ภารกิจรัก ภารกิจแค้น ตอนที่ 1 โดย....อาทิตา

ถ้าเพื่อนๆ มีเรื่องที่น่าสนใจและต้องการแบ่งปันเนื้อหา หรือร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการเป็นนักเขียนมืออาชีพ

Moderator: Gals, B.Comics, พี่บี

ตอบกลับโพส
athita
โพสต์: 41
ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ 11 เม.ย. 2009 11:15 pm

ภารกิจรัก ภารกิจแค้น ตอนที่ 1 โดย....อาทิตา

โพสต์ โดย athita »

ตอนที่ 1 แรกพบสบตา

นางสาวพิชญธิดา บวรภัค หรืออัณณ์ชื่อเล่นสำหรับเรียกท่ามกลางคนสนิท รีบวิ่งกระหืดกระหอบเพื่อให้ทันลิฟต์ตัวที่ประตูกำลังจะปิดลงโดยไม่ได้สังเกตเลยว่านั่นคือลิฟต์สำหรับผู้บริหารเท่านั้น แม้รู้ว่าตัวเองกำลังอยู่ในสถานที่โอ่อ่าและคราคร่ำไปด้วยพนักงานและแขกของโรงแรมหรูระดับเจ็ดดาวกลางใจเมืองหลวงของประเทศไทยอย่าง ณ นิมมานรดี แกรนด์โฮเตล แต่เธอก็ตัดสินใจตะโกนให้คนในลิฟต์ช่วยรอเพราะหากเธอพลาดลิฟต์ตัวนี้เธอจะต้องขึ้นไปสัมภาษณ์งานสายอย่างแน่นอน และมันอาจจะส่งผลให้เธอพลาดงานชิ้นนี้ ซึ่งเธอจะยอมไม่ได้

?รอด้วยค่ะ? หญิงสาวตะโกนบอกคนในลิฟต์ซึ่งเธอไม่แน่ใจว่ามีกี่คน แต่ที่แน่ ๆ คือ เป็นหนุ่ม ๆ ตัวโต ๆ ทั้งนั้น

ทันทีที่ได้ยินเสียงหวานใส พร้อมทั้งเห็นรูปร่างบอบบางแต่สมส่วนรวมทั้งหน้าตาน่ารักพริ้มเพราของเจ้าของเสียง หนึ่งในผู้โดยสารก็สั่งออกไปว่า

?กฤต อย่าเพิ่งปิดประตู รอเธอก่อน?

?แต่นายครับ นี่มันลิฟต์ของนายเท่านั้น ให้เธอขึ้นตัวอื่นเถอะครับ? กฤตธีบอดี้การ์ดคนสนิทแปลกใจ เพราะปกตินายของเขาไม่ชอบให้ใคร ๆ มาใช้ลิฟต์ร่วมกันเพราะต้องการความสงบและความเป็นส่วนตัว แต่วันนี้กลับใจดีผิดปกติเพราะนอกจากจะไม่โกรธที่มีคนมาตะโกนโหวกเหวกในล็อบบี้โรงแรมของตนเองแล้ว กลับยังสั่งให้รอหญิงสาวแปลกหน้าให้มาใช้ลิฟต์ตัวเดียวกันอีกด้วย

?สงสัยวันนี้หิมะจะตกในประเทศไทย เอ...หรือเธอคนนั้นจะสวยถูกใจนายว่ะ? กฤตธีคิดในใจและอดไม่ได้ที่ต้องชะโงกหน้าออกไปดู และก็ไม่ผิดหวังเพราะหญิงสาวที่กำลังมุ่งหน้ามานั้น มีหน้าตาน่ารัก ตาโตเป็นประกาย แก้มใสน่าหอม รูปร่างก็ดี กะจากสายตาก็น่าจะสูงสัก 170 เซนติเมตร ที่สำคัญมีส่วนเว้าส่วนโค้งครบครัน ไม่ขาดไม่เกิน ?มิน่า นายถึงให้คอย?

