ภารกิจรัก ภารกิจแค้น ตอนที่ 6 โดย....อาทิตา

ถ้าเพื่อนๆ มีเรื่องที่น่าสนใจและต้องการแบ่งปันเนื้อหา หรือร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการเป็นนักเขียนมืออาชีพ

Moderator: Gals, B.Comics, พี่บี

ตอบกลับโพส
athita
โพสต์: 41
ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ 11 เม.ย. 2009 11:15 pm

ภารกิจรัก ภารกิจแค้น ตอนที่ 6 โดย....อาทิตา

โพสต์ โดย athita »

ตอนที่ 6 ซากุระกำลังจะบาน

วิชญ์เดินนำทุกคนมายังห้องอาหารญี่ปุ่น ?ซากุระ? ของโรงแรมซึ่งตั้งอยู่บนชั้นห้า ผู้จัดการร้านรีบกุลีกุจอออกมาต้อนรับท่านประธานกรรมการหนุ่มด้วยตัวเอง ถึงแม้ร้านอาหารจะดูเนืองแน่นไปด้วยลูกค้าจนแทบไม่เห็นโต๊ะว่างเลย แต่สำหรับเจ้าของโรงแรมแล้วนั้นไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้ ผู้จัดการร้านจึงเชิญแขกวีไอพีทั้งห้าไปยังห้องรับรองพิเศษซึ่งอยู่มุมในสุดของร้านที่มีความเป็นส่วนตัวและสะดวกสบายมากกว่าและจะเปิดให้บริการก็ต่อเมื่อมีคำสั่งพิเศษเท่านั้น

ในห้องวีไอพีพิเศษที่สามารถจุลูกค้าได้ถึง 12 - 15 ท่านนี้ได้รับการตกแต่งอย่างดีในบรรยากาศของกลิ่นอายแบบญี่ปุ่น นั่นก็คือมีลวดลายวิจิตรงดงามบนฝาผนังที่ได้ช่างวาดรูปมีฝีมือมาสะบัดพู่กันให้เป็นรูปต้นซากุระที่แผ่กิ่งก้านสาขาเต็มพื้นที่ทั้งหมดของฝาผนังด้านใน ส่วนอีกด้านที่ติดกันนั้นมีรูปหญิงสาวชาวอาทิตย์อุทัยสองนางแต่งกายในชุดกิโมโนประจำชาติกำลังเดินอยู่ท่ามกลางดอกซากุระที่ร่วงโรยลงมาจากต้น ช่างดูสวยงามและอบอุ่นยิ่งนัก นับว่าภาพวาดเหล่านี้ได้ช่วยเพิ่มบรรยากาศในการรับประทานอาหารได้เป็นอย่างดี นอกจากรูปภาพที่สื่อสัญลักษณ์ประจำชาติของญี่ปุ่นแล้วทางร้านยังให้ลูกค้านั่งพื้นไม้ที่ยกระดับขึ้นมา ซึ่งมีโต๊ะไม้ขนาดใหญ่วางอยู่ตรงกลางห้อง แต่หากลูกค้าไม่สะดวกที่จะนั่งขัดสมาธิบนเบาะรองนั่งก็สามารถนั่งหย่อนขาลงไปใต้โต๊ะได้นับว่าทางร้านสามารถผสมผสานวัฒนธรรมของญี่ปุ่นได้อย่างลงตัวจนทำให้ลูกค้าลืมไปเลยว่ากำลังรับประทานอาหารอยู่ในโรงแรมหรูกลางใจเมืองหลวงมหานครแห่งหนึ่งของเอเชีย

?คุณยานั่งสะดวกไหมครับ? วิชญ์ถามไถ่ลูกน้องด้วยความใส่ใจเพราะกลัวว่าที่คุณแม่ที่ครรภ์ใหญ่มากแล้วจะนั่งไม่ถนัด

?ได้ค่ะ สบายมาก เพื่อ ?ซากุระ? แล้วถึงไหนถึงกันค่ะ? ว่าที่คุณแม่อารมณ์ดีเป็นพิเศษเพราะห้องอาหาร ?ซากุระ? ของโรงแรม ณ นิมมานรดีนั้นขึ้นชื่อมาก ลูกค้าต้องจองโต๊ะล่วงหน้ากันข้ามวันทีเดียว ถ้าไม่ใช่แขกวีไอพีตัวจริงระดับเจ้าของโรงแรมแล้วล่ะก็วันนี้คงไม่ได้รับประทาน

วิชญ์เลือกนั่งลงด้านในติดกับฝาผนังในตำแหน่งตรงกันข้ามกับพิชญธิดาพอดี กฤตธีและธีรวีร์นั่งติดกับนายตามลำดับ ส่วนอีกฟากก็มีพิชญธิดาและว่าที่คุณแม่คนสวยซึ่งดูเตรียมพร้อมกับ ?มื้อพิเศษ? อย่างเต็มที่

?คุณวิชญ์คะ? เมธปรียาทำเสียงจริงจังจนคนเป็นนายต้องตั้งใจฟังเป็นพิเศษเพราะคิดว่าเป็นเรื่องสำคัญ

?เอ่อ....วันนี้เรามาเลี้ยงต้อนรับน้องอัณณ์อย่างเดียวใช่ไหมคะ หวังว่าคุณวิชญ์คงไม่รวบยอดเหมาเลี้ยงส่งยาไปด้วยนะคะ ยาไม่ยอมจริง ๆ ด้วย? เมธปรียาพูดเล่นเพราะรู้ดีว่านายเป็นคนสนุกและไม่ถือตัว ยิ่งนอกเวลางานด้วยแล้ว วิชญ์แทบไม่มีช่องว่างระหว่างเจ้านายและลูกน้องเลย

?ไม่หรอกครับ เลี้ยงส่งคุณยาต้องมีแน่ ๆ แต่เอ...เราจะเลี้ยงไปทำไมล่ะครับ ในเมื่อคุณยาไม่ได้ลาออกซะหน่อย? เจ้านายหนุ่มสัพยอกกลับบ้าง ซึ่งก็เรียกวงค้อนจากว่าที่คุณแม่ได้เต็ม ๆ

?แหม....ใจร้ายจัง อย่างนี้เขาเรียกได้ใหม่แล้วลืมเก่านะคะ? เมธปรียาแกล้งทิ้งสายตาไปที่ ?ของใหม่? ที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ซึ่งเจ้าตัวถึงกับสะดุ้งแต่ก็ทำได้แค่พึมพำเบา ๆ ว่า

?เดี๋ยวเถอะ จะโทรไปฟ้องพี่ภูมิ คอยดูน่ะ?

