ภารกิจรัก ภารกิจแค้น ตอนที่ 3 โดย....อาทิตา

ถ้าเพื่อนๆ มีเรื่องที่น่าสนใจและต้องการแบ่งปันเนื้อหา หรือร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการเป็นนักเขียนมืออาชีพ

Moderator: Gals, B.Comics, พี่บี

ตอบกลับโพส
athita
โพสต์: 41
ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ 11 เม.ย. 2009 11:15 pm

ภารกิจรัก ภารกิจแค้น ตอนที่ 3 โดย....อาทิตา

โพสต์ โดย athita »

ตอนที่ 3 ไม้กันหมา

ขณะที่ลงลิฟต์พนักงานกลับลงมายังล็อบบี้ของโรงแรม ณ นิมมานรดีนั้น พิชญธิดาผู้ได้รับฉายาใหม่โดยที่เจ้าตัวยังไม่รู้จากพี่ยาว่า ?หนูเอ๋อตาแป๋ว? ได้โทรไปแจ้งข่าวดีแก่เพื่อนสนิทคนสำคัญ นายวรปรัชญ์ สิทธิกุล เธอไม่ได้บอกเขาเรื่องที่จะมาสัมภาษณ์งานเพราะอยากบอกให้ทราบเมื่อได้งานแล้วเท่านั้น (จริง ๆ แล้วคือไม่อยากหน้าแตกและโดนซ้ำเติมจากเพื่อนปากกรรไกร)

?ฮัลโหล ปรัชญ์เหรออัณณ์เองนะ นี่รู้ไหมตอนนี้ฉันอยู่ที่ไหน ทายสิ ทายสิ? หญิงสาวเปิดประเด็น

?ว่าไงอัณณ์ อยู่ไหนล่ะ จะให้ไปรับหรือเปล่า เราออกมาทำธุระนอกสถานฑูตพอดีเลย?

?ไม่ต้องหรอก ตอนนี้อัณณ์อยู่ที่โรงแรม ณ นิมมานรดี ตรงแถวสุขุมวิทนะ แล้วปรัชญ์รู้ไหมว่าอัณณ์มาทำอะไรที่นี่?

?ฉันจะไปรู้ได้ไงว่าคุณพิชญธิดาไปทำอะไรที่โรงแรมสุดหรู เฮ้ย แกอย่าบอกนะว่าไอ้บอสลามกของแกมันลากแกเข้าโรงแรมนะ ทำไมแกไม่บอกฉัน ฉันจะได้ไปร่วมวงไพบูลย์ด้วยคน ฮ่า ฮ่า ฮ่า? ครั้งนี้ก็เช่นกันวรปรัชญ์ที่มักเอาเรื่องปรับทุกข์เกี่ยวกับเจ้านายจอมชีกอของเพื่อนสาวมาเย้าพิชญธิดาเล่นอยู่เป็นประจำ

?ไอ้บ้าปาด นั่นปากเหรอที่ใช้พูดนะ ใครเขาจะคิดแต่เรื่องลามกเหมือนแกล่ะ ในสมองเคยมีเรื่องอื่นบ้างไหมนี่? หญิงสาวสวนกลับทันทีเช่นกัน

?อ้าวแล้วตกลงแกไปทำอะไรที่โรงแรมคุณวิชญ์ นิมมานรดีล่ะ?

?หา แกรู้จักเจ้านายฉันด้วยเหรอ? หญิงสาวร้องลั่นจนพนักงานคนอื่นที่ลงลิฟต์มาด้วยกันต้องหันมามอง เมื่อรู้ตัวเธอจึงหันไปพยักหน้ากึ่งขอโทษที่เสียมารยาทในที่สาธารณะ

?อะไรน่ะ ใครเป็นเจ้านายแก คุณวิชญ์หนุ่มหล่อแห่งปีนะเหรอเป็นเจ้านายแก? เสียงของวรปรัชญ์ก็ดังไม่แพ้กัน จนพิชญธิดาต้องดึงโทรศัพท์ให้ห่างออกจากหูแล้วรีบแจ้งแถลงไขอย่างภูมิใจต่อไปว่า

