคุณอัณณ์ยังหนักไม่พอวะ?

************************

กว่าที่ทั้งหมดจะเดินทางมาถึงโรงแรมที่เป็นทั้งสถานที่ในการจัดการประชุมในวันพรุ่งนี้และวันมะรืนนี้ และยังเป็นที่พักตลอดสี่คืนห้าวันของพวกเขาด้วยก็ปาเข้าไปเกือบสี่ทุ่มครึ่งแล้ว ถึงแม้จะเดินทางเข้ามาในภูเก็ตตั้งแต่ก่อนหนึ่งทุ่ม แต่เพราะวิชญ์อยากจะพาพิชญธิดาไปรับประทานอาหารพื้นเมืองขึ้นชื่อของที่นี่ เช่น น้ำพริกกุ้งเสียบ ไก่แป๊ะซะ ผัดกะเปกกุ้งสด (ผัดหน่อไม้น้ำกุ้งสด) ปลาทรายทอดกรอบ หมูคั่วเกลือ รวมทั้งเหล่าอาหารทะเลสด ๆ ทั้งหลายเป็นต้น ซึ่งร้านอาหารที่ว่าก็อยู่ในตัวเมืองซึ่งห่างจากโรงแรมหรูแห่งนี้ไปค่อนข้างมาก รวมทั้งการไม่คุ้นเคยเส้นทางในยามกลางคืนของกฤตธีที่เกือบจะพาหลงไปออกจังหวัดพังงาแทน ดังนั้นกว่าจะเดินทางเข้ามาถึงที่พักก็ทำเอาทุกคนอ่อนล้าจนแทบจะหมดแรง

เมื่อทั้งคณะเดินมาเช็คอินที่แผนกต้อนรับของโรงแรม ระหว่างที่ยืนรอกุญแจห้องอยู่นั้นก็มีเสียงทักทายดังขึ้นมาจากด้านหลังของพิชญธิดา เสียงที่ทำให้ทั้งวิชญ์ กฤตธี และธีรวีร์ถึงกับออกอาการขนลุกเพราะคุณเธอเล่นบีบเสียงซะแหลมขนาดนางอิจฉาในละครทีวียังต้องชิดซ้าย

?นังอัณณ์ แกไปอยู่ไหนมา รู้ไหมฉันมานั่งรอแกตั้งนานสองนานแล้วนะ ดีนะที่รถของโรงแรมไปรับแขกฝรั่งที่สนามบินพอดี ฉันเลยขอติดรถมาด้วย ไม่อย่างนั้นคงได้นอนตากยุงอยู่สนามบินแน่ ๆ ไหนแกบอกจะแวะรับฉันที่สนามบินไงล่ะนังอัณณ์? เสียงของวรปรัชญ์ร้องทักขึ้นพร้อมแสดงสีหน้าสีตาที่สามารถจะแผดเผาพิชญธิดาให้เป็นจุณได้ในพริบตา

?ปรัชญ์! ตายจริงฉันลืมเสียสนิทว่าแกจะนั่งเครื่องตามมา โทษทีจ๊ะ พอดีคุณวิชญ์พาไปทานข้าวในเมืองมาน่ะ ฉันเลยลืมเรื่องแกซะสนิท? พิชญธิดารีบขอโทษขอโพยวรปรัชญ์ที่อุตส่าห์ลางานตามเธอมา อันที่จริงเธอก็ไม่ได้ร้องขอให้เพื่อนต้องตามมาเพียงแค่เธอเอ่ยปากบอกว่าต้องไปประชุมกับเจ้านายที่ภูเก็ตเท่านั้น เพื่อนซี้ก็โทรจองตั๋วเครื่องบินแทบจะทันทีโดยบอกเหตุผลว่า ?แกจะไปนอนยังไงกับผู้ชายตั้งสามคน น่าเกลียดตายเลย ฉันยอมลางานสักสามสี่วันไปเป็นเพื่อนแกเอง ฉันอดเป็นห่วงแกไม่ได้น่ะ?