?ได้ใหม่แล้วลืมเก่าอะไรครับคุณยา อย่าหาเรื่องมาให้ผมน่ะ เดี๋ยว ?ใคร ๆ? เขาจะเข้าใจผิดน่ะครับ? ใคร ๆ ที่ว่าได้แต่ก้มหน้าก้มตาเพราะไม่ต้องการให้ใครเห็นว่าเธอรู้สึกวูบวาบแค่ไหนกับคำพูด ?หมาหยอกไก่? ของคนตรงหน้า

?เอาล่ะค่ะ เข้าเรื่องสักทีดีกว่าไม่งั้นน้องอัณณ์คงได้มุดลงไปนั่งอยู่ใต้โต๊ะกันพอดี? เมธปรียายังไม่หยุดแหย่สาวน้อยข้าง ๆ ที่ใบหน้าแดงแจ๋ลามไปจนถึงใบหูแล้ว

?คุณวิชญ์คะยาว่ายาจะขอลาคลอดเลยตั้งแต่วันจันทร์หน้านะคะ ช่วงนี้ยาง่วงนอนแทบจะทั้งวัน แถมเดินเหินไม่ค่อยจะไหวแล้วล่ะค่ะ และเท่าที่ได้สอนงานน้องอัณณ์วันนี้ ยาว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไร น้องเขาเก่งเรียนรู้งานได้เร็วมากค่ะ? ว่าที่คุณแม่หันไปยิ้มให้รุ่นน้องคนเก่ง

?ถ้าคุณยาคิดว่าไม่มีปัญหา ผมก็ไม่มีปัญหาครับ แล้วคุณอัณณ์ล่ะครับมีปัญหาอะไรหรือเปล่า? วิชญ์สบโอกาสชวนหญิงสาวคุยฆ่าเวลาระหว่างรออาหารที่สั่ง

?เอ่อ...ยังไม่มีปัญหาอะไรค่ะ? พิชญธิดาตอบไปตามความจริงแต่ก็ไม่กล้าสบตากับคนตรงหน้า เพราะตั้งแต่ลงลิฟต์มาจากชั้น 22 ด้วยกันเธอก็รู้สึก ?แปลก ๆ? ตามสัญชาตญาณของคนที่เคยถูก ?จีบ? มาบ้าง ก็จะไม่ให้รู้สึกแปลก ๆ ได้ยังไงในเมื่อพ่อเจ้าประคุณเล่นจ้องวงหน้าหวานไม่วางตา ทั้ง ๆ ที่เธอพยายามยืนหันหลังให้ตลอดเวลาแต่วิชญ์ก็ยังส่งสายตาหวานเชื่อมมายังเงาสะท้อนบนประตูลิฟต์ พิชญธิดารู้สึกประหม่าพิกลเพราะสายตาที่เขามองมานั้นเหมือนสายตาของราชสีห์ที่กำลังจะเข้าขย้ำลูกแกะน้อยอย่างเธอไม่มีผิด

?เอ....แต่ผมได้ยินคุณอัณณ์บ่นว่างานเยอะนะครับนาย? ธีรวีร์ที่แกล้งฟ้องเจ้านายเลยโดนสาวน้อยฝั่งตรงกันข้ามทำแก้มป่องพร้อมถลึงตาใส่โทษฐานที่เอาเรื่องของเธอมาฟ้องนาย อาการดังกล่าวของเธอทำให้วิชญ์รู้สึกว่าพิชญธิดาช่างเป็นคนที่อ่านนิสัยได้ง่ายเพราะแม่เจ้าประคุณแสดงอารมณ์ออกมาอย่างเปิดเผยไม่มีปิดบังเลยสักนิด

?จริงเหรอครับคุณอัณณ์? วิชญ์พยายามให้สาวน้อยตรงหน้าหันมาสบตากับเขาแทนธีรวีร์ ?นี่ยังไม่ได้ลงมือทำอะไรจริง ๆ จัง ๆ เลย คุณก็กลัวผมซะแล้ว เวลาผมเอาจริงขึ้นมา คุณไม่แย่ไปกว่านี้หรือครับ?

?เอ่อ....ก็เยอะกว่าที่เก่าน่ะค่ะ? พิชญธิดาตอบด้วยความสัตย์จริงโดยไม่ได้หันมามองหน้าผู้ฟังเลย หญิงสาวยังคงจ้องหน้าธีรวีร์แทนแล้วจึงพูดตอกกลับไปว่า

?แล้วที่อัณณ์พูดเมื่อเช้านะคะ เขาเรียกว่าเปรยนะคะคุณวีร์ ?ไม่ใช่บ่น? กรุณาเข้าใจใหม่ซะด้วยนะคะ? ธีรวีร์ที่ไม่ทันตั้งตัวถึงกับออกอาการเหวอเพราะไม่นึกว่าหญิงสาวจะกล้าสวนกลับทันทีทันใดและก็ต่อหน้าเจ้านายซะด้วย

?ฮ่า ฮ่า ฮ่า สะใจมากครับคุณอัณณ์ มันต้องอย่างนี้แหละครับ ถึงจะสมน้ำสมเนื้อกัน? เสียงหัวเราะดังก้องห้องวีไอพีของกฤตธีที่พอจะรู้จักความแสบของพิชญธิดามาบ้างแล้วจากประสบการณ์ ?คุณกฤตเฉย ๆ? เขาจึงไม่แปลกใจเลยที่เห็นหญิงสาววัยเบญจเพสปล่อยหมัดฮุกเข้าใส่ธีรวีร์อย่างจัง แต่บอดี้การ์ดหมายเลขหนึ่งก็หัวเราะได้ไม่นานเพราะถูกเจ้านายที่นั่งอยู่ทางซ้ายมือกระทุ้งสีข้างดัง ?พลั่ก? จนจุก เพราะไม่ถูกใจกับวลีที่ว่า ?สมน้ำสมเนื้อกัน? นั่นเอง พอนึกขึ้นได้ว่าพูดอะไรพลาดออกไปกฤตธีจึงหันไปขอโทษนายด้วยการกระซิบเบา ๆ เพียงได้ยินกันแค่สองคนว่า

?โทษทีครับนายที่ผมไม่รู้จักคิดก่อนพูดให้ดี ผมไม่น่าลืมไปเล้ย...ย ว่าระดับคุณอัณณ์นั้นต้อง ?สมน้ำสมเนื้อ? กับใครถึงจะเหมาะ? วิชญ์ยิ้มมุมปากเพราะคราวนี้กฤตธีพูดได้ถูกใจ ?จะเป็นใครไปได้อีกเล่า?