?เบา ๆ ก็ได้ไม่ต้องใช้ทั้งสิบแปดหลอดที่แกมีหรอก คุณวิชญ์นะเขาเพิ่งรับฉันเป็นเลขาฯ ?ส่วนตัว? นะ อิจฉาล่ะสิ? พิชญธิดาใส่ไข่เติมสีเพื่อให้เพื่อนซี้ออกอาการมากยิ่งขึ้น เพราะความคะนองปากทำให้เธอลืมนึกไปว่าในลิฟต์ไม่ได้มีเธอเพียงคนเดียวและบทสนทนานั้นก็มีชื่อผู้บริหารระดับสูงที่ถือหุ้นเกือบ 70 เปอร์เซ็นต์ของโรงแรมและบริษัทในเครือ ณ นิมมานรดีทั้งหมดรวมอยู่ด้วย จึงทำให้พนักงานเหล่านั้นต่างหันมามองเธอด้วยสายตาที่ไม่ชอบใจนักเพราะคิดว่าเธอกำลังยกตนข่มท่านอยู่ แต่ ?หนูเอ๋อตาแป๋ว? ก็ยังยิ้มร่าและไม่รู้ตัวว่าตัวเองกำลังสร้างศัตรูโดยไม่ได้มีเจตนาเลย เพราะความเอ๋อเต็มพิกัดนี่แหละที่ทำให้พิชญธิดาได้ฉายาจากวรปรัชญ์ว่า ?สวยแต่รูป สมองไม่มีหยัก? มาครองตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมปลาย

?นี่ฉันก็กำลังจะไปลาออกที่ออฟฟิศเก่าอยู่ เออ แล้วตอนเย็นแกว่างไหมว่าจะชวนมากินเลี้ยง ฉลองที่ได้งานใหม่แถมมีเจ้านายหล่อสุด ๆ ซะหน่อย ฉันเลี้ยงเองแต่ให้แกเลือกร้าน มีข้อแม้ว่าต้องแถวสยามเท่านั้นนะเพราะตอนบ่าย ๆ ฉันจะไปเดินช้อปปิ้งแถวนั้นซะหน่อย ขี้เกียจย้ายสถานที่?

?ได้เลยอิ่มท้องแต่ตังค์อยู่ครบนะขอให้บอก วรปรัชญ์ไม่มีพลาดหรอก เจอกันสักหกโมงดีไหม แล้วฉันจะโทรนัดร้านกับแกอีกทีนะ เฮ้ย เฮ้ย แค่นี้ก่อนนะ?

?มีสายซ้อนเหรอ? พิชญธิดารีบถามเพื่อนสนิทอย่างสงสัยใคร่รู้เพราะรู้สึกประหลาดใจ ในยามปกติหากเธอเป็นคนโทรไปหา วรปรัชญ์ไม่เคยคิดจะวางสายก่อนเพราะถือคติว่าไม่ได้เป็นคนเสียค่าโทรจึงพูดเท่าที่ปากของเขาจะพาไป ซึ่งบางครั้งก็ปาไปร่วม ๆ ชั่วโมง แต่ครั้งนี้มาแปลกทำไมต้องรีบวางสาย

?เปล่าหรอกไม่มีสายซ้งสายซ้อนอะไรหรอก พอดีพ่อหนุ่มหน้าตาเกรดเอบวกที่ขับโฟล์กเต่าคันข้าง ๆ เขาหันมายิ้มให้นะ แค่นี้นะ แล้วเจอกันตอนเย็น บ้าย บายนะอัณณ์?

