ภารกิจรัก ภารกิจแค้น ตอนที่ 8 โดย....อาทิตา

ถ้าเพื่อนๆ มีเรื่องที่น่าสนใจและต้องการแบ่งปันเนื้อหา หรือร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการเป็นนักเขียนมืออาชีพ

Moderator: Gals, B.Comics, พี่บี

ตอบกลับโพส
athita
โพสต์: 41
ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ 11 เม.ย. 2009 11:15 pm

ภารกิจรัก ภารกิจแค้น ตอนที่ 8 โดย....อาทิตา

โพสต์ โดย athita »

ตอนที่ 8 ภารกิจรัก (My Valentine)

ในค่ำคืนที่ไร้เงาของพระจันทร์หมู่ดวงดาวนับร้อยพันจึงได้ออกมาให้ผู้คนที่ยังไม่ยอมนอนหลับใหลได้ยลโฉมเต็มท้องนภา พิชญธิดาก็เป็นหนึ่งในผู้ชมของค่ำคืนนี้ ค่ำคืนที่เงียบแต่ไม่เหงาใจเลย

พิชญธิดานั่งเล่นอยู่บนชิงช้าตัวโปรดใน ?สวนน้อยลอยฟ้า? ซึ่งทุกครั้งที่ได้มานั่งปลดปล่อยความคิดบนชิงช้าตัวนี้หญิงสาวมักจะได้คำตอบในสิ่งที่กำลังค้นหาให้กับตัวเองอยู่เสมอไม่ว่าจะเป็นเรื่องงานหรือเรื่องส่วนตัว แต่ในค่ำคืนนี้มันแตกต่างออกไป ถึงแม้เวลาจะล่วงเลยจนดึกดื่นและไร้สิ้นสรรพเสียงของยวดยานพาหนะที่มักจะดังอึกทึกครึกโครมอยู่ตลอดเวลาในยามกลางวันแล้วก็ตาม แต่ในหัวใจดวงน้อยของเธอกลับไม่สงบสุขเฉกเช่นบรรยากาศรอบตัว พิชญธิดายังว้าวุ่นและยังคงหาคำตอบให้กับหัวใจตัวเองไม่ได้ เธอไม่แน่ใจว่า.....ความรู้สึกของหัวใจกับความจริงที่ได้เจอะเจอจะเดินทางไปด้วยกันได้ไหม ถ้าไปด้วยกันได้จะไปได้ไกลแค่ไหน.....จะไปถึงฝั่งฝันหรือไม่ เธอรู้ดีว่าความรักเป็นสิ่งสวยงาม เป็นยาชูกำลัง เป็นปัจจัยสำคัญอีกปัจจัยหนึ่งของทุกชีวิตบนโลกใบนี้ แต่ในความรักก็มักจะแอบซ่อนความผิดหวังเอาไว้อยู่เสมอ ความรักที่ใครต่อใครมักจะเปรียบเปรยว่าเป็นดั่งสีชมพูนั้นจะมีสีอื่นแทรกเข้ามาบดบังได้หรือไม่ พิชญธิดาไม่แน่ใจว่าในทางเดินแห่งรักของเธอนั้นจะต้องพบและสิ้นสุดกับความผิดหวังหรือเปล่า ความผิดหวังที่จะนำมาสู่ความเศร้าเสียใจ ใคร ๆ ต่างก็ไม่อยากเจอกับมันหากเลือกได้ แต่ไม่ใช่ทุกคนที่จะหลีกหนีความผิดหวังนี้พ้น แล้วตัวเธอล่ะ.....จะหนีมันได้ไหม

?เฮ้อ......เอาไงดี จะปรึกษาปรัชญ์ดีไหมเนี่ย แล้วถ้าคำตอบของมันกับของเราไม่เหมือนกันล่ะ เราจะทำยังไง เราจะเลือกอันไหนดี เฮ้อ.....กลุ้มจัง? หญิงสาวรำพึงรำพันกับตัวเองให้หมู่ดาวบนท้องฟ้าฟัง
?แค่เริ่มก็กลุ้มซะแล้ว ดวงดาวจ๋าช่วยบอกอัณณ์ที อัณณ์ควรทำยังไงดี? หญิงสาวแหงนหน้ามองดวงดาวนับร้อยนับพันที่ดูไม่สุกสกาวสดใสกระจ่างตามากนักเพราะท้องฟ้าในค่ำคืนของเมืองหลวงแห่งนี้นั้นไม่ได้มืดมิด เนื่องจากเต็มไปด้วยแสงสีของหลอดไฟนีออนนับร้อยนับพันดวงที่ยังคงทำงานอยู่ ที่ผ่านมาพิชญธิดาไม่เคยต้องเก็บเรื่องความรักมาคิดให้ปวดสมอง เพราะเธอไม่เคยรู้สึกสับสนแบบนี้มาก่อน เธอมักบอกหนุ่ม ๆ ที่เข้ามาจีบว่ามีแฟนแล้วบ้างล่ะ (ก็วรปรัชญ์ไง) หรือคบเป็นเพื่อนกันก่อนดีไหมบ้างล่ะ หรือไม่ก็บอกปฎิเสธไปตรง ๆ เลย แต่ครั้งนี้มันสับสนไปหมด เธอไม่ได้รังเกียจเขาแต่ก็ยังไม่ได้รัก มันอยู่กึ่งกลางระหว่างความชอบกับความกลัวผิดหวัง เธอกลัวทั้ง ๆ ที่ไม่เคยผิดหวังในเรื่องรักมาก่อน เธอกลัวที่จะเจ็บทั้ง ๆ ที่ยังไม่ได้หกล้ม