?เอาเป็นว่าถ้าทำไม่ไหวยังไงก็บอกผมนะครับ ?ไม่ต้องกลัว? ผมไม่ดุหรอก? วิชญ์สื่อให้หญิงสาวทราบความนัย และคงไม่ใช่พิชญธิดาเพียงคนเดียวที่รับรู้สารนั้น เพราะทั้งกฤตธี ธีรวีร์ และเมธปรียาต่างพร้อมใจกันกระแอมขึ้นมาโดยไม่ได้นัดหมาย

?ฮะแฮ่ม ๆ อาหารมาช้าจังเลยนะคุณกฤต คุณวีร์ แต่สงสัยนายจะไม่หิวแล้วมั้งค่ะเพราะทานน้ำตาลซะเต็มที่ขนาดนี้? เมธปรียาที่ดูออกว่านายคงกำลังขายขนมจีบให้กับรุ่นน้องคนสวยของเธออยู่จึงแกล้งเบรคนายเพราะสงสารสาวน้อยข้าง ๆ ที่ยังใสซื่ออ่อนต่อโลกมากนัก พิชญธิดาคงตามเกมของเจ้านายหนุ่มผู้มีประสบการณ์ด้านความรัก (ไม่แท้) ระดับปรมาจารย์ไม่ทันแน่ ๆ ถึงแม้สำหรับเมธปรียาแล้วทั้งคู่ดูจะเหมาะสมกันมากโดยเฉพาะรูปร่างหน้าตาที่ดูเหมาะเจาะลงตัวเพราะทั้งสวยและหล่อ คนหนึ่งมีความเป็นผู้นำส่วนอีกคนก็อ่อนหวานเป็นผู้ตามที่ดี แต่เธอก็ยังไม่ไว้วางใจเจ้านายหนุ่มจอมเจ้าชู้นัก พิชญธิดาเป็นรุ่นน้องที่น่ารักและมีน้ำใจเธอทำให้คนรอบข้างมีความสุขด้วยความสดใสและความเอ๋อเหลอของเธออยู่เสมอ ส่วนนายของเธอนั้นแทบไม่ต้องพูดถึงในเมื่อใคร ๆ ก็รู้ว่าสุดแสนจะเพอร์เฟ็คในทุก ๆ ด้าน แต่ถึงแม้ทั้งคู่จะเหมาะสมกันราวกับกิ่งทองใบหยกปานใดก็ตามมันก็ยังมีปัญหาให้ต้องขบคิดและแก้ไขอยู่ดี ไอ้ปัญหาที่ว่าก็คือนายของเธอนี่สิยังมี ?คดี? ที่ต้องสะสางอีกเยอะ เธอเลยไม่แน่ใจว่าจะเชียร์ทั้งคู่ให้รักกันดีไหมเพราะกลัวว่าหากนายไม่ได้คิดจริงจังกับพิชญธิดาเหมือนกับคู่ควงคนก่อนๆ ที่ผ่าน ๆ มาและที่ยังคั่วกันอยู่อีกหลายคนแล้วล่ะก็รุ่นน้องของเธอคนนี้คงต้องน้ำตาตกในเป็นแน่แท้ซึ่งเป็นสิ่งที่เธอไม่อยากให้เกิดขึ้นกับสาวน้อยหน้าใสตรงหน้าเลย เธอรักและเอ็นดูพิชญธิดามากเลยไม่อยากเห็นพิชญธิดาต้องมาเจ็บปวดกับความรักที่ไม่สมหวัง แต่เธอจะช่วยอะไรได้ล่ะ เพราะหากคุณวิชญ์อยากได้อะไรแล้วล่ะก็ไม่เคยมีคำว่าผิดหวังตามมาสักครั้ง สงสัยเธอคงต้องทำใจ ?ปล่อยปลาย่างไว้กับแมว? ไปก่อนในระหว่างที่เธอลาคลอด เมธปรียาได้แต่หวังว่าในช่วงนั้นพิชญธิดาจะใจแข็งพอไม่พลาดท่าไปตกหลุมเสน่ห์ของเจ้านายเธอไปซะก่อน

ไม่ทันที่วิชญ์จะได้แก้ตัวใด ๆ ทั้งสิ้น ประตูบานไม้กรุกระดาษที่เปิดโดยการเลื่อนไปด้านข้างตามสไตล์ของญี่ปุ่นก็ถูกเลื่อนเปิดออก พนักงานเสิร์ฟหญิงถึงสามคนที่แต่งกายด้วยชุดกิโมโนเพื่อสร้างสีสันให้กับบรรยากาศของทางร้านก็เดินเข่าเข้ามาพร้อมถาดอาหารในมือซึ่งมีมากมายหลายชนิดและหน้าตาน่ารับประทานทั้งนั้น

?อาริกาโตะโกไซมัส? กฤตธีรีบหยอดคำหวานตามประสาพวกเจ้าชู้ไก่แจ้ที่เห็นผู้หญิงน่ารัก ๆ เป็นไม่ได้ เขาตั้งใจพูดคำภาษาญี่ปุ่นที่แปลว่าขอบคุณ

?ด้วยความยินดีค่ะ? สาว ๆ พนักงานเสิร์ฟตอบกลับด้วยภาษาแม่เพราะรู้ว่าแขกวีไอพีทุกคนในห้องนี้เป็นคนไทยแท้ ร้อยเปอร์เซ็นต์จึงไม่เห็นความจำเป็นที่ต้อง ?กระแดะ? พูดภาษาญี่ปุ่นแบบที่กฤตธีอวดภูมิ

?แหม ทำไมไม่พูดญี่ปุ่นล่ะครับ ใจร้ายจังหักหน้าผมซะได้? พิชญธิดาแอบก้มหน้าขำอาการขี้งอนของบอดี้การ์ดหนุ่มที่ดูยังไงก็ไม่เข้ากันกับหน้าคมเข้มและร่างกายกำยำล่ำสัน

?แล้วถ้าเขาพูดกลับมา แกจะฟังรู้เรื่องหรือวะไอ้กฤต? ธีรวีร์ได้ทีที่จะเอาคืนจึงอดเหน็บแนมไม่ได้เพราะเขารู้ดีว่า กฤตธีพูดญี่ปุ่นได้เพียงไม่กี่คำ ก็ตอนที่ต้องติดตามนายไปประชุมที่ญี่ปุ่นเมื่อหลายเดือนก่อน เจ้านี่มันยังต้องอาศัยล่ามช่วยพูดช่วยแปลในทุกเรื่องอยู่เลย

?ไม่ขัดสักเรื่องจะได้ไหมวะไอ้วีร์? กฤตธีแกล้งตบหลังธีรวีร์เพื่อลดอาการหน้าแตกของตน การหยอกล้อแกมกัดทึ้งของคนทั้งคู่ช่วยทำให้บรรยากาศของการรับประทานมื้อเที่ยงในวันนั้นเป็นไปอย่างสนุกสนานครื้นเครง