?เออ เห็นผู้ชายดีกว่าเพื่อนตลอดกาลนะแก แล้วเจอกันตอนหกโมงตรง ห้ามเลทล่ะ? พิชญธิดากดวางสายแล้วเก็บโทรศัพท์มือถือเครื่องเล็กเข้ากระเป๋าสะพายพร้อมอดส่ายหัวกับพฤติกรรม (เบี่ยงเบน) ของเพื่อนสนิทคนนี้ไม่ได้ อย่างไรก็ตามสำหรับเธอแล้ววรปรัชญ์เป็นเพื่อนแท้ที่เธอรักที่สุดคนหนึ่งเพราะนอกจากจะมีนิสัยใจคอที่เข้ากันได้เป็นอย่างดีแล้ว วรปรัชญ์ยังช่วยทำหน้าที่เป็น ?ไม้กันหมา? ให้เธอได้ในยามที่ต้องการอยู่เสมอและมักได้ผลทุกครั้ง คนภายนอกที่ไม่สนิทจริง ๆ จะไม่รู้ว่าวรปรัชญ์ไม่ใช่ ?แมนแท้? เพราะรูปสมบัติที่เจ้าตัวคุยนักคุยหนาว่าเข้าขั้นพระเอกละครได้อย่างสบาย รวมทั้งบทบาทหน้าที่การงานที่มีหน้ามีตาในวงสังคมเพราะเป็นถึงเจ้าหน้าที่ผู้ประสานงานของสถานทูตของประเทศมหาอำนาจแห่งหนึ่ง และก็เพราะไอ้หน้าที่การงานที่เป็นหลักเป็นฐานนี่แหละที่ทำให้วรปรัชญ์จะต้อง ?มีมาดแมน? อยู่เสมอเมื่ออยู่ต่อหน้าคนอื่น ๆ โดยเฉพาะต่อหน้าเพื่อนร่วมงาน ดังนั้นเมื่อใคร ๆ พบเห็น วรปรัชญ์หรือ ?ไอ้ปาด? ของอัณณ์ยามที่อยู่ด้วยกันในที่สาธารณะแล้ว ต่างก็เหมารวมว่าทั้งคู่เป็นคู่รักที่เหมาะสมกันมากเพราะต่างก็ชอบหยอกล้อกันด้วยความสนิทสนมอยู่เป็นประจำ หารู้ไม่แท้จริงแล้วทั้งคู่นั้นเรียกได้ว่าเป็นยิ่งกว่าคู่กัดกันซะอีกเพราะไม่มีใครยอมให้ใครเลย เจอกันทีไรทั้งฝ่ายแดงและฝ่ายน้ำเงินต้องได้เลือดซิบ ๆ กันทั้งสองฝ่าย อย่างไรก็ตาม พิชญธิดาไม่เคยรู้สึกสักครั้งว่าวรปรัชญ์ ?แตกต่าง? จากคนอื่น ๆ เพราะความมีน้ำใจและเอื้ออาทรที่หล่อหลอมผูกพันความเป็นเพื่อนของทั้งสองให้มีกันและกันมาตั้งแต่ชั้น ม.4 จนถึงทุกวันนี้นั้นเป็นบทพิสูจน์ที่เห็นได้ชัดเจนแล้วว่าเขาคือเพื่อนตายคนหนึ่งของเธอ

************************

หลังจากไปลาออกจากที่ทำงานแบบไม่เรียบร้อยโรงเรียนใด ๆ แล้ว เพราะอดีตเจ้านายโวยวายลั่นสำนักงานหาว่าเธอไม่แจ้งล่วงหน้าบ้างล่ะ ไม่มีความเป็นมืออาชีพบ้างล่ะ และที่สำคัญ คือ กล่าวหาว่าเธองกเงินเพราะที่ใหม่คงให้เงินเดือนดีจนยอมลาออกโดยไม่แจ้งล่วงหน้าซึ่งรวมทั้งจะไม่ได้รับเงินเดือนเดือนนี้ของที่เก่า หญิงสาวอดีตเลขาฯไม่ได้โกรธหรือแสดงอารมณ์โต้ตอบแต่อย่างใดพิชญธิดาเพียงแค่ตอกกลับใส่หน้าเจ้านายเก่าไปว่า

?You are the one that know the best why I don?t want to work here anymore.? (คุณนั่นแหละน่าจะเป็นคนที่รู้ดีที่สุดว่าทำไมฉันถึงไม่อยากทำงานที่นี่อีกต่อไป)

เมื่อเก็บของใช้ส่วนตัวที่มีอยู่ไม่มากนักเพราะหญิงสาวได้ทยอยขนกลับไปบ้างแล้ว เพราะพิชญธิดารู้ตัวดีว่าคงทนทำงานที่นี่ได้อีกไม่นานนักทั้ง ๆ ที่ยังมีความอาลัยหลงเหลืออยู่ไม่น้อยเพราะที่นี่เป็นที่ทำงานที่แรกในชีวิตที่สอนให้เธอรู้จักโลกมากขึ้น และทำให้เธอแกร่งมากขึ้น เมื่อได้ร่ำลาเพื่อนร่วมงานบางคนที่รักใคร่ชอบพอกันแล้ว พิชญธิดาก็เดินออกจากที่ทำงานโดยไม่ได้หันเหลียวหลังไปมองอีกเลย หญิงสาวเดินไปเรื่อย ๆ ตามทางเท้าอย่างไม่รีบร้อนเพราะรู้สึกโล่งและปลอดโปร่งจากการได้ออกจากงานเก่า หญิงสาวเดินคิดไปพลาง ๆ ว่าอันที่จริงงานที่เก่าก็ไม่ได้หนักหนาอะไรเลย เพื่อนร่วมงานก็น่ารัก เงินเดือนก็ไม่น้อย แต่ที่เธอทนไม่ได้ก็มีอยู่เพียงเหตุผลเดียวซึ่งเป็นเหตุผลข้อใหญ่เสียด้วยสำหรับหญิงสาวโสดเช่นเธอ ?ชีวิตต้องก้าวต่อไป? เมื่อคิดได้แล้วพิชญธิดาจึงเดินมุ่งหน้าไปยังสถานีบริการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนที่อยู่ไม่ห่างนักจากที่ทำงานเก่าเพื่อต่อไปยังสถานีสยามจุดหมายปลายทางของเธอในวันนี้