?มันเป็นความรักของเรานี่นา แล้วเราจะให้คนอื่นมาคิดแทนได้ไง อย่างน้อยหากต้องผิดหวังเราก็ยังภูมิใจได้ว่าเราเป็นคนเลือกมันเอง เลือกที่จะเรียนรู้ เลือกที่จะรู้จักกับมัน...ความรัก เหมือนที่ใครเคยพูดไว้ว่า ?อกหักดีกว่ารักไม่เป็น? ลองดูสักตั้งมันจะสักแค่ไหนกันเชียว? เมื่อคิดตกแล้วหญิงสาวก็ยิ้มให้เหล่าดวงดาวนับร้อยพันที่มาเป็นพยานในการตัดสินใจครั้งสำคัญของเธอ การตัดสินใจที่จะนำพาเธอไปพบกับความสุขที่สุดของชีวิตรวมทั้งไปพบกับความทุกข์ระทมอย่างที่ไม่เคยเจอมาก่อนเช่นกัน


************************

ทันทีที่พิชญธิดาเดินกลับเข้ามาในห้องนอน เธอก็ได้ยินเสียงโทรศัพท์มือถือที่วางอยู่บนโต๊ะข้างเตียงนอนดังสนั่นโสตประสาทในยามวิกาล

?ใครน่ะ โทรมาป่านนี้? ทันที่ที่เห็นชื่อของผู้โทรบนหน้าจอมือถือ พิชญธิดาก็อดหัวเราะไม่ได้

***?อ่านปากของฉันนะว่า......อยากจะพูดอีกครั้งว่า.....และจะเป็นอย่างนี้กับเธอไม่ว่านานสักเท่าไหร่ ไม่ต้องกลัวว่าฉันจะรักใคร ไม่ต้องห่วงว่าฉันเปลี่ยนหัวใจ ฉันจะเป็นอย่างนี้ จะ.....ตลอดไป?
***เพลงรักเธอ ศิลปิน โต๋ ศักดิ์สิทธิ์ เวชสุภาพร***

?นี่แก ยังนอนไม่หลับอีกเหรอจ๊ะ แต่ควรจะเกรงใจคนอื่นเขาบ้างนะ นี่มันกี่โมงกี่ยามแล้วฮะ? หญิงสาวแกล้งต่อว่าเพื่อนซี้

?ก็เมื่อเช้าแกปิดเครื่องหนีฉันทำไมล่ะย่ะนังพิชญธิดา พอแกเปิดเครื่องฉันก็รีบโทรหาแกเลยตั้งแต่หัวค่ำ กดจนมือหงิกมืองอหมดแล้ว แกนะสิย่ะทำไมไม่รับสายฮะ? เสียงวรปรัชญ์ถามอย่างเอาเรื่อง

?ก็ฉันวางมือถือไว้ในห้องนอนแล้วก็ออกไปนั่งกินลมชมดาวนะซิ เลยไม่ได้ยินเสียงมือถือ เออ....แล้วที่โทรมาเอาป่านนี้ มีธุระอะไรมิทราบย่ะ?

?หน็อย ไม่ต้องเลยแก แกรู้ดีว่าฉันโทรมาทำไม บอกมาเดี๋ยวนี้นะว่าใครส่งดอกไม้ให้แก แล้วเขาเขียนอะไรบนการ์ดนั่นด้วย บอกมาให้หมดนะถ้ายังคิดว่าฉันเป็นเพื่อนแกอยู่น่ะ? วรปรัชญ์ขู่ฟอด ๆ แต่มีหรือที่พิชญธิดาจะกลัว เพราะเธอรู้ดีว่าเพื่อนรักคนนี้ดีแต่ปากแค่นั้นเอง

?เอ...จะบอกดีไหมเนี่ย ถ้าไม่บอกสงสัยมีคนนอนไม่หลับแหง ๆ ฮ่า ฮ่า ฮ่า? พิชญธิดายังคงแกล้งกวนประสาทเพื่อนรักต่ออีกนิด

?นังอัณณ์ อย่าลีลาให้มันมากนัก บอกมาเร็ว ๆ ฉันจะได้ช่วยแกสกรีนเหมือนทุกครั้งไง เออ...แล้วคนนี้น่ะฉันรู้จักหรือเปล่า?

?สกรีนหรือจะกินอีกล่ะ? พิชญธิดาแกล้งเหน็บวรปรัชญ์

?อ้าวนังนี่ ทุกทีแกบอกเองนี่นาว่าไม่สน ไม่ชอบ ให้ช่วยกันออกไป ทำคุณบูชาโทษซะแล้ว เออ...แล้วตกลงเป็นใคร ฉันรู้จักไหมฮะ? วรปรัชญ์ยังไม่หลงประเด็นที่พิชญธิดานำมาเบี่ยงความสนใจ

?รู้จัก? พิชญธิดาหันไปหยิบดอกกุหลาบช่อยักษ์บนเตียงมาถือไว้ในมือแทน พลางสูดดมกลิ่นหอมเย้ายวนของมัน แล้วก็ต้องอมยิ้มเมื่อนึกถึงเจ้าของคนที่ให้เธอมา

?ใครล่ะ? วรปรัชญ์ซักต่ออย่างไม่ลดละ

?คุณวิชญ์ นิมมานรดี เจ้านายฉันเอง เอ...แล้วตกลงคนนี้น่ะผ่านนนนน...ไหมจ๊ะ คุณผู้จัดการ?

?อะไรนะ คุณวิชญ์เทพบุตรสุดหล่อของฉันน่ะเหรอที่ตาถั่วซื้อดอกไม้ช่อโตให้แก โอ้....ไม่นะ ทำไมถึงทำกับฉันได้ แล้วบนการ์ดล่ะเขียนว่าไง บอกมาให้หมดเปลือกเดี๋ยวนี้เลย?