เมื่อเห็นวรปรัชญ์ยังทำท่างอนเธออยู่ พิชญธิดาจึงง้อตามแบบฉบับเพื่อนซึ้ที่ไม่เคยโกรธกันข้ามวันข้ามคืนไปว่า

?แต่ก็ดีแล้วที่แกมาถึงโรงแรมอย่างปลอดภัย ไม่ต้องนอนตากยุงอยู่ที่สนามบิน ไม่งั้นทางสนามบินเขาคงวุ่นวายกันพิลึกเพราะคืนนี้คงมีใครสักคนโดนแกลักหลับแหง ๆ ฮ่า ฮ่า ฮ่า? พิชญธิดาหัวเราะอย่างชอบใจ ซึ่งก็มีลูกคู่อย่างสามหนุ่มข้างหลังช่วยประสานเสียงให้ด้วยแต่ก็ไม่กล้าหัวเราะเสียงดังกันมากนัก เพราะกลัวจะถูกคนที่กำลังโกรธหน้าดำหน้าแดงตรงหน้าจะลักหลับแทน

?นังอัณณ์! หน็อยไม่ได้สำนึกผิดเลยนะแก ฉันอุตส่าห์ลางานตามแกมา งั้นพรุ่งนี้ฉันจะบินกลับกรุงเทพฯเลยดีกว่า เชอะรู้งี้ไม่ตามมาก็ดีหรอก ฉันน่าจะปล่อยให้แกโดน.....? พิชญธิดาตะครุบปากวรปรัชญ์ทันเวลาก่อนที่พ่อเจ้าประคุณจะพ่นลาวาร้อนแรงออกมาเผาเธอให้ได้อับอาย ?ไม่น่าไปหลุดปากเล่าเรื่องคุณวิชญ์ให้มันฟังเลย ยิ่งปากไม่มีหูรูดอยู่ด้วย? พิชญธิดาจึงรีบหันไปบอกผู้เป็นนายที่ยังยืนยิ้มขำกับการปะทะคารมของคนทั้งคู่อยู่

?คุณวิชญ์คะ อัณณ์ลืมบอกไปน่ะค่ะว่าปรัชญ์เขาจะตามมาด้วย คุณวิชญ์คงไม่ว่าอะไรนะคะ? พิชญธิดาที่ลืมแจ้งเรื่องนี้ให้วิชญ์ทราบเสียสนิทเพราะจิตใจไม่ค่อยอยู่กับเนื้อกับตัวตั้งแต่ได้รับเจ้าดอกกุหลาบสีแดงช่อโตในวันแห่งความรักนั่นแล้ว

?ยินดีครับ ดีซะอีกเจ้ากฤตกับเจ้าวีร์จะได้มีเพื่อนคุยเวลาที่เราไปประชุมกัน? วิชญ์กล่าวอย่างอารมณ์ดีเพราะเขาแน่ใจแล้วว่าวรปรัชญ์ไม่ใช่ศัตรูคู่แข่งของเขาอย่างแน่นอน ส่วนกฤตธีและธีรวีร์ที่โดนโบ้ยของแสลงให้อย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัวถึงกับออกอาการกลืนไม่เข้าคายไม่ออก ?ถอยดีกว่า ไม่อาวดีกว่า?

************************

เมื่อขึ้นมาถึงห้องชุดสุดหรูซึ่งวิชญ์ได้แจ้งกับทางเจ้าของโรงแรม ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทคนหนึ่งของเขาว่าขอห้องสวีทแบบสามห้องนอน เขาไม่อยากได้ห้องพักแบบแยกห้องเพราะอยากจะใกล้ชิดแม่เลขาฯคนสวยเพื่อที่จะได้ทำคะแนนให้ใจอ่อนรับรักเขาไว ๆ

วรปรัชญ์และพิชญธิดาที่เดินนำหน้าเข้าห้องสวีทมาก่อนตามนโยบาย ?เลดี้เฟิร์ส? ถึงกับอ้าปากค้างในความสวยงามของทั้งเฟอร์นิเจอร์และการออกแบบห้องรับแขกที่สามารถชมวิวทะเลได้สุดลูกหูลูกตา ขนาดยามค่ำคืนยังสวยงามขนาดนี้แล้วในยามกลางวันจะงดงามขนาดไหน พิชญธิดาได้ทีเห็นอาการอ้าปากค้างของเพื่อนชายที่อยากเป็นสาวจึงหันไปแซววรปรัชญ์ว่า

?ตกลงแกยังจะกลับกรุงเทพฯพรุ่งนี้อีกไหมย่ะ?