************************

พิชญธิดาก็เหมือนหญิงสาวทั่ว ๆ ไปที่ชอบการช้อปปิ้งอยู่ไม่น้อย หญิงสาวเพลิดเพลินกับการเดินดูและเลือกซื้อเสื้อผ้าเครื่องประดับจากร้านรวงต่าง ๆ ในย่านสยามอยู่จนเกือบสามชั่วโมง หลังเลือกซื้อเสื้อผ้าชุดทำงานใหม่ ๆ ที่ดูเหมาะสมกับโรงแรมหรูระดับเจ็ดดาวได้ประมาณสามสี่ชุดพร้อมรองเท้าใส่ทำงานและใส่สบาย ๆ อีกสามคู่แล้ว พิชญธิดาก็โทรหา ?คุณปาด? อีกครั้งเพื่อสอบถามถึงร้านอาหารที่จะไปนัดเจอกัน

?ฮัลโหล อัณณ์นะ ตกลงเลือกได้หรือยังว่าจะกินอะไรที่ไหน อัณณ์จะได้ไปนั่งรอเลย นี่ก็เดินจนเมื่อยตุ้มแล้ว?

?เออ เลือกได้แล้ว ไปเจอกันที่ร้านอาหารเกาหลีบนชั้นห้าของห้างริชชี่นะ ร้านมันเพิ่งเปิดใหม่ จะอยู่ตรงหน้าโรงหนังนะ ฉันเพิ่งไปลองกินกับที่ทำงานมาเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว อร่อยดี ราคาก็ไม่แพงนัก อัณณ์ไปนั่งรอได้เลย จะสั่งไปพลาง ๆ ก่อนก็ได้ อ้อ สั่งแบบแฟมมิลี่เซ็ทเลยนะ วันนี้ฉันล้างท้องมาเต็มที่ อีกไม่เกินครึ่งชั่วโมงฉันก็คงไปถึง รับรองไม่เลทชัวร์?

?โอเค ถ้าหกโมงตรงแกไม่โผล่มา ฉันจะจุดธูปเรียกเลยนะ? เป้ง ยกที่หนึ่งเริ่มแล้ว พิชญธิดารีบกดวางสายก่อนที่อีกฝ่ายจะทันปล่อยหมัดฮุกสวนกลับมาพร้อมหัวเราะร่าที่เป็นต่อได้คะแนนนำไปก่อนในยกนี้


************************

พิชญธิดาเหลือบมองเวลาเป็นครั้งที่เท่าไรก็จำไม่ได้แล้ว ตอนนี้หมูย่างเกาหลีชุดแฟมมิลี่หมดไปกว่าครึ่งแล้วก็ยังไม่เห็นร่างของคนที่อยากจะกินโผล่มาสักที

?หนอย บอกว่าไม่เลทชัวร์ ๆ เดี๋ยวเถอะฉันจะให้แกเป็นคนจ่ายแทน ไอ้คุณวรปรัชญ์? หญิงสาวกินไปบ่นไปพลันสายตาก็เหลือบมองเห็นเพื่อนซี้กึ่งวิ่งกึ่งเดินตรงมายังร้านที่เธอกำลังนั่งรออยู่ พิชญธิดาเลือกนั่งโต๊ะชิดกระจกจึงทำให้เธอมองเห็นเจ้าเพื่อนตัวดีที่กำลังทำท่าขอโทษขอโพยมาแต่ไกล เธอจึงแกล้งเชิดใส่โดยการสะบัดหน้าไปอีกทาง ?ไม่ยกโทษให้ง่าย ๆ หรอก สายตั้ง 20 นาที?