?ไม่บอก แค่นี้นะ จะนอนแล้ว พรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้าด้วย? พิชญธิดาแกล้งทำเสียงหาวประกอบ

?ตื่นเช้าไปไหน วันอาทิตย์นะย่ะนังเอ๋อ ไม่ต้องทำงาน? วรปรัชญ์นึกว่าเพื่อนสาวหลงวันหลงเดือนอีกตามประสาคนขี้หลงขี้ลืม

?ก็วันอาทิตย์นะซิคนเขาถึงจะไปเดทกันน่ะ นังบื้อ แค่นี้แหละ กู๊ดไนท์ แต่แกคงไม่สวีตดรีมแน่ ๆ เพราะนอนไม่หลับกระส่ายกระสับอยากรู้เรื่องชาวบ้าน ฮ่า ฮ่า ฮ่า? พิชญธิดารีบกดวางสายก่อนที่จะหัวเราะอย่างสนุกสนานเพราะเธอจินตนาการออกว่าตอนนี้เพื่อนซี้ของเธอคงกรี๊ดดังลั่นน่าดูเนื่องจากไม่สามารถล้วงความลับไปจากเธอได้ พิชญธิดาก้มลงดมดอกไม้สีสวยในมืออีกครั้ง ก่อนที่จะพิมพ์ข้อความบางอย่างลงในมือถือแล้วกดส่งไปให้คนที่ยังนอนไม่หลับ

?It said ?วันนี้ทานข้าวกับผมน่ะครับ Your (soon to be) Valentine (ว่าที่คู่รักของคุณ)? คราวนี้แกคงนอนหลับได้แล้วนะนังปาด?

************************

ตามปกติพิชญธิดาที่เป็นคนกินง่ายอยู่ง่ายและจะหลับง่ายในทันทีเมื่อหัวถึงหมอน แต่คืนนี้แม้เวลาจะล่วงเลยเข้าวันใหม่แล้วก็ตาม เธอยังคงนอนยิ้มอยู่คนเดียวบนเตียงกว้างและเฝ้าหวนคิดถึงเรื่องราวที่ผ่านมาของวันนี้อย่างมีความสุข......

วิชญ์ใช้เวลาไม่นานก็พาพิชญธิดามาถึงร้านอาหารอิตาเลี่ยนหรูหราแห่งหนึ่งที่อยู่ไม่ไกลจากโรงแรม ณ นิมมานรดี มากนัก ร้านอาหารอิตาเลี่ยนแห่งนี้เป็นกิจการของเพื่อนสนิทของเขาคนหนึ่งที่เคยเรียนอยู่เมืองนอกด้วยกัน เพียงวิชญ์โทรมาบอกว่าจะพา ?My Valentine (คนรัก)? มารับประทานอาหารเท่านั้น เขาก็ได้โต๊ะในมุมสวยที่สุดโต๊ะหนึ่งของร้าน นี่คงเป็นอภินันทนาการจากเจ้าของร้านเป็นแน่แท้แลกเปลี่ยนกับการได้แอบชมโฉมแฟนเพื่อน เพื่อนที่ไม่เคยมีวี่แววจะมีคนรักเป็นตัวเป็นตนมาก่อน

ร้านอาหารอิตาเลี่ยนแห่งนี้มีเพดานสูงโล่งดูโปร่งสบายเพราะตกแต่งด้วยกระจกทั้งหลัง ในโถงใหญ่มีโคมไฟทรงกลมห้อยลงมาจากเพดานสูงถึงสามดวงด้วยกัน โคมไฟที่ทำจากลวดเส้นเล็ก ๆ ถักทอกันเป็นทรงกลม เพราะใช้เส้นลวดจึงทำให้ดูไม่หนาทึบดูเข้ากับการตกแต่งของร้านได้ดี โคมไฟที่มีรูปทรงเดียวกับช่อดอกกุหลาบสีแดงสดของเธอ.....ทรงกลม.....

?กลมเหมือนโลกใบนี้ที่ทำให้ผมได้พบกับคุณ และเพราะว่าโลกกลมเราจึงจะพบกันอีก ไม่ว่าอะไรจะพรากเราให้จากกันก็ตาม จำไว้ว่าเราต้องได้พบกันอีก ผมจะหาคุณจนเจอ ผมสัญญา? วิชญ์บอกเล่าถึงที่มาของช่อดอกไม้อย่างสุดแสนโรแมนติคขณะที่นั่งรถมาด้วยกัน คำพูดเพียงไม่กี่ประโยคของเขาได้ละลายหัวใจของพิชญธิดาให้อ่อนยวบในทันที เธอได้แต่หวังว่าเขาจะเป็นคนรักษาคำพูดคนหนึ่ง

ชายหนุ่มจูงมือหญิงสาวไปนั่งยังโต๊ะที่อยู่ด้านในสุดของร้านซึ่งมีป้ายวางอยู่ ?Reserved (จอง)? จากมุมนี้ลูกค้าจะสามารถมองออกไปเห็นน้ำตกจำลองที่ทางร้านได้ตกแต่งเพื่อเพิ่มบรรยากาศให้ดูร่มรื่นและสวยงามสำหรับคนที่ชอบบรรยากาศนอกห้องแอร์ ในวันพิเศษอย่างวันวาเลนไทน์วันนี้ทางร้านจึงได้ใช้ดอกกุหลาบสีต่าง ๆ จัดไว้ในแจกันแล้ววางตกแต่งร้านตามมุมต่าง ๆ ในมุมที่พิชญธิดาและวิชญ์นั่งนั้นมีดอกกุหลาบสีขาวจัดอยู่ในแจกันทรงสูง ขนาดของดอกนั้น ไม่เล็กไปกว่าฝ่ามือสักเท่าไรเลย กุหลาบแดงที่เขามอบให้เธอนั้นหมายถึงความรักและความปรารถนาที่จะใช้ชีวิตคู่ร่วมกัน ส่วนกุหลาบขาวของทางร้านนั้นหมายถึงความรักที่บริสุทธิ์ ให้โดยไม่หวังสิ่งตอบแทนใด ๆ ทั้งสิ้น ?งั้นเขาก็หวังสิ่งตอบแทนจากเราน่ะสิ?

เมื่อทั้งคู่ได้สั่งอาหารเรียบร้อยแล้ว วิชญ์จึงชวนหญิงสาวพูดคุยเพื่อสร้างความสนิทสนมคุ้นเคยให้มากขึ้น

?คุณอัณณ์เป็นอะไรครับ เห็นนั่งเงียบมาตลอดทางเลย เอ...หรือคุณอัณณ์ไม่ชอบร้านนี้ครับ?