?เออ ก็เพราะมันเป็นลิฟต์ของฉันนะสิ ฉันถึงบอกให้แกรอก่อน ไม่ทราบว่าคุณกฤตธีจะอนุญาตไหมครับ? เจ้านายหนุ่มหล่ออดที่จะสัพยอกลูกน้องที่เป็นทั้งคนสนิทและบอดี้การ์ดส่วนตัวไม่ได้

?ได้สิครับนาย ผมแค่ไม่อยากให้นายเสียเวลานะครับ ยิ่งเช้านี้นายมีสัมภาษณ์เลขาฯใหม่ด้วยไม่ใช่เหรอครับ?

?แล้วมันจะเสียเวลาสักเท่าไรกันว่ะ ดูโน่น...เธอก็รีบวิ่งหน้าตั้งมาแล้ว หัดมีน้ำใจซะบ้างนะไอ้คุณกฤต?

กฤตธีได้แต่อมยิ้มเพราะรู้ดีว่านายคงไม่มีน้ำใจหรอก หากผู้หญิงที่วิ่งมาไม่ได้สวยน่ารักขนาดนี้ ?เจ้าชู้จริง ๆ นายเรา?

พิชญธิดารีบสาวเท้าให้เร็วขึ้นเพื่อแสดงการตอบแทนน้ำใจของคนที่รอ พอก้าวขาเข้าไปในลิฟต์ เธอพบว่ามีชายหนุ่มอยู่เพียงสามคนแต่กินพื้นที่ห้องโดยสารเกือบทั้งหมด ทั้งสามคนใส่สูทสีดำที่ดูเพียงผ่าน ๆ ก็ยังรู้ว่าตัดมาอย่างประณีตสวยงามจากช่างมีฝีมือ อีกทั้งเนื้อผ้าก็ดูดีบ่งบอกระดับของผู้สวมใส่ ที่แน่ ๆ ราคาคงไม่น้อยเลยทีเดียว เมื่อเธอเหลือบตาขึ้นมองหน้าตาของทั้งสามหนุ่มก็พบว่าชายหนุ่มทั้งสามมีความสูงไม่น่าจะน้อยกว่า 185 เซนติเมตรกันทั้งนั้น ยิ่งคนที่ยืนอยู่ตรงกลางที่สูงที่สุดด้วยแล้วก็น่าจะสูงสัก 190 เซนติเมตรกระมัง พิชญธิดาที่เคยมั่นใจในความสูงของตนเองยังต้องยอมรับว่าหนุ่ม ๆ ทั้งสามตรงหน้าน่าจะสูงเกินมาตรฐานชายไทยทั่วไป นอกจากนั้นเธอยังต้องยอมรับว่าชายหนุ่มทั้งมีสามหน้าตาดีกันทั้งนั้น น่าจะเรียกว่าหล่อกันทุกคนก็ได้แต่ก็หล่อดูดีกันคนละแบบ คนที่ยืนอยู่หน้าปุ่มควบคุมลิฟต์หล่อเข้มด้วยผิวสีน้ำตาล ส่วนคนที่ยืนอยู่อีกมุมนั้นหล่อแบบโหด ๆ เพราะมีทั้งหนวดทั้งเคราแต่ก็ไม่ถึงกับรกรุงรังกลับช่วยเสริมให้หน้าตาของเขาดูมีเสน่ห์น่าค้นหามากยิ่งขึ้น ส่วนหนุ่มที่ยืนอยู่ตรงกลางก็คนที่สูงที่สุดนั่นแหละ พ่อเจ้าประคุณทำบุญมาด้วยอะไร ทำไมถึงมีหน้าตาหล่อเหลากระชากใจสาว ๆ ได้ขนาดนี้ แถมจมูกก็คมโด่งยังกับฝรั่ง ปากก็สวยเป็นกระจับจนสาว ๆ ต้องอาย ผิวพรรณก็ขาว ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าต้องเป็นคนระดับไฮคลาส ส่วนดวงตาสีน้ำตาลเข้มจัดนั้นก็สามารถสะกดสายตาผู้คนตรงหน้าได้อย่างสบาย ถึงแม้จะดูดุ ๆ ไปสักหน่อยแต่ก็ไม่ได้ลดทอนความหล่อระดับดาราลงได้เลย และอาจเป็นเพราะสีผิวที่ขาวกว่าอีกสองหนุ่ม รวมทั้งบุคลิกที่สง่าผ่าเผย ดูมีอำนาจ จึงยิ่งเสริมให้เขาดูดีมากยิ่งขึ้นเข้าไปอีก สาวที่ไหนมาเห็นก็คงต้องเหลียวคอแทบหัก หลังจากพินิจพิเคราะห์ผู้ร่วมโดยสารด้วยสายตาอย่างรวดเร็วแล้ว เมื่อได้สติพิชญธิดา ที่ยืนอยู่ท่ามกลางหนุ่ม ๆ หล่อ ๆ จึงกล่าวออกไปว่า