มื้อนี้นอกจากเจ้านายหนุ่มหล่อจะอาสาเป็นเจ้ามือแล้ว เขายังดูแลเทคแคร์เลขาฯทั้งสองเป็นอย่างดี วิชญ์ตักอาหารให้ทั้งสองสาวอย่างทั่วถึง เขาไม่ได้เอาอกเอาใจแต่พิชญธิดาเพื่อเร่งทำคะแนนจนดูน่าเกลียดหรือสร้างความอึดอัดใจให้กับเจ้าตัวเลย สิ่งที่เขาปฏิบัติต่อหญิงสาวทั้งคู่นั้นดูเป็นมารยาทที่ชายหนุ่มทั้งหลายพึงกระทำต่อหญิงสาวร่วมโต๊ะ

เมื่อรับประทานอาหารผ่านไปได้สักครู่ใหญ่ ๆ ก็มีเสียงเพลงดังขึ้น เป็นเพลงฮิตที่ใคร ๆ ก็รู้ดีว่าเป็นผลงานชิ้นโบว์แดงของนักร้องหนุ่มคนหนึ่งที่มีหน้าตาน่ารักซึ่งกำลังมาแรงแซงทางโค้งและเป็นที่รู้จักดีในวงการบันเทิงไทยในขณะนี้ เสียงเพลงดังกล่าวทำให้ทุกคนหยุดชะงักกับการรับประทานอาหารไปชั่วขณะหนึ่ง เพราะอยากรู้ที่มาของเสียง

***?อ่านปากของฉันนะว่า......อยากจะพูดอีกครั้งว่า.....และจะเป็นอย่างนี้กับเธอไม่ว่านานสักเท่าไหร่ ไม่ต้องกลัวว่าฉันจะรักใคร ไม่ต้องห่วงว่าฉันเปลี่ยนหัวใจ ฉันจะเป็นอย่างนี้ จะ.....ตลอดไป? ทันทีที่ได้ยินเสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้น พิชญธิดาก็รีบวางตะเกียบคู่ใจลงแทบทันทีแล้วรีบค้นในกระเป๋าสะพายเพื่อหยิบมือถือออกมา เธอรีบกดรับสัญญาณเพื่อต้องการให้เพลงเรียกเข้าหยุดส่งเสียงรบกวนเพื่อนร่วมโต๊ะ แล้วหันไปขออนุญาตเพื่อนร่วมโต๊ะทั้งสี่ตามมารยาทเพื่อลุกไปคุยโทรศัพท์นอกห้อง พิชญธิดาทันได้สบสายตากับเจ้านายหนุ่มที่นอกจากจะรู้สึกขัดหูขัดตากับเพลงเรียกเข้าของเธอแล้ว ยังแอบสงสัยอีกว่า ?ใครวะที่โทรมาขัดจังหวะ เขากำลังนั่งมองเธอเจริญอาหารอยู่อย่างมีความสุขอยู่เชียว ไม่น่าเชื่อหุ่นยังกับนางแบบแต่ทานจุไม่ใช่เล่น?
***เพลงรักเธอ ศิลปิน : โต๋ ศักดิ์สิทธิ์ เวชสุภาพร***

?ขอตัวสักครู่นะคะ? พิชญธิดาลุกขึ้นจากโต๊ะและก่อนที่เธอจะเลื่อนประตูปิดสนิทลงทุกคนในห้องวีไอพีต่างก็ได้ยินเสียงเธอพูดกับคู่สนทนาปลายทางว่า

?ว่าไงจ๊ะปรัชญ์ มีอะไรหรือเปล่า อ๋อ...คุยได้จ๊ะ? ไม่น่าเชื่อเพียงคำพูดไม่กี่ประโยคของพิชญธิดานั้นจะทำให้วิชญ์เปลี่ยนสีหน้าจากระรื่นไปเป็นบึ้งตึงได้ในทันที และคนที่สังเกตเห็นได้ชัดที่สุดก็คือว่าที่คุณแม่ที่นั่งฝั่งตรงกันข้ามกับเขานั่นเอง ?อ้าว...เป็นอะไรไปอีกล่ะนาย? เจ้านายหนุ่มที่อ่านสายตาของเลขาฯออก จึงตัดสินใจโพล่งถามออกไปเพื่อให้หายข้องใจว่า

?คุณยา คุณวรปรัชญ์อะไรนี่ เขาคบกับคุณอัณณ์มานานแล้วหรือครับ? เสียงถามอย่างห้วน ๆ ที่ผู้ฟังพอจะรู้ว่าผู้พูดคงไม่ถูกใจอะไรสักอย่างและพอได้เห็นคิ้วที่ขมวดของเจ้านายหนุ่มที่กำลังจะผูกโบว์ได้อยู่แล้วนั้น เมธปรียาก็รู้แจ้งในบัดดล ?อะไรวะนาย กับกระเทยก็ยังหึง ถ้าจะเป็นเอามาก เฮ้อ...แต่ก็ดี คราวนี้ลูกขอภาวนาให้คุณวิชญ์เอาจริงกะน้องอัณณ์ทีเถอะ อย่าคิดแค่เล่น ๆ สนุก ๆ เลย?

?น้องอัณณ์เขาคบกับเจ้าปรัชญ์มาตั้งแต่เรียนมัธยมแล้วล่ะค่ะ แต่มาตัวติดหนึบกันยังกับตังเมก็ตอนที่เรียนที่คณะด้วยกัน เพราะเลือกเรียนทั้งเอกและโทเหมือนกันเด๊ะ เลยได้รับฉายาไปว่า ?ปาท่องโก๋สองรส? เพราะคนหนึ่งก็เปรี้ยวได้ใจ ส่วนอีกคนก็หวานซะ?

จากคำพูดของเมธปรียานั้นทำให้วิชญ์ กฤตธี และธีรวีร์ต่างเข้าใจว่า ?ไอ้คนที่หวานซะ? คงไม่ใช่ใครอื่น คงเป็นแฟนหนุ่มของหญิงสาวที่คงพยายามเอาอกเอาใจแฟนสาวจนน้ำตาลเรียกพี่ แต่ที่พวกเขายังแปลกใจและไม่อยากเชื่อก็ คือ ผู้หญิงอย่างพิชญธิดานี่นะจะ ?เปรี้ยวได้ใจ? เพราะดูยังไงบุคลิกของพิชญธิดาก็ไม่น่าจะเข้ากับวลีดังกล่าวสักเท่าไรเลย แค่โดนวิชญ์และเมธปรียาหยอกนิดหยอกหน่อยก็อายจนหน้าแดงจนจะเป็นตำลึงสุกอยู่แล้ว

?แล้วเขารักกันมากหรือครับ? กฤตธีช่วยถามแทนนาย เพราะท่าทางนายตอนนี้คงคิดอะไรไม่ออกแล้ว ยิ่งรู้แน่ชัดว่าเธอมีเจ้าของแล้ว คนอย่างวิชญ์ นิมมานรดี ที่ไม่เคยสิ้นไร้ไม้ตอกเรื่องผู้หญิงคงจะตัดใจในทันที

?คิดว่ารักกันมากนะคะ คงตายแทนกันได้เลยล่ะค่ะ? เมธปรียาที่พอจะเดาสถานการณ์ออก จึงแกล้งทำไม่รู้ไม่ชี้พูดความจริงไม่ทั้งหมดเพื่อรอดูอาการของนายให้แน่ใจเสียก่อนที่จะเฉลยต่อไป ?ลองแกล้งลองใจนายดูสักตั้ง ดูว่าจะตั้งใจจริงกับน้องอัณณ์สักแค่ไหนกัน?