?ไม่ใช่หรอกค่ะ ร้านสวยดีออกค่ะ เอ่อ...คือ....เมื่อกี้คนที่โรงแรมคงเห็นแล้วว่า....เอ่อ...คุณวิชญ์พาอัณณ์ออกมาข้างนอก? พิชญธิดาละที่จะไม่พูดว่า ?จูงมือเธอ? เสียด้วยซ้ำ

?แล้วไงล่ะครับ คุณอัณณ์รู้สึกไม่ดีอย่างนั้นหรือครับที่ต้องเดินจับมือกับผม? วิชญ์เอียงคอถามพร้อมนัยน์ตาที่แพรวพราววิบวับอย่างเจ้าเล่ห์

?ไม่ใช่ค่ะ คือ...อัณณ์ยังไม่แน่ใจน่ะค่ะ มันเร็วมาก อัณณ์ตั้งตัวไม่ทัน?

วิชญ์จึงเอื้อมมือข้ามโต๊ะเพื่อไปดึงมือของหญิงสาวตรงหน้ามาจับไว้ด้วยสองมือของเขาอย่างอ่อนโยน

?คุณอัณณ์ไม่แน่ใจอะไรครับ ผมทำให้คุณอัณณ์รู้สึกอึดอัดหรือครับ? เขาใช้เสียงที่อ่อนโยนไม่แพ้ดวงตาถามเธอ

?ไม่ใช่ค่ะ คือ....อัณณ์....คือ....?

?คุณอัณณ์ฟังผมน่ะครับ ผมชอบคุณอัณณ์และอยากรู้จักคุณอัณณ์ให้มากกว่านี้ คุณอัณณ์จะคบกับผมได้ไหมครับ? พิชญธิดาที่ยังคงนั่งตะลึงเมื่อได้ยินคำสารภาพความรู้สึกแบบจู่โจมโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัวมาก่อนจากชายหนุ่มที่ได้ชื่อว่ามีคุณสมบัติครบถ้วนทุกประการสำหรับสาว ๆ ที่จะถวิลหา ถึงแม้ว่าเธอพอจะดูออกว่าเขาคิดอย่างไรกับเธอแต่ไม่คิดว่าเขาจะกล้าพูดออกมาตรง ๆ แบบนี้ เธอจ้องมองใบหน้าหล่อของวิชญ์เพื่อให้แน่ใจว่าเธอไม่ได้ฝัน ยิ่งได้เห็นรอยยิ้มพราวทั้งจากตาและปากบนใบหน้าของเขาแล้ว เธอยิ่งเขินจนต้องหลบสายตาคมเข้มคู่นั้น พิชญธิดาคิดไม่ออกว่าในนาทีนี้เธอควรจะพูดอะไรออกไปดี เธอจึงก้มหน้างุดและพยายามดึงมือออกจากมือใหญ่คู่นั้น มือที่ทำให้เธอรู้สึกอบอุ่นและร้อนวูบวาบในคราวเดียวกัน

?คุณอัณณ์ครับ....ผมหมายความตามที่พูดจริง ๆ น่ะครับ ผมแน่ใจว่าไม่ได้คิดกับคุณอัณณ์แบบฉาบฉวย ผมแน่ใจในความรู้สึกที่เกิดขึ้น คุณอัณณ์อาจจะคิดว่ามันเร็วไป แต่สำหรับผมแล้ว ผมรู้สึกว่าเราเหมือนคนที่คุ้นเคยกันมา คุณอัณณ์ยังไม่ต้องเชื่อในสิ่งที่ผมพูดในวันนี้ แค่ให้โอกาสผม ให้โอกาสเราได้ศึกษากัน ได้รู้จักกันให้มากกว่านี้ มากกว่าการเป็นเพียงเจ้านายกับเลขาฯจะได้ไหมครับ? วิชญ์ถามอย่างเว้าวอนแถมส่งสายตาออดอ้อนมาอีก แล้วลูกกวางน้อยอย่างเธอจะหนีราชสีห์รอดพ้นหรือนี่

?คุณวิชญ์ค่ะ....อัณณ์ขอบคุณที่คุณวิชญ์รู้สึกดี ๆ กับอัณณ์ แต่อัณณ์ขอเวลาหน่อยนะคะ ขอให้อัณณ์แน่ใจตัวเองให้มากกว่านี้หน่อย แล้วอัณณ์จะให้คำตอบนะคะ? พิชญธิดาดึงมือออกได้สำเร็จในที่สุด ซึ่งอันที่จริงแล้วหากวิชญ์ไม่ยอมปล่อยซะอย่าง มีหรือที่เธอจะดึงออกมาได้

?คุณอัณณ์ไม่ได้รังเกียจผมใช่ไหมครับ? วิชญ์สอบถามเพื่อความแน่ใจ ถึงแม้เขาจะค่อนข้างมั่นใจว่าหัวใจของเธอคงเปิดรับเขาบ้างแล้ว เพราะการที่เธอไม่ขัดขืนในตอนที่ถูกเขาเดินจูงมือตั้งแต่ในโรงแรมจนพามานั่งในร้านอาหารหรูแห่งนี้ รวมถึงไม่ปฏิเสธที่จะมารับประทานอาหารกับเขาเพียงลำพังในวันพิเศษวันนี้ นั่นยอมแสดงให้เห็นว่าเธอเริ่มโอนเอียงมาทางเขาบ้างแล้ว แต่เขายังต้องการได้ยินจากปากเธอเพื่อให้แน่ใจว่าเขาเข้าใจถูกต้องไม่ได้เข้าข้างตัวเอง

พิชญธิดาก้มหน้างุดยิ่งกว่าเก่า ?จะให้เธอตอบไปได้อย่างไรว่าไม่รังเกียจเขาเลย รู้สึกดีเสียด้วยซ้ำที่มีมือใหญ่คอยโอบอุ้มดูแล คอยส่งต่อความห่วงใยที่มีให้กัน เธอจะบอกไปได้อย่างไรว่ารู้สึกอบอุ่นใจที่มีใครอีกคนหนึ่งมายืนเคียงข้าง ใครอีกคนที่เพิ่มเข้ามาในชีวิต ที่ไม่ใช่แม่ผู้ให้กำเนิด ไม่ใช่วรปรัชญ์เพื่อนรัก จะให้เธอบอกเขาไปได้อย่างไร?