?โทษทีนะอัณณ์ อย่าโกรธนะจ๊ะ ฉันต้องวนหาที่จอดรถอยู่ตั้งนานนะ วนตั้งสามรอบกว่าจะได้จอด แล้วอะไรเนี่ยชุดแฟมมิลี่เหลือแค่นี้เองเหรอ? วรปรัชญ์ทำท่าง้องอนโดยการชูนิ้วก้อยให้หญิงสาวทำให้บริกรสาวที่เดินเข้ามาเสริฟน้ำต้องแอบอมยิ้มในความน่ารักของ ?ฝ่ายชาย? ที่กำลังพยายามง้อ ?แฟนสาว?

?อือ เหลือแค่นี้แหละ ก็มันอร่อยดีอย่างที่ปรัชญ์บอกนั่นแหละ ถ้าจะกินอีกก็สั่งเพิ่มเอาสิ เพราะยังไงคุณวรปรัชญ์ก็ต้องเป็นคนจ่ายตังค์อยู่แล้วโทษฐานที่มาสายตั้ง 20 นาที? หญิงสาวหายงอนอย่างรวดเร็วเพราะได้โอกาสเอาคืนแล้ว

?เฮ้ย อะไรอ่ะ ทำไมเป็นอย่างนี้ล่ะ บอกว่าจะเลี้ยงก็ต้องเลี้ยงดิ ห้ามกลับคำ ได้งานใหม่แถมเจ้านายยังหล่อลากดินขนาดนั้น อย่ามาทำงกไปหน่อยเลยยายอัณณ์ เงินเดือนแกต้องไม่ใช่น้อย ๆ แน่เพราะระดับ ณ นิมมานรดีซะอย่าง แกเลี้ยงฉันสักมื้อสองมื้อขนหน้าแข้งแกก็ยังอยู่ครบ? วรปรัชญ์รีบโวยตามประสาหัวหน้าชมรมคนถือคติ ?กินอิ่มท้องตังค์อยู่ครบ?

?จริงด้วยสิ ฉันลืมถามเรื่องเงินเดือนไปเลยอ่ะ ตายแล้ว ทำไงดีล่ะ แกว่าพรุ่งนี้ฉันเข้าไปถามคุณวิชญ์ดีไหม? พิชญธิดาเพิ่งนึกได้ว่าลืมถามเรื่องนี้ไปในตอนสัมภาษณ์

?เฮ้อ ให้มันได้อย่างนี้สิ ไม่เอ๋อสักเรื่องได้ไหมแม่คุณ แล้วตอนสัมภาษณ์ทำไมแกไม่ถามล่ะ? วรปรัชญ์ส่ายหน้าอย่างเอือมระอาในความเป๋อของเพื่อนสาวพร้อมพูดประชดต่อว่า


?ถ้าแกกล้าก็เข้าไปถามสิว่า คุณวิชญ์ขาจะให้เงินเดือนน้องอัณณ์สักเท่าไรดีคะ? พิชญธิดาอดขำไม่ได้กับการดัดจริตทำเสียงเล็กเสียงน้อยของเพื่อนสนิท

?ก็ตอนนั้นมันไม่ทันนึกนี่นา มัวแต่ดีใจที่ได้งานใหม่ทำอ่ะ แล้วเขาก็เป็นคนพูดซะเป็นส่วนใหญ่ ฉันได้แต่ตอบคำถามเลยลืมถามเขากลับไปเลย? พิชญธิดาทำแก้มป่องใส่วรปรัชญ์พร้อมพูดต่ออีกว่า

?แต่ที่แกแนะนำก็ไม่เลวนะ พรุ่งนี้เช้าฉันไปทำงานเลยดีกว่าจะได้เข้าไปถามเขาเลย หากปล่อยไว้นานเดี๋ยวจะลืมอีก?

?แกโง่หรือแกล้งโง่ฮะอัณณ์ แต่ถ้าแกล้งอยู่นะก็ขอบอกว่าแกล้งได้แนบเนียนมากจนฉันเชื่ออย่างสนิทใจ ที่ฉันพูดไปนะฉันประชดนะย่ะ ถามจริง ๆ แกจะกล้าเดินทะเล่อทะล่าเข้าไปถามเจ้านายแกเรื่องนี้เหรอ? วรปรัชญ์จ้องหน้าพิชญธิดาเพื่อรอฟังคำตอบ

หญิงสาวทำหน้าบึ้งใส่หลังถูกเพื่อนซี้หลอกด่า ?แล้วมันผิดตรงไหนล่ะ ก็วันนี้ฉันลืมจริง ๆ นี่นา แล้วเขาก็บอกเองว่าอยู่เมืองนอกมานานหลายปี เขาคงเข้าใจแหละและคงไม่ถือสาหรอก และอีกอย่างฉันก็ต้องเซ็นเอกสารสัญญาการทำงานด้วย ยังไงซะฉันก็ยังมีโอกาสที่จะถามได้ก่อนเซ็นสัญญา?