?กลับให้โง่น่ะซิ ใครจะคิดฝันว่าจะได้มานอนในห้องชุดสุดหรูระดับไฮคลาสแบบนี้ โอ้ย! เป็นบุญของฉันจริง ๆ พรุ่งนี้ฉันจะลงไปนอนอาบแดดให้ผิวเป็นสีแทนไปเลย? วรปรัชญ์แสดงอาการปลากระดี่ได้น้ำจนน่าหมั่นไส้

?นี่ ยังไงก็รู้จักเกรงใจเจ้านายฉันบ้างนะแก? พิชญธิดากระซิบกระซาบบอกวรปรัชญ์

?อ้าว....เป็นแค่เจ้านายหรือแก ฉันนึกว่าคุณวิชญ์เขาได้เลื่อนขั้นเรียบร้อยโรงเรียนพิชญธิดาแล้วซะอีก? วรปรัชญ์สวนกลับโดยไม่ยอมเบาเสียงแม้แต่น้อย พิชญธิดาจึงบิดเนื้อเข้าให้ที่สีข้างพร้อมถลึงตาใส่เจ้าเพื่อนซี้ตัวดี

?สรุปว่าคืนนี้เราจะไม่นอนกันใช่ไหมครับ? วิชญ์ที่เริ่มออกอาการง่วงนอนเพราะเข้านอนดึกมาตลอดสองวันที่ผ่านมาบวกกับวันนี้ที่ต้องนั่งรถเดินทางไกลเกือบ ๆ หนึ่งพันกิโลเมตรเข้าไปอีกอดไม่ได้ที่จะถามขัดจังหวะคนทั้งสองขึ้นมา หากมัวรอให้คู่เพื่อนซี้หยุดต่อปากต่อคำกัน เขาคงจะไม่ได้เข้านอนง่าย ๆ อันที่จริงง่วงนอนน่ะไม่เท่าไรหรอก แต่วิชญ์ต้องการจะช่วยห้ามทัพมากกว่าเพราะเขาเห็นอาการพลาดท่าเสียทีของพิชญธิดาแล้ว คิดว่าอย่างไรซะคงแพ้วรปรัชญ์อย่างหมดรูปแน่ ๆ ?คนรักกัน ยังไงก็ต้องช่วยเหลือกัน?

?นอนค่ะนอน ต้องนอนซิคะ ถ้านอนดึกเดี๋ยวตาโหลเป็นหมีแพนด้าล่ะก็ หมดสวยกันพอดี? วรปรัชญ์ที่เลิกอาการเก๊กแมนตั้งแต่รู้ว่าวิชญ์กำลังจีบเพื่อนสาวพูดจีบปากจีบคอ เขาพอจะดูออกว่าทั้งสามหนุ่มตรงหน้าเป็นชายแท้แต่ก็ไม่ได้แสดงอาการรังเกียจรังงอนเพศที่สามอย่างเขาสักนิด เขาเลยกล้าที่จะเปิดเผยตัวเองมากขึ้น ?ช่วยไม่ได้นะคะ อยากมารักนังอัณณ์เอง รักเพื่อนฉันก็ต้องรักฉันที่เป็นแบบนี้ด้วยประมาณว่า Love me love my dog ว้าย! งั้นเราก็กลายเป็นหมาน่ะซิ?

?ปรัชญ์แกนอนกับฉันน่ะ? พิชญธิดาหันไปบอกวรปรัชญ์เพราะเกรงใจเจ้านายที่กำลังอ้าปากหาวหวอด ๆ แสดงอาการง่วงนอนเต็มแก่

?จะดีเหรอแก แกเป็นผู้หญิงน่ะ ฉันว่า....ฉันไปนอนกับคุณกฤตคุณวีร์ดีกว่า? วรปรัชญ์แกล้งหยอกสองหนุ่มบอดี้การ์ดเพื่อเพิ่มความสนิทสนมคุ้นเคยไปในตัว พลางทำท่าเดินเยื้องกรายเข้าไปหาทั้งสองหนุ่มอย่างกับนางแมวยั่วสวาท

?เฮ้ย!...ไม่ดีแน่นอนครับ ผมนอนกับไอ้วีร์ก็อึดอัดจะแย่แล้ว เอาอย่างนี้แล้วกัน.....เดี๋ยวคุณปรัชญ์นอนกับไอ้วีร์ ส่วนผมจะออกมานอนห้องรับแขกบนโซฟาตัวนี้เอง? กฤตธีรีบชิงเอาตัวรอดทิ้งให้ธีรวีร์เผชิญชะตากรรมตามลำพัง

?อะไรวะ! ไอ้กฤต แกไม่ต้องมาเสียสละเลย ฉันออกมานอนข้างนอกเอง แกนั่นแหละนอนเป็นเพื่อนคุณปรัชญ์เขา แกรู้จักเขาก่อนฉัน เพราะฉะนั้นน่าจะสนิทกันมากกว่า? ธีรวีร์ที่รักตัวกลัวตายเหมือนกันก็รีบหาทางรอดให้ตัวเองเช่นกัน