เมธปรียาลอบยิ้มเมื่อเห็นนายขบกรามแน่นจนนูนขึ้นเป็นสันชัดเจน เธอไม่เคยได้เห็นอาการ ?หึง? แบบนี้จากนายเลยสักครั้ง ที่ผ่านมาหากนายรู้ว่าหญิงสาวที่หมายปองมีเจ้าของแล้วล่ะก็ นายก็จะถอยออกมาโดยไม่เคยรู้สึกเสียดงเสียดายอะไรกับเขาเลย เพราะนายเคยแกล้งเปรยให้ได้ยินว่า ?ผู้หญิงไม่ไร้เท่าใบพุทรา ยังไม่ตายก็หาใหม่ได้เสมอ? และทุกวันนี้นายก็ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าสิ่งที่นายพูดนั้นเป็นความจริง เพราะทั้งตัวเธอเองและบอดี้การ์ดทั้งสองจะต้องคอยสับรางรถไฟให้กับนายอยู่บ่อยๆ แล้ว ในบางครั้งยังต้องจัดการ ?เขี่ยทิ้ง? ให้อีกด้วย เธอจึงรู้สึกแปลกใจในท่าทีของนายที่มีต่อรุ่นน้องคนสวย แต่เมธปรียาก็ยังไม่ทันได้เริ่มการทดสอบใด ๆ ทั้งสิ้น ประตูบานเลื่อนก็แง้มออกเพียงเล็กน้อยทำให้บุคคลที่อยู่ในห้องต่างจ้องมองไปที่ประตูบานเลื่อนอย่างพร้อมเพรียงกัน พิชญธิดาที่ยังไม่ทันกดวางสายยังคงเจื้อยแจ้วกับคู่สนทนาคนสำคัญต่อ จึงทำให้ทุกคนได้ยินเสียงสั่งลาของหญิงสาวว่า

?จ๊ะ อัณณ์ดูแลตัวเองได้ ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก ขับรถดี ๆ น่ะ เทคแคร์ตัวเองน่ะปรัชญ์ ไปถึงแล้วก็อย่าลืมโทรมาบอกบ้างล่ะ บ้าย บายจ๊ะ? เมื่อสิ้นเสียงของเธอ ประตูบานเลื่อนก็เปิดกว้างออกพร้อมร่างของพิชญธิดาที่กำลังจะก้าวเข้ามานั่งประจำที่

?ปรัชญ์โทรมาหรืออัณณ์? เมธปรียาจำต้องถามออกไปทั้ง ๆ ที่รู้คำตอบดีอยู่แล้ว เพราะเธอต้องการทำลายความเงียบที่ทำให้บรรยากาศตอนนี้ดูอึดอัดและต้องการทดสอบอาการของเจ้านายหนุ่มต่ออีกสักนิด เธอจะอยู่ทำงานอีกเพียงสามวันเท่านั้นวิธีไหนที่พอจะช่วยพิชญธิดาให้รอดปากเหยี่ยวปากกาได้แล้วล่ะก็เธอต้องรีบลงมือทำ

?ค่ะ ปรัชญ์เขาโทรมาบอกอัณณ์ว่าให้ช่วยแจ้งครูสอนแจ๊สซ์น่ะค่ะว่าวันนี้เขาคงเข้ามาเรียนเต้นไม่ได้ เพราะต้องไปต่างจังหวัดกับพรรคพวกที่ทำงาน? สิ่งที่พิชญธิดาอธิบายให้รุ่นพี่ฟังนั้นยิ่งสร้างความแปลกประหลาดใจให้กับหนุ่มแท้ทั้งแท่งทั้งสามคนในห้องวีไอพี ?ผู้ชายอะไรวะเรียนเต้นแจ๊สซ์?

?อ้าว แล้วเย็นนี้อัณณ์ยังจะไปออกกำลังกายอยู่อีกไหมจ๊ะ? เมธปรียาที่รู้ดีว่าพิชญธิดารักการออกกำลังกายมาก เพราะนอกจากจะได้คลายเครียดและรักษารูปร่างให้ดูดีอยู่เสมอแล้ว การออกกำลังกายยังช่วยให้หญิงสาวรับประทานทุกอย่างได้อย่างตามใจปาก พิชญธิดาเคยบอกเธอว่า ?คนเราจะไม่อ้วนหรอกค่ะพี่ยา หากทานไปเท่าไรก็เอาออกให้ได้เท่ากัน อย่าให้มันเหลือสะสมไว้ในร่างกาย?

?เอ่อ....อัณณ์ยังไม่แน่ใจเลยค่ะ ไม่ค่อยอยากกลับดึก ๆ คนเดียวหรอกค่ะ แต่วันนี้มีคลาสโยคะที่อัณณ์ชอบซะด้วยสิคะ? พิชญธิดายังลังเลไม่รู้ว่าจะเอาอย่างไรดี

?คุณอัณณ์ออกกำลังกายที่ไหนล่ะครับ เผื่อจะเป็นที่เดียวกับผม ผมจะได้ไปส่งที่บ้าน? วิชญ์จำเป็นต้องพูดโกหกเรื่องการออกกำลังกาย เพราะอันที่จริงแล้วนั้นเขามีห้องออกกำลังกายส่วนตัวที่มีเครื่องออกกำลังกายอย่างครบครันอยู่แล้วที่คอนโดหรูซึ่งชายหนุ่มใช้เป็นที่พักเสียส่วนใหญ่มากกว่าการกลับไปนอนที่คฤหาสน์ย่านชานเมือง จึงไม่มีความจำเป็นที่เศรษฐีระดับเขาจะต้องไปเป็นสมาชิกของคลับไหน ๆ แต่ที่เขารีบเสนอตัวไปส่งหญิงสาวนั้นเพราะไม่อยากให้หญิงสาวต้องเดินทางกลับบ้านคนเดียวในยามค่ำคืน เขารู้สึกเป็นห่วงความปลอดภัยของเธอด้วยความบริสุทธิ์ใจ