?ฉันว่าแกมัวแต่หลงเสน่ห์คุณวิชญ์อยู่แหง ๆ จิตใจเลยไม่อยู่กับเนื้อกับตัว แต่อันที่จริงฉันก็ไม่แปลกใจหรอกนะที่แกจะเอ๋อแบบนี้นะ ฉันชินซะแล้ว ยายเอ๋อพันปี? วรปรัชญ์ยังไม่วายปล่อยหมัดซ้ายเข้าเสยคางพิชญธิดา แล้วรีบกล่าวต่อทันทีเพื่อปิดโอกาสไม่ให้พิชญธิดาได้ทำคะแนนไล่ตาม

?เออนี่ ว่าแต่คุณวิชญ์นะเขาหล่อสมคำเล่าลือจริงไหม วันหลังแกแอบถ่ายรูปแล้วส่งอีเมล์มาให้ฉันหน่อยนะ ฉันจะเซ็ทไว้บนหน้าจอคอมเลย ฮิ ฮิ?

?เออได้สิ รูปละพันบาทขาดตัวไม่ต้องต่อนะ? วรปรัชญ์ถึงกับถือตะเกียบที่คีบหมูย่างค้างกลางอากาศก่อนจะทำปากขมุบขมิบใส่เพื่อนสาวที่เพิ่งได้คะแนนจากการปล่อยหมัดเด็ดใส่เขา แล้วพึมพำเบา ๆ ว่า

?ทั้งเอ๋อทั้งงกนะแก?

************************

หลังจากที่สองหนุ่มสาวต่างอิ่มหมีพีมันจากอาหารเกาหลีกันอย่างถ้วนหน้าแล้ว พิชญธิดาผู้ซึ่งชอบดูภาพยนตร์เป็นชีวิตจิตใจจึงเอ่ยปากชวนเพื่อนซี้ต่างเพศให้ดูหนังสักเรื่องก่อนกลับบ้าน วรปรัชญ์ตอบตกลงแต่ขอเป็นคนเลือกภาพยนตร์เองซึ่งก็ไม่สร้างปัญหาใด ๆ แก่พิชญธิดาเพราะเธอดูภาพยนตร์ได้ทุกประเภทอยู่แล้ว

?เอาเรื่องนี้แหละ ?Before Valentine? หนังวัยรุ่นเหมาะกับวัยฉันดี อีกอย่างพระเอกก็หน้าตาเอ๊าะ ๆ กันทั้งนั้น มีตั้งสามสี่คู่แน่ะ ว่าไงตกลงไหมอัณณ์? วรปรัชญ์หันไปถามความสมัครใจจากเพื่อนสาวที่แม้แขนของเธอจะคล้องอยู่กับแขนของเขาด้วยความสนิทรักใคร่ แต่สมาธิทั้งหมดกับไปอยู่กับการอ่านเรื่องย่อของภาพยนตร์ต่าง ๆ อย่างขะมักเขม้น

?อือ ยังไงก็ได้ ว่าแต่แกไม่อยากดูเรื่อง ?สามก๊กภาคสอง? เหรอ เพิ่งเข้าวันนี้วันแรกนะ? พิชญธิดาถามกึ่งชักชวนเพราะเห็นว่าเป็นภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์จากต่างแดนที่ทั้งเธอและวรปรัชญ์ได้ชมภาคแรกกันมาแล้ว

?ไว้วันหลังเถอะ กลางสัปดาห์แบบนี้แค่งานที่สถานฑูตก็เครียดจะตายอยู่แล้ว เอาหนังเบา ๆ สมองดีกว่า? วรปรัชญ์ให้เหตุผลซึ่งพิชญธิดาก็เห็นดีด้วย

?งั้นฉันไปซื้อตั๋วก่อนนะ เอาที่นั่งแบบโซฟาใช่ป่ะ? ทันทีที่พิชญธิดาหันหลังเพื่อเดินไปยังช่องขายตั๋ว เธอก็ประสานสายตากับชายหนุ่มที่เพิ่งเป็นประเด็นร้อนในวงสนทนาของเธอกับวรปรัชญ์ วิชญ์ นิมมานรดี ที่เดินเคียงคู่อยู่กับกฤตธีบอดี้การ์ดคนสนิท ชายหนุ่มจ้องมองหญิงสาวและเพื่อนชายอยู่สักพักแล้วจนคิ้วเข้มขมวดเข้าหากันกับอาการสนิทสนมของคนทั้งคู่ ส่วนหญิงสาวผู้ไม่รู้อีโหน่อีเหน่นั้นกลับยิ้มออกมาอย่างอารมณ์ดีพร้อมเดินตรงไปยังชายหนุ่มทั้งคู่เพื่อกล่าวคำทักทาย