?ขอบคุณนะคะที่รอ เอ่อ...รบกวนช่วยกดชั้น 22 ด้วยค่ะ ขอบคุณค่ะ? และเมื่อหญิงสาวเหลือบตามองดูที่แผงกดปุ่มก็พบว่าปุ่มเลข 22 ได้ถูกกดไว้อยู่แล้วและเป็นเพียงปุ่มเดียวที่แสดงสัญญาณไฟ เธอคิดในใจว่า ?อ้อ ขึ้นไปชั้นเดียวกัน คงเป็นแขกของท่านประธานแน่เลย ดีจังอย่างน้อยท่านประธานอาจจะต้องพบปะกับคนกลุ่มนี้ก่อน เราคงพอมีเวลาเตรียมตัวสักพักก่อนการสัมภาษณ์งาน?

เมื่อเห็นว่าความเงียบทำให้ลิฟต์ตัวนี้ดูอึดอัดเพียงใด พิชญธิดาจึงยิ้มหวานให้ผู้ร่วมโดยสารชายทั้งสามคนแล้วจึงเจื้อยแจ้วต่อตามประสาคนช่างพูดว่า

?ถ้าฉันไม่ได้ขึ้นลิฟต์ตัวนี้คงไปสัมภาษณ์งานไม่ทันแน่เลย ยิ่งได้ข่าวมาว่าท่านประธานขี้โมโหและดุน่าดู ขอบคุณพวกคุณอีกครั้งนะค่ะที่ช่วยให้ฉันไม่พลาดโอกาสสำคัญ หากไม่ได้พวกคุณฉันคงแย่แน่ ๆ ค่ะ?

?ไม่เป็นไรครับ ด้วยความยินดีครับ และหวังว่าคุณคงไม่ถูกท่านประธานดุเอานะครับ? เสียงตอบจากชายหนุ่มคนกลางที่สร้างความประหลาดใจให้กับลูกน้องทั้งสอง เพราะปกติเจ้านายหนุ่มเป็นคนที่กลัวดอกพิกุลจะร่วงโดยเฉพาะกับคนที่ไม่ได้รู้จัก สาวน้อยตรงหน้าคงมีเสน่ห์ไม่น้อย จึงสามารถชักชวนให้ผู้บริหารหนุ่มหล่อไฟแรงของบริษัทในเครือ นิมมานรดี เข้าร่วมบทสนทนาได้

?คุณรู้จักท่านประธาน วิชญ์ นิมมานรดี ด้วยเหรอคะ ท่านดุจริงไหมคะ?