?แหม! ไม่ต้องแย่งชิงโซฟากันขนาดนี้หรอกค่ะ ปรัชญ์นอนกับนังอัณณ์ก็ได้ แต่......เฉพาะคืนนี้นะคะ ส่วนพรุ่งนี้เราค่อยมาโอน้อยออกกันว่าใครจะได้นอนกับใคร ฮิ ฮิ อยากให้ถึงพรุ่งนี้เร็ว ๆ จังค่ะ? วรปรัชญ์ยังคงสนุกกับการเย้าสองหนุ่มหล่อบอดี้การ์ดซึ่งทั้งสองกำลังขนหัวลุกเมื่อได้ยินประโยคข้างท้ายของวรปรัชญ์

?เอ...ว่าแต่คุณวิชญ์ไม่ว่าอะไรน่ะค่ะที่ปรัชญ์จะนอนห้องเดียวกับนังอัณณ์ของคุณวิชญ์ ปรัชญ์ขออนุญาตเลยนะคะ? วรปรัชญ์ได้ทีรีบทิ้งระเบิดให้พิชญธิดาที่มัวยืนขำอาการของกฤตธีและธีรวีร์อยู่

?นังปาด! เงียบไปเลยแก แล้วก็ไปนอนเดี๋ยวนี้เลย ไปเลยไป? พิชญธิดาทำตาขุ่นเขียวใส่พร้อมทั้งผลักทั้งดันให้วรปรัชญ์รีบเข้าห้องนอนไป

?แหม! ไม่ต้องทำมาไล่ฉันเลยนังอัณณ์ แกจะอยู่จู๋จี๋กับคุณวิชญ์สองต่อสองล่ะซิ โน่น...ดูซะก่อนคุณกฤตคุณวีร์ก็ยังยืนอยู่ แกยังมีกอขอคออีกเพียบ ฮิ ฮิ? เมื่อได้ยินดังนั้นทั้งกฤตธีและธีรวีร์ต่างก็รีบผลุบหายเข้าห้องพักไปในทันทีอย่างรู้หน้าที่ ที่จริงก็รอโอกาสจะหนีวรปรัชญ์อยู่เหมือนกัน จึงทิ้งให้วิชญ์ยืนหัวเราะถูกใจกับการช่วยเชียร์ของวรปรัชญ์อยู่คนเดียว ?ไม่เลว คุณวรปรัชญ์นี่น่าคบกว่าที่คิดแฮะ? แต่อีกคนที่รีบวิ่งหายเข้าห้องไปกลับเป็นคนที่เขาอยากจะบอกกู๊ดไนท์ซะนี่ ?ว้า! อดขโมยหอมแก้มเลย?

?อ้าว นังอัณณ์รีบวิ่งเข้าห้องไปแล้ว งั้นกู๊ดไนท์นะคะคุณวิชญ์ เอ๊ะ....แล้วจะฝากกู๊ดไนท์คิสและมอร์นิ่งคิสนังอัณณ์ด้วยไหมคะ ปรัชญ์ยินดีรับฝากนะคะ ไม่คิดค่าบริการค่ะ? วรปรัชญ์แกล้งยื่นหน้าเข้าหาชายหนุ่มที่ดูไม่ทุกข์ไม่ร้อนกับการยั่วยวนของคนตรงหน้า

?เอ.....หรือผมจะเปลี่ยนใจให้คุณปรัชญ์ออกไปนอนนอกห้องดีไหมครับ เอาแถวระเบียงทางเดินเป็นไงครับ? วิชญ์ตอกกลับด้วยมาดนิ่งตามสไตล์ ซึ่งก็ได้ผลชะงัก วรปรัชญ์จึงหันมายิ้มแหย ๆ พร้อมส่ายหัวปฏิเสธ แล้วจึงโบกมือบ้ายบายก่อนที่จะเข้าห้องตามพิชญธิดาไป ทิ้งให้นักธุรกิจหนุ่มที่อดบอกราตรีสวัสดิ์หวานใจยืนยิ้มอยู่คนเดียวตามลำพังกลางห้องรับแขกหรูขนาดใหญ่

?ไม่เป็นไร ยังไงก็ยังเหลืออีกตั้งสามคืน? วิชญ์พูดคนเดียวก่อนที่จะเดินเข้าห้องพักของตัวเองไป

************************

ตอบกลับโพส

ย้อนกลับไปยัง “ก้าวแรก(สู่นักเขียนมืออาชีพ)”