?ว่าไงครับคุณอัณณ์? วิชญ์พยายามที่จะสบสายตาของเธอ ยิ่งได้เห็นท่าทีเขินอายอย่างไร้จริตจะก้านของเธอแล้ว เขายิ่งหลงใหลเธอมากขึ้นไปอีก ที่จริงเขาไม่อยากบังคับให้เธอต้องตอบ แต่เขาก็อยากได้น้ำทิพย์มาชโลมใจบ้าง สักนิดก็ยังดี

?ถ้ารังเกียจก็คงไม่มาด้วยหรอกค่ะ? พิชญธิดาตอบด้วยเสียงอันเบาแต่มันกลับดังก้องในหัวใจของชายหนุ่มที่ชื่อว่า วิชญ์ นิมมานรดี ชายหนุ่มไม่ได้รับรู้รสชาติอาหารอิตาเลี่ยนของร้านอาหารชื่อดังในมื้อนั้นเลย ?อะไร ๆ ก็อร่อย? วิชญ์บอกกับเจ้าของร้านก่อนที่จะลากลับ

************************

พิชญธิดาที่ยังคงนอนไม่หลับจึงเอื้อมมือไปคว้ารีโมทเครื่องเสียงที่อยู่หัวเตียงมาเปิดฟังเพลงจากคลื่นวิทยุ เสียงเพลงหวานของนักร้องสาวคนดังบรรเลงขึ้นส่งท้ายคืนแห่งความรักตรงช่วงท้ายเพลงพอดิบพอดี พิชญธิดาร้องคลอตามจนเข้าสู่นิทราไปในที่สุด

?***ฉันไม่รู้ว่าตอนนี้เป็นไง มองอะไรก็เป็นสีชมพู

นี้ใช่ไหมคือความรักใช่หรือเปล่า
ขอบฟ้าที่เคยสีเทาๆ ดูสดใสขึ้นทันใด
ฉันไม่รู้เรียกว่ารักได้หรือเปล่า
ยังไม่แน่ใจ เพียงแค่รู้ว่าเป็นไปเพราะเธอ

นี้ใช่ไหมคือความรักใช่หรือเปล่า
ขอบฟ้าที่เคยสีเทาๆ ดูสดใสขึ้นทันใด
ฉันไม่รู้เรียกว่ารักได้หรือเปล่า
ยังไม่แน่ใจ เพียงแค่รู้ว่าเป็นไปเพราะเธอ?
***เพลงอีส ดีส เลิฟ ใช่รักหรือเปล่า ศิลปิน : ลีเดีย***
************************

เช้าวันอาทิตย์ซึ่งเป็นวันที่พิชญธิดาจะต้องพบปะกับเจ้านายเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งวันทั้ง ๆ ที่ไม่ใช่วันทำงาน เวลาประมาณแปดนาฬิกาพิชญธิดาก็ลงมารอวิชญ์อยู่ที่ชั้นล่างของบ้าน วันนี้หญิงสาวเลือกใส่กางเกงขาสั้นประมาณหัวเข่าสีขาวกับเสื้อเชิ้ตแขนตุ๊กตาสีเหลืองสดแล้วคาดที่คาดผมสีดำเพื่อเปิดวงหน้าหวาน หญิงสาวนั่งรอชายหนุ่มเพียงไม่นานรถยนต์คันหรูยี่ห้อโปรดแบบสปอร์ตสีเงินก็เข้ามาจอดถึงหน้าบ้าน วิชญ์เดินลงมารอรับหญิงสาวที่กำลังปิดประตูบ้าน วันนี้ชายหนุ่มมาในมาดสบาย ๆ เขาใส่กางเกงขาสั้นตัดเย็บด้วยผ้าลินินสีขาวกับเสื้อกล้ามสีขาวไว้ในแล้วทับด้วยเสื้อเชิ้ตสีฟ้าอ่อน ชายหนุ่มดูแปลกตาไปมากในชุดลำลองแบบนี้


?สวัสดีค่ะคุณวิชญ์ ตกลงวันนี้เราจะไปไหนกันคะ? พิชญธิดากล่าวทักทายก่อน

?สวัสดีครับคุณอัณณ์ ผมให้คุณอัณณ์เลือกแล้วกัน คุณอัณณ์อยากไปไหนก็บอกมาได้เลยครับ? วิชญ์แจกยิ้มมหาเสน่ห์ให้หญิงสาวตั้งแต่เช้า

?อ้าว....อัณณ์นึกว่าคุณวิชญ์เตรียมโปรแกรมไว้หมดแล้วซะอีกค่ะ เห็นนัดตั้งแต่เช้า?

?ผมแค่นัดเวลาครับ ที่เหลือให้คุณอัณณ์จัดการ เอาเป็นว่าเราขึ้นรถกันก่อนดีไหมครับ? วิชญ์รีบเดินไปเปิดประตูรถให้หญิงสาว

?ถ้าให้อัณณ์เป็นคนเลือก งั้นไปอยุธยากันไหมคะ?

?ก็ดีครับ ตั้งแต่กลับมาจากเมืองนอกผมก็ยังไม่ได้ไปอยุธยาเลย คุณอัณณ์จะไปที่ไหนล่ะครับ? ชายหนุ่มถามพลางหยิบโทรศัพท์มือถือรุ่นใหม่ล่าสุดที่มีโปรแกรมค้นหาเส้นทางจากระบบดาวเทียมมาเปิดหาสัญญาณ


?ไปวัดกันก่อนดีไหมคะ ไปทำบุญถวายสังฆทานกันนะคะ? พิชญธิดาเสนอโปรแกรมแรกของวัน ซึ่งชายหนุ่มก็ไม่ขัดข้องที่จะเริ่มต้นการเดทครั้งแรกด้วยการทำบุญ เขาเพียงแปลกใจเพราะไม่นึกว่าหญิงสาวที่ดูทันสมัยคนหนึ่งจะเป็นคนธรรมะธัมโม