?รู้จักครับ? เจ้าของนาม วิชญ์ นิมมานรดี ตอบโดยละ ?รู้จักเป็นอย่างดีซะด้วย? ไว้ในใจ

?แต่ผมไม่แน่ใจว่าดุไหม เพราะยังไม่เคยถูกดุสักที? ชายหนุ่มตอบกลับพร้อมทั้งยิ้มโปรยเสน่ห์ต่อหญิงสาว พิชญธิดาถึงกับตะลึงเพราะชายหนุ่มตรงหน้าดูดีและอ่อนโยนขึ้นมากเมื่อยิ้มทั้งหน้าทั้งตาอย่างนั้น ตัวชายหนุ่มเองก็แปลกใจไม่น้อยที่ตนเองรู้สึกเป็นกันเองกับสาวน้อยตรงหน้าจนถึงกับลืมตัวทั้งยิ้มทั้งพูดคุยเหมือนเพื่อนสนิทคนหนึ่ง เขารู้สึกว่าสาวน้อยตรงหน้าไม่ได้ตั้งใจหว่านเสน่ห์ยั่วยวนด้วยการชวนพูดคุย แต่กิริยาท่าทางของเธอนั้นกลับเป็นธรรมชาติซึ่งทำให้เธอดูมีเสน่ห์มากยิ่งขึ้นชวนให้มองและน่าหลงใหล

นักบริหารหนุ่มที่ฮ็อตที่สุดคนหนึ่งในขณะนี้ของวงสังคมบางกอกยังรู้จักใช้เวลาให้เกิดประโยชน์มากที่สุดด้วยการใช้สายตาที่คมกริบดุจพญานกอินทรีสำรวจหน้าตาของคู่สนทนาที่กำลังจะถูกเขาสัมภาษณ์ สาวน้อยตรงหน้าอายุไม่น่าจะเกิน 23 ปี ตาโตกลมหวานและดำสนิทจนตัวเขาเองยังต้องยอมรับว่าดวงตาเธอสวยน่ามอง ยิ่งประดับไปด้วยแผงขนตาที่ดกงอนงามตามธรรมชาติด้วยแล้วยิ่งทำให้ดวงตาเป็นจุดเด่นของเครื่องหน้าอย่างเห็นได้ชัด เธอแต่งหน้าด้วยเครื่องสำอางเพียงอ่อน ๆ เขียนคิ้วโก่งด้วยสีน้ำตาลเข้ม ปัดแก้มใสด้วยสีชมพูบางเบา และทาสีขนตาด้วยสีพาสเทลที่ช่วยขับให้ใบหน้าใสของเธอดูสวยอ่อนหวานมากยิ่งขึ้น ส่วนรูปร่างของเธอนั้นก็เหมาะสมกับความสูง เสื้อเชิ้ตสีขาวที่มีระบายลูกไม้ตรงปลายแขนกับกระโปรงเข้ารูปความยาวเพียงหัวเข่าขนาดพอดีตัวยิ่งทำให้เธอผู้นี้ดูสวยหวานเข้าไปอีก และดูเหมาะสมกับกาลเทศะและการสร้างความประทับใจให้กับผู้สัมภาษณ์ในการเจอกันเป็นครั้งแรกได้เป็นอย่างดี วิชญ์ชายหนุ่มผู้ซึ่งผ่านหญิงสาวสวยงามทั้งไทยและเทศมามากยังต้องยอมรับกับตัวเองเลยว่า ถึงแม้หญิงสาวตรงหน้าจะไม่ได้สวยจนโดดเด่นเหมือนคู่ควงบางคนของเขา แต่เธอก็มีหุ่นสะโอดสะองและหน้าตาที่สามารถเป็นนางแบบคนหนึ่งได้อย่างสบาย วิชญ์ยังคงสำรวจใบหน้าหวานของหญิงสาวและเผลอยิ้มตอบเมื่อเห็นหญิงสาวส่งยิ้มมาให้อีกครั้ง ?โอ้โห ยิ่งยิ้มยิ่งหวาน แล้วปากนั่นจะหวานเหมือนดวงตาด้วยไหมนะ อยากรู้จัง?