?ไม่เป็นไรค่ะ เกรงใจคุณวิชญ์แย่เลย วันนี้อัณณ์ไม่เล่นโยคะก็ได้ค่ะ งดสักวันคงไม่เป็นไรมั้งค่ะ งั้นมื้อนี้อัณณ์คงไม่รับของหวานแล้วล่ะค่ะ เดี๋ยวอ้วนแย่เลย? พิชญธิดารีบหาทางออกเพื่อความสบายใจของทุกฝ่ายโดยการเปลี่ยนห้วข้อสนทนา

?อ้วนขึ้นอีกสักนิดก็ดีน่ะครับ เพราะคุณอัณณ์เป็นคนสูง ยังไงก็ดูไม่อ้วนตันหรอกครับ ใช่ไหมครับนาย? กฤตธีช่วยเปลี่ยนประเด็นอีกคนแต่ก็ไม่วายเปิดโอกาสให้กับนาย

?ว่าไม่ได้น่ะค่ะคุณกฤต ผู้หญิงเราน่ะ พอถึงช่วงหนึ่งมันก็จะอ้วนขึ้นเอง ดูอย่างยาเป็นตัวอย่างสิค่ะ กลมบ็อกซะขนาดนี้? เมธปรียาพูดติดตลกทำให้บรรยากาศสนุกสนานกลับมาอีกครั้ง

เมื่อทุกคนต่างอิ่มหนำสำราญกันถ้วนหน้าแล้วก็ถึงเวลาที่ต้องกลับไปทำงาน เมธปรียาจึงขอตัวไปเข้าห้องน้ำก่อนตามประสาว่าที่คุณแม่ท้องแก่ที่ต้องเข้าห้องน้ำบ่อย ๆ พิชญธิดาจึงได้โอกาสกล่าวขอบคุณเจ้านายหนุ่มที่อุตส่าห์มีน้ำใจเลี้ยงต้อนรับเธอเข้าทำงาน ซึ่งวิชญ์ก็บอกเพียงว่า ?ด้วยความเต็มใจอย่างยิ่ง? เมื่อเมธปรียากลับมาจากห้องน้ำแล้วทั้งหมดจึงขึ้นลิฟต์กลับไปยังชั้น 22

************************

พิชญธิดาสามารถเรียนรู้งานจากเมธปรียาในเวลาอันจำกัดได้อย่างครบถ้วน ซึ่งสร้างความพึงพอใจได้เป็นอย่างดีให้ทั้งเมธปรียาที่จะลาคลอดได้อย่างหมดห่วงและรวมทั้งเจ้านายหนุ่มอย่างวิชญ์ พิชญธิดาพบว่าหากคนเรามีความตั้งใจจริงในการทำอะไรแล้วก็ตาม ความสำเร็จก็ไม่ไกลเกินเอื้อมเลยสักนิดยิ่งได้บวกกับความพยายามในการทำงานให้เป็นระบบระเบียบแบบแผนตามมาตรฐานที่เขาให้มาแล้วก็ไม่มีอะไรที่ยุ่งยากเกินกำลัง

ในช่วงสองวันสุดท้ายก่อนลาคลอดของเมธปรียานั้น เธอได้ให้พิชญธิดาเข้าไปจดบันทึกการประชุมเพียงลำพังเพื่อฝึกฝนการทำงานไปในตัว พิชญธิดาจึงค้นพบว่าในเวลาทำงานนั้นเจ้านายหนุ่มวัย 29 ปีของเธอนั้นตั้งใจทำงานอย่างจริงจังจนลบมาดหนุ่มหล่อเจ้าเสน่ห์ที่มีลีลาคาสโนว่าไม่เป็นสองรองใครไปได้จนหมด วิชญ์มีมุมมองที่ฉลาดและรอบคอบสมกับเป็นผู้บริหารระดับสูง นอกจากนั้นการให้เกียรติและรับฟังความคิดเห็นของเพื่อนร่วมงานก็เป็นอีกคุณลักษณะหนึ่งที่ทำให้ลูกน้องทำงานกับเขาได้อย่างสบายใจ พิชญธิดาจึงไม่แปลกใจเลยที่พบว่าเจ้านายอย่างเขาจะมีลูกน้องที่รักใคร่และชื่นชมอยู่เป็นจำนวนมาก วิชญ์ไม่ได้ทำให้พนักงานรักเขาเท่านั้น แต่เขากลับทำให้พนักงานรักงานที่ทำได้อีกด้วย ?นี่เองที่เขาเรียกว่ามืออาชีพ มิน่าล่ะถึงประสพความสำเร็จตั้งแต่วัยเพียง 26 ปี?

************************

ส่วนความสัมพันธ์ของวิชญ์และพิชญธิดาก็ไม่ได้คืบหน้าอะไรมากนัก เพราะฝ่ายชายตระหนักดีว่าฝ่ายหญิงมีคนรักอยู่แล้ว เขาไม่อยากได้ชื่อว่าเป็นมือที่สามของใครยิ่งได้เห็นอาการเอาอกเอาใจของวรปรัชญ์ที่อุตส่าห์มารับพิชญธิดาถึงที่ทำงานแทบทุกวันแล้วเขายิ่งถอดใจทั้ง ๆ ที่พบว่าตัวเองอยากพัฒนาความสัมพันธ์กับหญิงสาวมากเพียงใด เขาไม่เคยรู้สึกจริงจังกับใครมากเท่านี้มาก่อน กฤตธีและธีรวีร์สองกุนซือรู้ใจต่างให้เหตุผลว่าเจ้านายแพ้ความน่ารักใสซื่อของพิชญธิดาเข้าแล้ว พิชญธิดาเป็นผู้หญิงที่มีเสน่ห์แต่ไม่เคยนำเสน่ห์ที่มีมาเป็นเครื่องมือหลอกล่อผู้ชาย เธอแตกต่างจากผู้หญิงทุกคนที่ได้รู้จักกับวิชญ์ เพราะหญิงสาวเหล่านั้นต่างพุ่งเข้าใส่วิชญ์ทันทีที่ทราบว่าเขาเป็นใคร แต่พิชญธิดากลับยิ่งถอยห่างออกไปจนทำให้วิชญ์แทบหมดความมั่นใจในตัวเองที่เคยมี