?ก็ดีครับ ผมก็ไม่เข้าวัดเข้าวานานแล้วเหมือนกัน เอ...เคยได้ยินเขาพูดว่า ถ้าคนเราได้ทำบุญร่วมกันแล้วเกิดชาติหน้าจะได้เจอกันอีกใช่ไหมครับ? ชายหนุ่มหันมามองคนหน้าหวานที่แก้มเริ่มมีสีแดงเรื่อ ก่อนหันไปสตาร์ทเครื่องยนต์

?เดี๋ยวถ้าเจอร้านขายอาหาร คุณวิชญ์อย่าลืมแวะจอดซื้อก่อนนะคะ? พิชญธิดารีบเปลี่ยนเรื่องเพื่อเอาตัวรอดจากกรงเล็บราชสีห์อย่างทันท่วงที

?ได้ครับ เชิญคุณผู้หญิงบัญชามาเลยครับ? วิชญ์แกล้งเย้าหญิงสาวเล่นเพราะเขารู้สึกชอบใจที่ได้เห็นพวงแก้มของเธอเป็นสีแดงเข้ม..... ?น่าหอมสักฟอดจริง ๆ?

ระหว่างทางวิชญ์ได้พูดคุยซักถามพิชญธิดาถึงเรื่องราวต่าง ๆ มากมาย ทั้งคู่คุยกันได้สนิทสนมอย่างรวดเร็วเพราะวิชญ์ได้บอกไว้ตั้งแต่เริ่มออกเดินทางแล้วว่า

?วันนี้ไม่มีเจ้านายกะลูกน้องนะครับคุณอัณณ์ มีแค่คุณกับผมในฐานะ.....ฐานะอะไรดีครับ? วิชญ์หันมายักคิ้วหลิ่วตาให้หญิงสาวข้างกาย

?เพื่อนใหม่ดีไหมคะ? พิชญธิดาที่รีบพูดโพล่งขึ้นมาในทันทีทันใด เพราะกลัวจะโดนชายหนุ่มมัดมือชก

?ว้า...แย่จัง ผมไม่อยากเป็นเพื่อนกับคุณอัณณ์นี่ครับ เป็นอย่างอื่นได้ไหมครับ? วิชญ์หยอดลูกอ้อน แต่พิชญธิดาไม่หลงกล เธอทำเป็นหันไปชมวิวทิวทัศน์สองข้างทางแทนเพื่อไม่ให้ชายหนุ่มได้เห็นว่าเธอแอบอมยิ้ม วิชญ์จึงทำได้เพียงหัวเราะ หึ หึ

หลังจากได้แวะซื้ออาหารคาวหวานจากร้านข้างทางแล้ว วิชญ์ก็เหยียบคันเร่งเพื่อให้เครื่องยนต์ของรถสปอร์ตที่มีสมรรถภาพสูงได้ทำงานเต็มประสิทธิภาพ เขาใช้เวลาไม่นานก็พาหญิงสาวมาถึงวัดแห่งหนึ่ง ทั้งสองคนช่วยกันหอบข้าวของที่ซื้อมาทั้งอาหาร ดอกไม้ธูปเทียน และผลไม้อีกสองสามชนิดตรงไปยังหอฉันเพื่อถวายสังฆทาน เมื่ออิ่มบุญกันแล้ววิชญ์ก็พาพิชญธิดามาถึงวัดราชบูรณะ ที่มีองค์พระปรางค์ประธานที่ยังคงมีความสวยงามหลงเหลืออยู่ถึงแม้จะทรุดโทรมไปบ้างตามกาลเวลาและจากฝีมือของพวกโจรหัวขโมยที่เข้าไปขุดของมีค่าในกรุ

?ไปไหนต่อดีครับคุณไกด์กิตติมศักดิ์? วิชญ์แซวหญิงสาวอย่างอารมณ์ดี

?ไปไหวพระหลวงพ่อมงคลบพิตรก่อน แล้วเราค่อยเข้าไปชมวังโบราณดีไหมคะ?

หลังจากทั้งสองได้นั่งรถที่ทางวัดจัดไว้ให้ผู้คนได้ชมบริเวณวัดอย่างทั่วถึงโดยไม่ต้องเดินให้เหนื่อยแรงแล้ว คู่เดทมือใหม่ก็เข้าไปเดินเที่ยวชมในส่วนของพระราชวังโบราณโดยเริ่มจากพระเจดีย์สามองค์ในบริเวณวัดพระศรีสรรเพชญ์เป็นลำดับแรก และตามติดด้วยพระราชวังโบราณต่าง ๆ ซึ่งประกอบด้วยปราสาทราชมนเทียร และพระที่นั่งต่าง ๆ คล้ายกับพระบรมมหาราชวังในสมัยรัตนโกสินทร์ ในระหว่างเดินเที่ยวชมความงานของโบราณสถานและโบราณวัตถุที่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ของชาตินั้น ประธานกรรมการหนุ่มผู้ชื่นชมการถ่ายภาพและมักใช้เวลาว่างในการศึกษาทั้งเรื่องของกล้อง มุมภาพ และการจัดแสงก็บันทึกภาพเก็บทั้งสถานที่และวิวทิวทัศน์ไว้เป็นที่ระลึกเสียมากมาย โดยเฉพาะภาพแอบถ่ายยามเผลอของเลขาฯคู่ใจที่กำลังเพลิดเพลินในการถ่ายภาพด้วยกล้องดิจิตอลขนาดจิ๋วของเธอโดยไม่รู้ตัวสักนิดว่ากำลังถูกปาปารัซซี่หนุ่มแอบเก็บภาพเธอไว้ดูในยามคิดถึง

?คุณอัณณ์หิวหรือยังครับ นี่ก็เที่ยงแล้วนะครับ ทานอะไรกันดี? วิชญ์ให้ไกด์สาวเป็นคนเลือก

?มาอยุธยาทั้งที ก็ต้องทานก๋วยเตี๋ยวเรือสิคะ อัณณ์จำได้ว่าไม่ไกลจากที่นี่มากนักมีร้านก๋วยเตี๋ยวเรือขึ้นชื่ออยู่ข้างทาง เอ่อ....ไม่ทราบว่าคุณวิชญ์จะทานได้ไหมล่ะคะ? หญิงสาวไม่แน่ใจว่าเศรษฐีหนุ่มอย่างเขาจะรับประทานของข้างทางได้หรือไม่

?อ้าว....ทำไมถามอย่างนั้นล่ะครับคุณอัณณ์ ผมทานได้ทั้งนั้นแหละ ไม่เรื่องมากหรอกครับ ไปกันเลยนะครับ หิวแล้ว ผมคงทานได้สักสิบชามแน่ ๆ?