ปิ๊ง เสียงสัญญาณร้องเตือนเมื่อลิฟต์มาถึงที่หมาย เมื่อประตูลิฟต์เปิดออกสาวน้อยหนึ่งเดียวในลิฟต์ก็กล่าวขอบคุณชายหนุ่มทั้งสามอีกครั้งทั้งด้วยคำพูดและรอยยิ้มหวานกระชากใจ แล้วจึงรีบเลี้ยวออกไปทางซ้ายตามข้อมูลที่ได้รับมาเพื่อเดินต่อไปยังจุดหมายปลายทางโดยไม่รู้ตัวเลยว่าได้มีสายตาคู่หนึ่งมองตามไปอย่างไม่คลาดสายตา กฤตธีได้ทีจึงหยอกเจ้านายของตนไปว่า

?เอ้า เอ้า มองเข้าไป เดี๋ยวน้องเขาก็ถูกดูดกลืนวิญญาณกันพอดี สวยถูกใจมากหรือครับนาย?

ไม่มีคำตอบใด ๆ จากเจ้านายหนุ่มนอกจากสายตาที่หันมาจ้องมองและสามารถสงบปากสงบคำลูกน้องจอมกวนได้เป็นอย่างดี แต่กลับมีเสียงหัวเราะ หึ หึ ดังมาจากอีกหนุ่มที่เงียบมาตลอด กฤตธีจึงถามออกไปว่า

?ขำอะไรว่ะ ไอ้วีร์?

?ก็ขำที่ไม่มีใครพูดกับแกไงว่ะ ฮ่า ฮ่า ฮ่า เอ้า ไม่ต้องมาจ้องหน้าหาเรื่องเลย โน่น นายเดินเข้าห้องทำงานไปแล้ว? สองหนุ่มสองมุมจึงต้องรีบเดินตามนายไป และเมื่อถึงหน้าห้องทำงานที่มีป้ายติดบอกตำแหน่งพร้อมชื่อบนประตูว่า ?ประธานกรรมการ วิชญ์ นิมมานรดี? กฤตธีก็ไม่รอช้ารีบเปิดและก้าวเข้าห้องไปทันที โดยทิ้งให้ธีรวีร์เดินไปอีกทางเพราะวันนี้เขาต้องเป็นคนเฝ้าหน้าห้องตามหน้าที่ของบอดี้การ์ดที่จะต้องมีหนึ่งคนอยู่ในห้องทำงานกับนาย และอีกคนคอยดูแลความเรียบร้อยที่หน้าประตู เพื่อทำหน้าที่ทั้งป้องกันภัยจากศัตรูและเป็นไม้กันหมาจากสาว ๆ ในคอลแล็คชั่นทั้งหลายของนาย