สำหรับพิชญธิดานั้นยิ่งได้ทำงานใกล้ชิดกับวิชญ์ นิมมานรดี เธอเองก็ยิ่งรู้สึกดีกับเขา รู้สึกดีจนที่เธอเองก็ไม่แน่ใจว่ามันจะใช่ ?ความรู้สึกที่เรียกได้ว่าพิเศษ? หรือเปล่า เธอยังไม่สามารถตอบคำถามของตัวเองได้ เธอจึงอยากให้ตัวเองได้ใช้เวลาในการตัดสินใจกับความรู้สึกที่เพิ่งเกิดขึ้นเป็นครั้งแรกของชีวิต พิชญธิดาจึงลองปิดกั้นตัวเองเพื่อพิสูจน์ว่าความรู้สึกที่มีต่อเขานั้นไม่ใช่สิ่งฉาบฉวยที่เกิดขึ้นจากการหลงใหลในรูปกายภายนอกเท่านั้น

************************

เมื่อมาถึงวันสุดท้ายของการทำงานของเมธปรียา วิชญ์จึงแจ้งแก่ว่าที่คุณแม่ว่าเขาจะเป็นเจ้ามือเลี้ยงส่งให้ในตอนเย็นของวันนี้ และขอเชิญณัฐภูมิสามีของเมธปรียามาร่วมงานเลี้ยงส่งของภรรยาสาวด้วย วิชญ์ยังอนุญาตให้เมธปรียาเป็นคนเลือกสถานที่และให้กลับบ้านไปเตรียมตัวสำหรับงานเลี้ยงได้ตั้งแต่บ่ายสามโมงแล้วค่อยมาพบกันในเวลานัด คือ หนึ่งทุ่มตรง ที่ร้านอาหารไทยแห่งหนึ่งในย่านชานเมืองซึ่งไม่ไกลจากบ้านของเมธปรียามากนัก

ในช่วงบ่ายของวันนั้นวิชญ์จึงเอ่ยปากชวนพิชญธิดาให้ไปช่วยเลือกซื้อของขวัญให้กับเมธปรียาด้วยกัน เพราะเขาไม่ถนัดในเรื่องพวกนี้ พิชญธิดาตอบรับด้วยความเต็มใจเพราะมันเป็นหน้าที่หนึ่งของเลขาฯที่ดีที่มักต้องเตรียมของขวัญในโอกาสต่าง ๆ ให้กับเจ้านาย และยิ่งต้องเตรียมให้กับว่าที่คุณแม่ที่เป็นเพื่อนรุ่นพี่ที่แสนดีอย่างเมธปรียาด้วยแล้ว พิชญธิดาจึงเต็มใจช่วยเป็นพิเศษ

เมื่อมาถึงห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง บุคคลทั้งสี่อันประกอบไปด้วยเจ้านายหนุ่ม เลขาฯสาว และบอดี้การ์ดไซส์ยักษ์อีกสองคนก็ยกขบวนกันไปที่แผนกเครื่องใช้เด็กอ่อนของห้าง วิชญ์และอีกสองหนุ่มถึงกับทึ่งในความเจริญก้าวหน้าของเทคโนโลยีในปัจจุบันที่สามารถผลิตเครื่องใช้ไม้สอยต่าง ๆ ในการช่วยเลี้ยงดูเด็กได้มากมายมหาศาลจนแทบกินพื้นที่ทั้งชั้นของห้าง หากให้พวกเขามาเลือกซื้อกันเองนั้นคงเลือกไม่ถูกว่าจะซื้ออะไรดี เพราะสินค้าบางอย่างนั้นพวกหนุ่ม ๆ ทั้งสามแทบไม่ทราบด้วยซ้ำว่าใช้ทำประโยชน์อะไรได้บ้าง จะว่าพวกเขาเป็นคนตกยุคในเรื่องนี้ก็ได้เพราะพวกเขาไม่เคยได้มาเลือกซื้อสินค้าเด็กอ่อนมาก่อน เมื่อก่อนหากมีพนักงานคนไหนคลอดลูก เมธปรียาก็จะจัดการเป็นธุระให้เสร็จสรรพ แต่คราวนี้เมื่อถึงตาของเมธปรียาเอง วิชญ์จึงต้องมาด้วยตนเองเพราะเมธปรียาเลขาฯคนเก่งของเขานั้นได้ชื่อว่าทำงานที่นี่มานาน และเธอก็เป็นลูกน้องเขาโดยตรงเสียด้วย

?โอ้โห นี่มันอะไรกันครับ ผมนึกว่าเราจะมาเจอแค่ผ้าอ้อม เสื้อผ้าเด็ก เตียงนอนเด็ก หรือไม่ก็รถเข็น หรือกระถงกระโถนอะไรเทือกนั้นซะอีก? กฤตธีที่ไม่สามารถเก็บอาการตะลึงในความสามารถของมนุษย์เราได้จึงเป็นคนแรกที่เปิดปากระบายความในใจออกมา

?นั่นนะซิ แล้วนี่เราจะซื้ออะไรให้ลูกคุณยากันดีล่ะครับนาย? ธีรวีร์เองก็อดทึ่งไม่ได้เช่นกัน

?ฉันถึงต้องชวนคุณอัณณ์มาไงล่ะวะ หากใช้พวกแกมาซื้อคงไม่ได้เรื่อง? วิชญ์เย้าแหย่ลูกน้องทั้ง ๆ ที่ตัวเขาเองก็อดประหลาดใจไม่ได้ว่าเด็กเล็ก ๆ จำเป็นต้องใช้ของพวกนี้ด้วยหรือ ทำไมเขาจึงโตมาได้ทั้ง ๆ ที่ไม่เคยสัมผัสของเหล่านี้เลย เช่น ยางกัดรูปสัตว์ต่าง ๆ สำหรับให้เด็กที่ฟันน้ำนมเพิ่งขึ้นได้ใช้บริหารเหงือกและฟัน ขวดนมรูปร่างแตกต่างจากสมัยที่เขาใช้เมื่อตอนเป็นเด็ก ๆ ซึ่งอันหลังนี้แม่เลขาฯคนเก่งพิชญธิดาผู้รอบรู้เรื่องเด็กได้ช่วยอธิบายว่า ?ทางการแพทย์พบว่าขวดนมรูปร่างโค้งงอจะช่วยให้เด็กดูดนมได้สะดวกกว่าขวดตรง ๆ เพราะแรงอัดที่มีมากกว่าขวดแบบที่พวกเขาเคยใช้ในสมัยเด็ก? และที่พวกเขาไม่เคยทราบมาก่อนว่ามีเจ้าสิ่งนี้อยู่ในโลกใบนี้ก็คือ เครื่องปั๊มน้ำนมของแม่ แต่อันนี้พิชญธิดาไม่ยอมอธิบายอะไรเลย เธอรีบจ้ำอ้าวเดินผ่านมุมนี้ไปอย่างรวดเร็ว นอกจากนั้นยังมีพวกอุปกรณ์อำนวยความสะดวกและปลอดภัยแก่เด็ก ๆ อีกเยอะแยะทำเอาสามหนุ่มสามมุมถึงกับตาลายเลยทีเดียว