?สวัสดีค่ะคุณวิชญ์ คุณกฤตเฉย ๆ มาดูหนังเหมือนกันเหรอคะ? พิชญธิดายังไม่วายหยอกล้อบอดี้การ์ดหน้าเข้ม ซึ่งสร้างความประหลาดใจให้กับวิชญ์อยู่ไม่น้อย ?ไปรู้จักกันตอนไหนหว่า เดี๋ยวต้องโดนซักฟอกซะแล้วไอ้คุณกฤต?

?เปล่าครับ ผมพาลูกค้ามาทานอาหารนะครับ คุณอัณณ์มาดูหนังเหรอครับ? วิชญ์ชิงตอบตัดหน้าปล่อยให้กฤตธีต้องอ้าปากค้าง จึงแก้เก้อด้วยการยิ้มหวานให้พิชญธิดาแทน วิชญ์ซึ่งมองเห็นพอดีจึงแอบถลึงตาใส่ กฤตธีทำได้เพียงหัวเราะ หึ หึ เพราะขำเจ้านายที่ออกอาการซะขนาดนี้ทั้ง ๆ ที่เพิ่งเจอกันวันแรก ?นี่แหละไก่แจ้ตัวจริง?

?ค่ะ อัณณ์ว่าจะดูเรื่อง ?Before Valentine? น่ะค่ะ พอดีปรัชญ์เขาอยากดู? เมื่อพูดจบหญิงสาวก็นึกขึ้นได้ว่าควรแนะนำเพื่อนสนิทให้รู้จักกับเจ้านายใหม่ของเธอ เธอจึงหันหลังกลับไปเรียกเพื่อนซี้ให้มาทำความรู้จักกับเจ้านาย

?ปรัชญ์ นี่เจ้านายใหม่ของอัณณ์ คุณวิชญ์ นิมมานรดีจ๊ะ และนั่นก็คุณกฤตธี? พิชญธิดาละไม่กล่าวตำแหน่งของกฤตธีเพราะตัวเธอเองยังไม่แน่ใจว่าเขาเป็นเพียงบอดี้การ์ดหรือพ่วงตำแหน่งผู้ช่วยเข้าไปด้วย

?สวัสดีครับ ผมวรปรัชญ์ สิทธิกุล ยินดีที่ได้รู้จักครับ? วรปรัชญ์ไม่รอช้ารีบยื่นมือเพื่อเชคแฮนด์ตามธรรมเนียมตะวันตกกับทั้งวิชญ์และกฤตธี วิชญ์จึงรีบยื่นมือมาสัมผัสกับมือชายหนุ่มตรงหน้าเช่นกัน พร้อมทั้งใช้สายตาสำรวจหน้าตาและบุคลิกของคนตรงหน้าไปพร้อม ๆ กัน ?หล่อไม่ใช่เล่นแฮะ ท่าทางจะสวีตกันน่าดู? ส่วนกฤตธีเพียงพยักหน้าให้พร้อมทั้งเชคแฮนด์ และเขาก็รู้สึกได้ทันทีว่ามือของชายหนุ่มเพื่อนสนิทของเลขาฯเจ้านายคนนี้ ?นุ่มยังกับมือผู้หญิง?

?สวัสดีครับ วิชญ์ นิมมานรดีครับ? วิชญ์กล่าวทักทายพร้อมหยิบนามบัตรจากกระเป๋าเสื้อสูทส่งให้วรปรัชญ์

?นี่ นามบัตรของผมครับ ยินดีที่ได้รู้จักครับคุณวรปรัชญ์? วรปรัชญ์เองก็ไม่รอช้ารีบหยิบนามบัตรของตนออกมาจากกระเป๋าสตางค์แบรนด์เนมยี่ห้อดังลายสตรอเบอร์รี่สีแดงแจ๋ที่ผู้หญิงส่วนใหญ่ชอบใช้กันแล้วยื่นส่งให้บ้าง ชายหนุ่มแท้ทั้งสองอดแปลกใจไม่ได้กับสิ่งที่เห็น เมื่อทั้งสองแลกนามบัตรกันเสร็จแล้ววิชญ์จึงหันไปทางหญิงสาวหนึ่งเดียวแล้วพูดว่า

?ผมต้องขอตัวก่อน มีธุระต่อนะครับ ดูหนังให้สนุกนะครับ สวัสดีครับคุณอัณณ์ ลาล่ะครับคุณวรปรัชญ์?