************************



บนชั้นที่ 22 ของ ณ นิมมานรดี โรงแรมหรูกลางใจเมืองนั้น น้อยคนนักที่จะไม่รู้ว่าเป็นที่ตั้งของสำนักงานใหญ่ของบริษัทในเครือ นิมมานรดี ทั้งหมด ที่มีทั้งกิจการโรงแรม รีสอร์ท ซึ่งตั้งอยู่ตามสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญ ๆ ที่มีชื่อเสียงทั่วประเทศ รวมทั้งไร่องุ่น ณ นิมมานรดี อีกหลายแห่งทั้งทางภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือของไทยที่เป็นธุรกิจการเกษตรที่มีพื้นที่เพาะปลูกขนาดใหญ่รั้งอันดับต้น ๆ ของประเทศซึ่งได้ผสมผสานการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ธรรมชาติผนวกเข้าไปได้อย่างลงตัว ที่สำคัญบนชั้นที่ 22 นี้ประธานกรรมการหนุ่มหล่อและโสดอย่าง วิชญ์ นิมมานรดี ที่มีดีกรีเป็นนักเรียนนอกซึ่งพ่วงปริญญาโทกลับมาถึงสองใบนั้นก็ทำงานอยู่ที่นี่เป็นหลัก ประธานหนุ่มเพิ่งจะกลับมาดูแลบริษัทได้ไม่นาน เพราะมัวใช้ชีวิตอยู่ในต่างแดนเสียหลายปีทั้งเพื่อการร่ำเรียน และเพื่อเรียนรู้ชีวิตในอีกรูปแบบหนึ่งอย่างเต็มที่ก่อนจะมารับหน้าที่บริหารกิจการของครอบครัว วิชญ์ต้องรับผิดชอบดูแลกิจการในเครือนิมมานรดีทั้งหมดต่อจากผู้เป็นลุงที่เจ้าตัวรักและนับถือเสมือนพ่อคนหนึ่งเพราะเป็นผู้ที่เลี้ยงดูตัวเขามาตั้งแต่เล็ก ๆ เนื่องจากพี่ชายแท้ ๆ ของแม่คนนี้ไม่มีโอกาสที่จะมีลูกเป็นของตนเองเพราะภรรยาเป็นหมันจึงเอ่ยปากขอเขามาเลี้ยงจากพ่อและแม่และพาเขาไปตั้งรกรากที่เชียงใหม่เพราะป้าเป็นคนพื้นเพที่นั่นและเป็นลูกสาวเพียงคนเดียวของมหาเศรษฐีคนหนึ่งของเชียงใหม่ พ่อแม่ของเขาก็ตอบตกลงเพราะรู้ดีว่าลุงและป้าจะเลี้ยงดูเขาเป็นอย่างดี นอกจากนั้นก็ยังมีลูกสาวคนเล็กเหลืออีกหนึ่งคนให้ฟูมฟักเลี้ยงดู วิชญ์เองก็ไม่ได้ขาดการติดต่อจากครอบครังที่แท้จริงเพราะทุกสองอาทิตย์ลุงก็จะพากลับมาเยี่ยมบ้านที่กรุงเทพฯ และทุกปิดภาคเรียนเขาก็กลับมาอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากับครอบครัว ความรักความสัมพันธ์ที่มีอยู่จึงไม่ได้ขาดหายไป วิชญ์ไม่เคยคิดว่าตัวเองถูกพ่อแม่ทิ้งหรือรักน้อยกว่าน้องสาวเหมือนที่เพื่อนข้างบ้านสมัยเด็ก ๆ ของเขาชอบล้อว่า ?ไอ้หมาหัวเน่า? เพราะพอพ่อแม่มีลูกสาวคนเล็กก็ยกให้เขาไปอยู่กับคุณลุงคุณป้าที่เชียงใหม่แทน แต่เขากลับคิดว่าเขาเป็นคนที่โชคดีมากเพราะมีพ่อแม่ถึงสี่คนที่รักและเลี้ยงดูเขามาอย่างดีและยิ่งกับน้องสาวคนเดียวด้วยแล้ว วิมลณัฐหรือน้องวิ เธอคือแม่น้องน้อยที่เป็นแก้วตาดวงใจของเขาเช่นกัน เพราะความรักความผูกพันธ์ที่มีให้กันมาตลอดถึงแม้จะไม่ได้อาศัยอยู่ในชายคาเดียวกันวิชญ์จึงแทบหัวใจสลายในทันทีที่ได้ทราบข่าวร้ายจากเมืองไทยเมื่อหลายปีก่อนว่าพ่อแม่และน้องสาวได้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุรถยนต์ในขณะที่กำลังเดินทางไปเยี่ยมลุงและป้าของเขาที่เชียงใหม่ แม้เวลาจะผ่านมาเกือบห้าปีแล้วก็ตามแต่ทุกครั้งที่วิชญ์คิดถึงพวกท่านก็อดน้ำตาซึมไม่ได้ อย่างไรก็ตามนับว่าเขายังโชคดีที่ยังเหลือลุงและป้าเป็นร่มโพธิ์ร่มไทรของชีวิต วิชญ์จึงตั้งใจทำงานอย่างเต็มกำลังความสามารถเพื่อทดแทนบุญคุณที่มีท่วมท้นของลุงและป้าโดยตั้งใจช่วยสานต่อกิจการของลุงและป้าให้เจริญก้าวหน้าให้มากที่สุดและเขาก็ทำได้สำเร็จ เขาได้พิสูจน์ให้คนทั้งประเทศได้เห็นถึงความยิ่งใหญ่ของโรงแรมระดับเจ็ดดาวแห่งแรกของกรุงเทพฯ ณ นิมมานรดี ด้วยระยะเวลาเพียงสามปีที่กลับมาจากต่างแดน ทุกวันนี้ไม่มีใครไม่รู้จัก วิชญ์ นิมมานรดี ประธานกรรมการบริษัทที่ประสพความสำเร็จอย่างสูงสุดด้วยวัยเพียง 29 ปี