?สิบชามก็ได้ค่ะ มื้อนี้อัณณ์เลี้ยงเองนะคะ? พิชญธิดาใจป้ำอาสาเป็นเจ้ามือ

?งั้นผมไม่เกรงใจนะครับ? วิชญ์ยิ้มให้หญิงสาว

หลังอิ่มท้องกันแล้ว ทั้งคู่ก็แวะเที่ยวชมสถานที่สำคัญ ๆ ของอดีตเมืองหลวงของชาติที่เคยมีความยิ่งใหญ่อลังการเมื่อหลายร้อยปีมาแล้ว เช่น วัดใหญ่ชัยมงคลที่ทั้งสองคนได้เดินชมบริเวณวัดที่มีพระพุทธรูปจำนวนมากประดิษฐานเรียงรายอยู่รอบองค์เจดีย์เก่าที่มีสภาพทรุดโทรมรวมทั้งเข้าไปนมัสการพระพุทธไสยาสน์ที่มีขนาดใหญ่ในวิหาร และเข้าสักการะอนุสาวรีย์สมเด็จพระนเรศวรมหาราชในตำหนักที่เพิ่งสร้างขึ้นใหม่ รวมทั้งชมทัศนียภาพเกาะเมืองอยุธยาบนยอดเจดีย์วัดใหญ่ชัยมงคล ต่อมาก็มาแวะที่วัดไชยวัฒนารามที่ขึ้นชื่อในความสวยงามไม่น้อยหน้าวัดไหน ๆ ยิ่งได้ถ่ายภาพพระปรางค์ในยามโพล้เพล้ด้วยแล้ว ยิ่งสวยติดตาติดใจคนทั้งคู่ วิชญ์และพิชญธิดาเดินชมสวนต่าง ๆ ของวัดแล้วก็ต้องรำพึงรำพันอย่างเสียดายที่มรดกของชาติจำนวนไม่น้อยต้องถูกทำลายด้วยน้ำมือคนในชาติเดียวกัน เช่น เหล่าพระพุทธรูปที่ถูกลอบตัดเศียร และภาพปูนปั้นที่ถูกทำลาย และที่วัดนี้เองที่วิชญ์ถึงกับเอ่ยปากกับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติให้ช่วยถ่ายรูปคู่ของเขาและพิชญธิดาเพื่อเก็บไว้เป็นที่ระลึกของเดทแรก

ภาพของสาวสวยหนุ่มหล่อที่มีซากปรักหักพังขององค์เจดีย์อยู่เบื้องหลังทำให้ช่างกล้องถึงกับออกปากชมว่าสวยงามมากทั้งคนถูกถ่ายและสถานที่ แถมยังดูเป็นคู่รักที่เหมาะสมกันดีอีกด้วย เมื่อกล่าวขอบคุณช่างภาพแล้ววิชญ์ได้เรียกให้พิชญธิดามาดูภาพจากหน้าจอกล้องถ่ายรูป ภาพที่เขายืนแอบไปทางข้างหลังของหญิงสาวเล็กน้อยจึงทำให้ดูเหมือนว่าพิชญธิดากำลังยืนพิงอกเขาอยู่ หญิงสาวถึงกับแก้มแดงเรื่อเพราะหากใครมาเห็นภาพนี้ก็ต้องเข้าใจว่าทั้งคู่เป็นคู่รักกันอย่างแน่นอน

?สวยไหมครับ เดี๋ยวผมจะอัดเผื่อคุณอัณณ์นะครับ เอาใหญ่เลย ๆ จะได้เห็นชัด ๆ?

พิชญธิดาไม่พูดอะไร หญิงสาวเพียงสาวเท้าหนีชายหนุ่มที่กำลังอมยิ้มอย่างถูกใจกับผลงานในมือ

เมื่อพระอาทิตย์ใกล้ตกดินเต็มทีแล้วทั้งวิชญ์และพิชญธิดาก็แทบจะหมดแรงกันเลยทีเดียว เพราะนอกจากจะต้องตื่นเช้าในวันหยุดพักผ่อนแล้ว ทั้งคู่ยังมาเดินเที่ยมชมโบราณสถานต่าง ๆ ท่ามกลางแสงแดดที่ร้อนระอุไม่น้อยหน้าเดือนเมษายนเลย ทั้งหมวกและแว่นตาที่สวมใส่ก็ไม่ช่วยป้องกันรังสีความร้อนได้มากนัก วิชญ์จึงขอเป็นคนเสนอโปรแกรมสุดท้ายของวันด้วยการพาหญิงสาวไปนั่งเรือล่องแม่น้ำเจ้าพระยาพร้อมรับประทานอาหารมื้อพิเศษ หญิงสาวยิ้มอย่างถูกใจเพราะเธอเคยไปรับประทานอาหารแบบนี้กับวรปรัชญ์มาแล้ว เธอชอบทั้งบรรยากาศและรสชาติที่ติดใจโดยเฉพาะกุ้งแม่น้ำตัวใหญ่ของโปรดของเธอนั้น ไม่ว่าจะเป็นกุ้งเผา กุ้งผัดน้ำมะขาม หรือต้มยำกุ้งรสจัด หญิงสาวก็ชอบทั้งนั้น นอกจากจะได้รับประทานอาหารสด ๆ และอร่อยถูกปากแล้วบรรยากาศก็สุดแสนจะโรแมนติค เพราะเรือจะล่องผ่านสถานที่สำคัญต่าง ๆ ให้ลูกค้าได้ชื่นชมในอีกบรรยากาศหนึ่งซึ่งแตกต่างจากในตอนกลางวันอย่างลิบลับ เช่น เจดีย์สุริโยทัยในความมืด วัดไชยวัฒนารามที่งามใต้แสงไฟ พระตำหนักไม้สักที่งดงาม (ฝั่งตรงข้ามวัดไชยฯ) เป็นต้น