?สวัสดีครับคุณวิชญ์ สวัสดีครับคุณกฤต หวังว่าเราคงได้พบกันใหม่เร็ว ๆ นี้นะครับ? เสียงกล่าวลาอย่างอาลัยอาวรณ์จากวรปรัชญ์พร้อมส่งสายตาหวานหยาดเยิ้มไปให้กับหนุ่มแท้ทั้งสองคนที่คงขนลุกซู่หากรู้ถึงความนัยที่สื่อมาด้วย

?สวัสดีค่ะ เจอกันพรุ่งนี้นะคะ? พิชญธิดายกมือไหว้ทั้งเจ้านายและบอดี้การ์ดหนุ่ม

ชายหนุ่มร่างสูงกว่ามาตรฐานของชายไทยทั่วไปที่ทำท่าจะออกเดินถึงกับหันขวับมาทันทีเมื่อได้ยินสิ่งที่หญิงสาวกล่าวออกมา

?เมื่อกี้คุณอัณณ์พูดว่าจะเริ่มทำงานพรุ่งนี้เลยหรือครับ? วิชญ์จ้องหน้าหญิงสาวพร้อมรอฟังคำยืนยัน

?ค่ะ มีอะไรขัดข้องหรือเปล่าคะ คือ อัณณ์ลาออกจากที่เก่าเรียบร้อยแล้วน่ะค่ะ ก็เลยอยากจะเริ่มศึกษางานจากพี่ยาก่อนที่แกจะลาคลอด? พิชญธิดาอธิบายให้เจ้านายเข้าใจ และรู้สึกว่าชายหนุ่มอารมณ์ดีขี้นกว่าตอนแรกที่เจอกันเพราะใบหน้าเริ่มมีรอยยิ้ม

?ไม่มีอะไรขัดข้องหรอกครับ ดีซะอีกครับคุณยาจะได้สอนงานให้คุณเต็มที่ก่อนที่จะลาคลอด งั้นเจอกันพรุ่งนี้นะครับ สวัสดีอีกครั้งครับ? เมื่อพูดจบชายหนุ่มก็หมุนตัวแล้วเดินจากไปพร้อมด้วยบอดี้การ์ดคนสนิทที่หันมาพยักหน้าแทนการทักทายด้วยคำพูดกับทั้งวรปรัชญ์และพิชญธิดา

ทันทีที่ทั้งสองเดินลับตาไปวรปรัชญ์ซึ่งส่งสายตาละห้อยติดตามคนทั้งสองไปด้วยนั้นได้ยกมือขึ้นทาบอกพร้อมพูดว่า

?โอ้มายก็อช หล่อทั้งนายหล่อทั้งลูกน้องเลยนะแก ถูกใจม้าก มาก นาน ๆ จะเจอหน้าหล่อหุ่นล่ำกำยำครบเซ็ทแบบนี้สักที ที่เคยเห็นมาก็มีแต่ในหนังสือ เพิ่งเจอตัวเป็น ๆ ก็ครั้งนี้แหละ นี่อัณณ์เมื่อไรที่โรงแรมแกเขาประกาศรับสมัครงานอีกแกต้องบอกฉันเป็นคนแรกเลยนะ ลองคิดดูสิว่าการที่ได้ทำงานข้างหนุ่ม ๆ หล่อ ๆ พวกนี้ชีวิตของพวกเราจะน่าอภิรมย์ขนาดไหน ฉันชักอิจฉาแกแล้วซิ? เสียงพร่ำเพ้อของเพื่อนซี้ยังดังไม่ขาดปากจนพิชญธิดาอดที่จะตัดบทไม่ได้

?นี่ ตกลงจะดูไหม หนังนะ บ้าแต่ผู้ชาย? เมื่อพูดเสร็จพิชญธิดาก็รีบเดินจ้ำไปยังช่องขายตั๋วโดยไม่ยอมรอเพื่อนซี้ที่ยังฝันกลางวันต่อไป


************************

ตอบกลับโพส

ย้อนกลับไปยัง “ก้าวแรก(สู่นักเขียนมืออาชีพ)”