?อัณณ์ถามพี่ยามาแล้วนะคะว่าเธอได้ซื้ออะไรเตรียมไว้บ้างแล้ว และอะไรที่ยังไม่มี? พิชญธิดาเริ่มนำเสนอสินค้า เธอแนะนำแก่วิชญ์ว่า น่าจะซื้อรถเข็นเด็กพร้อมเบาะนั่งนิรภัยเป็นของขวัญให้กับเมธปรียาและลูกชายที่กำลังจะลืมตาดูโลกในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้เพราะสามารถใช้ได้ถึงอายุสามถึงสี่ขวบเลยทีเดียว ซึ่งวิชญ์ก็เห็นดีด้วยและอนุมัติให้เธอเป็นคนเลือกสีและยี่ห้อได้ตามใจชอบ สำหรับสองบอดี้การ์ดที่ต่างลงทุนควักกระเป๋าเพื่อซื้อของขวัญให้เมธปรียาเช่นกันนั้น พิชญธิดาช่วยกฤตธีเลือกซื้อหมอนให้นมที่เป็นรูปหมาน้อยแสนน่ารักให้เมธปรียา หมอนชนิดนี้มีไว้สำหรับช่วยคุณแม่ให้ไม่ต้องอุ้มลูกอยู่ตลอดเวลาในยามที่ต้องให้นม ส่วนของธีรวีร์นั้นเธอช่วยเลือกซื้อโมบายแขวนเตียงเด็กที่เป็นรูปสัตว์ต่าง ๆ โมบายชิ้นนี้มีเสียงเพลงกล่อมเด็กถึงสามเพลงด้วยกันรวมทั้งสามารถตั้งเวลาเปิด ? ปิดได้อีกด้วย สำหรับตัวเธอเองนั้นพิชญธิดาเลือกซื้อของเล่นที่ช่วยพัฒนาสมองของเด็ก นั่นก็คือ เบาะนอนที่มีกิจกรรมและลูกเล่นต่าง ๆ มากมายให้เด็กได้ฝึกพัฒนากล้ามเนื้อส่วนต่าง ๆ ของร่างกายรวมทั้งได้เรียนรู้สิ่งของต่าง ๆ ไปในคราวเดียวกัน เช่น กระจกมองหน้า ตุ๊กตาที่มีลูกกระพรวนอยู่ข้างใน ปุ่มกดที่มีทั้งเสียงร้องและไฟกะพริบ เป็นต้น ในระหว่างที่รอพนักงานห้างกำลังห่อของขวัญให้นั้น วิชญ์ได้สอบถามพิชญธิดาว่าทำไมถึงมีความรู้เรื่องเครื่องใช้เด็กอ่อนเป็นอย่างดี

?อัณณ์ไม่เคยพูดกับใครเลยนะคะ อัณณ์อายน่ะค่ะ คือว่าอัณณ์ชอบเด็กน่ะค่ะ อัณณ์เคยคิดไว้ตลอดเลยนะคะว่าสักวันหนึ่งอัณณ์จะต้องเป็นแม่คนให้ได้ อัณณ์อยากมีลูก อยากสัมผัสและเลี้ยงดูเขาให้ดีที่สุดน่ะค่ะ แต่ไม่รู้ว่าเมื่อไรความฝันนี้ถึงจะเป็นจริงสักที? พิชญธิดาพูดถึงความฝันด้วยดวงตาที่เป็นประกายมุ่งมาด

?ก็รีบแต่งงานสิครับ? วิชญ์ฝืนพูดในสิ่งที่ตรงกันข้ามกับใจเพราะรู้ดีว่าว่าที่เจ้าบ่าวของเธอคือใคร แต่สิ่งที่ได้ยินจากปากแดงจิ้มลิ้มของสาวน้อยที่ทำหัวใจของเขาให้หวั่นไหวก็ทำให้วิชญ์ถึงกับตกตะลึง

?จะให้อัณณ์แต่งกับใครล่ะคะ ฟงแฟนก็ยังไม่มีกับเขาเลย แม่อัณณ์ยังบอกเลยว่าอัณณ์น่ะชอบซุ่มซ่ามและเอ๋อบ่อย ๆ เลยไม่มีใครกล้ามาขอสักที?

?ได้ของเรียบร้อยแล้วครับนาย? เสียงของกฤตธีที่เข้ามาขัดจังหวะโดยไม่ดูตาม้าตาเรือเลยว่าทำให้เจ้านายหมดโอกาสที่จะซักฟอกเรื่องที่ยังค้างคาใจจากสาวน้อยตรงหน้าให้กระจ่างซะแล้ว บอดี้การ์ดหนุ่มจึงไม่เข้าใจว่าทำไมเจ้านายจะต้องทำเสียง ?อึ่ม ๆ? ในลำคอด้วยจึงได้แต่สบถในใจ ?ทำอะไรผิดอีกวะกู?

?งั้นเราไปที่ร้านอาหารกันเลยดีไหมคะ ออกไปตอนนี้น่าจะไปถึงตามเวลานัดพอดี? พิชญธิดาเสนอความคิดเห็นขึ้นมาและก็ได้รับเสียงสนับสนุนจากสองหนุ่มบอดี้การ์ด ส่วนวิชญ์นั้นยังคงอยู่ในภวังค์เพราะยังไม่แน่ใจกับสิ่งที่ได้ยิน ?เอ...หรือเราหูฝาดวะ แต่ก็ไม่น่าจะฟังผิดนี่นา อ้าว...แล้วอย่างนั้นไอ้วรปรัชญ์เป็นอะไรกับเธอวะ โอ้ย! ปวดหัวโว้ย แล้วจะไปถามใครดีล่ะนี่?

?นายว่าไงครับ จะไปที่ร้านอาหารกันเลยไหม? ธีรวีร์มองหน้านายที่ดูเหมือนกำลังใช้ความคิดอย่างหนักจนลืมผู้คนรอบข้างไปเลย

?อือ ก็ไปเลยซิ เผื่อคุณยาเขาไปรออยู่แล้ว ทำให้คนท้องต้องแขวนท้องรอเขาว่ามันบาปน่ะ? วิชญ์รีบออกเดินนำหน้าเพราะรู้แล้วว่าใครที่จะสามารถให้ความกระจ่างเรื่องพิชญธิดากับเขาได้ และตอนนี้เขาก็อยากเจอเธอผู้นั้นมากที่สุด


************************

ตอบกลับโพส

ย้อนกลับไปยัง “ก้าวแรก(สู่นักเขียนมืออาชีพ)”