************************

วิชญ์ขับรถมาส่งพิชญธิดาที่บ้านเมื่อเวลาเกือบจะห้าทุ่ม หญิงสาวที่เมื่อคืนกว่าจะหลับตาลงได้ก็ปาเข้าไปวันใหม่แล้วแถมยังเหน็ดเหนื่อยมาตลอดวันกับการท่องเที่ยวแบบไปเช้าเย็นกลับ พิชญธิดาถึงกับหลับคอพับคออ่อนพิงกระจกรถ เมื่อจอดรถสนิทแล้ววิชญ์จึงหันไปพินิจใบหน้าของหญิงสาวที่เริ่มเข้ามาครอบครองหัวใจของเขาทีละนิด ๆ วันนี้ทั้งเขาและเธอต่างก็ได้เรียนรู้ซึ่งกันและกัน เขาค่อนข้างแน่ใจว่าสิ่งที่ได้เห็นและสัมผัสนั้นเป็นตัวตนที่แท้จริงของเธอ ความสดใสน่ารักและเป็นธรรมชาติของเธอกระมังที่มัดใจเขาเสียอยู่หมัด วิชญ์ค่อย ๆ โน้มใบหน้าลงไปจนลมหายใจรดใบหน้าของหญิงสาวก่อนที่จะจุมพิตหน้าผากมนของพิชญธิดา แล้วจึงเอ่ยเสียงนุ่มข้างหูเธอว่า

?อัณณ์ครับถึงบ้านแล้วครับ ตื่นได้แล้วครับ?

พิชญธิดาที่ยังไม่รู้ตัวว่าเกือบถูกลักหลับลืมตาขึ้นอย่างงัวเงียแล้วร้องโวยวายขึ้นว่า

?อ้าว!....คุณวิชญ์ไม่ได้แวะจอดให้อัณณ์ซื้อโรตีสายไหมหรือคะ เสียชื่อแย่เลย ไปถึงอยุธยาทั้งทีไม่ได้กินโรตีสายไหมอ่ะ? หญิงสาวทำแก้มป่องโดยไม่รู้ตัวว่ากิริยานั้นของเธอช่างดูน่ารักเหมือนเด็กเล็ก ๆ ที่กำลังถูกขัดใจ วิชญ์จึงอดใจไว้ไม่ไหวขยับไปหอมแก้มเธอดังฟอดแล้วแกล้งเย้าว่า

?ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวพรุ่งนี้ป๋าพาไปใหม่? พิชญธิดาที่เพิ่งรู้สึกตัวว่าพลาดท่าเสียทีโดนขโมยหอมแก้มไปแล้ว อารามตกใจที่ไม่นึกว่าชายหนุ่มจะจู่โจมเร็วไวปานกามนิตหนุ่มนั้น จึงรีบลนลานจะลงจากรถ

?ปละ....ปลดล็อคให้ด้วยค่ะ? พิชญธิดาพูดโดยไม่ยอมหันมามองหน้าคนอารมณ์ดีเพราะได้หอมแก้มสาวจนหายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้งจากการนั่งหลังพวงมาลัยรถมาทั้งวัน

?จะรีบไปไหนล่ะครับ ผมนั่งพักยังไม่ทันหายเหนื่อยเลย?

?ก็กลับไปพักที่บ้านสิคะ?

?ตอนแรกผมกะว่าจะให้คุณอัณณ์พักผ่อนพรุ่งนี้ ไม่ต้องไปทำงานเพราะโดนผมลากไปเที่ยวทั้งสองวันเต็ม ๆ แต่ตอนนี้เปลี่ยนใจดีกว่า?

?อ้าว ทำไมล่ะคะ?

?ก็ผมกลัวจะคิดถึงคุณอัณณ์จนทนไม่ไหวนะซิครับ? พูดจบชายหนุ่มก็กดเปิดล็อคให้หญิงสาวซึ่งก็รีบกระวีกระวาดลงมาจากรถแทบจะทันที

?เอ...คุณอัณณ์ลืมอะไรหรือเปล่าครับ? วิชญ์ที่ลงมายืนข้างรถแกล้งตะโกนถาม

?ไม่ลืมอะไรนี่คะ อัณณ์เอากระเป๋ามาใบเดียวค่ะ? พิชญธิดารีบชูกระเป๋าสะพายให้วิชญ์ดู

?ก็คุณอัณณ์ยังไม่ได้กู๊ดไนท์ผมเลยนี่ครับ? วิชญ์ทำเสียงอ่อนเสียงหวาน

?อ๋อ...งั้นก็กู๊ดไนท์นะคะ ขอบคุณค่ะสำหรับวันนี้ อัณณ์สนุกมากเลยค่ะ บ้ายบายนะคะ? เมื่อพูดจบแล้วพิชญธิดาก็รีบสาวเท้าเพื่อเข้าบ้านเพราะกลัวชายหนุ่มจะได้ยินเสียงหัวใจของเธอที่เต้นโครมครามไม่เป็นจังหวะหลังถูกขโมยหอมแก้ม

?แต่ผมหมายถึง.....กู๊ดไนท์คิสน่ะครับ? วิชญ์ยังแกล้งแหย่แม่กวางน้อยไม่เลิกซึ่งก็ได้ผลทันตาเพราะพิชญธิดารีบไขกุญแจบ้านและรีบปิดประตูเสียงดังโครม ทิ้งให้ชายหนุ่มยืนยิ้มหวานอยู่คนเดียวในความมืด

************************

ตอบกลับโพส

ย้อนกลับไปยัง “ก้าวแรก(สู่นักเขียนมืออาชีพ)”