ประธานกรรมการหนุ่มหล่อกำลังนั่งอ่านเอกสารของคนที่จะสัมภาษณ์ในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้านี้อย่างใจจดใจจ่อ

ชื่อ นางสาวพิชญธิดา บวรภัค

อายุ 25 ปี

บัตรประชาชนเลขที่ 3839900454xxx

ชื่อบิดา นายพิชญะ บวรภัค อายุ - ปี (เสียชีวิตแล้ว)

ชื่อมารดา นางสุธีรา บวรภัค สตีเฟ่น อายุ 50 ปี

การศึกษา ปริญญาโท อักษรศาสตรมหาบัณฑิต (ภาษาอังกฤษ)

ปริญญาโท บริหารธุรกิจมหาบัณฑิต

ปริญญาตรี อักษรศาสตรบัณฑิต (ภาษาฝรั่งเศส)

ตำแหน่งที่ต้องการสมัคร เลขานุการของประธานกรรมการ

ที่อยู่ปัจจุบัน 152 หมู่บ้านผาสุข อ่อนนุช กรุงเทพฯ

ที่อยู่ตามทะเบียนบ้าน 152 หมู่บ้านผาสุข อ่อนนุช กรุงเทพฯ

บุคคลที่สามารถติดต่อได้ นายวรปรัชญ์ สิทธิกุล หมายเลขโทรศัพท์ 0835672xxx

ประวัติการทำงานล่าสุด เลขานุการผู้จัดการทั่วไปโรงแรมเฟิร์สอิมเพลสชั่น

ทำไมถึงอยากร่วมงานกับเรา (กรุณาเขียนเป็นภาษาอังกฤษ)

To be honest I don?t know much about your company / hotel yet then I can?t tell why I want to work here (actually I just want a job now) so let me work here to learn more and to find out why I want to work here. (ด้วยความสัตย์จริง ดิฉันยังไม่รู้จักบริษัท / โรงแรมของคุณมากสักเท่าไรจึงยังบอกไม่ได้ว่าทำไมถึงอยากทำงานที่นี่ (จริง ๆ แล้วดิฉันแค่อยากได้งานทำใหม่) ดังนั้นหากดิฉันได้มีโอกาสศึกษางานที่นี่คงจะตอบคุณได้ว่าทำไมถึงอยากทำงานที่นี่ค่ะ)

?ฮ่า ฮ่า ฮ่า? วิชญ์ หัวเราะเสียงดังลั่นอย่างถูกใจเมื่ออ่านมาถึงบรรทัดสุดท้าย

?โห แสบไม่เบาเลย เข้าใจเขียนดีแฮะ? วิชญ์ยังคงนั่งอมยิ้มจนลูกน้องคนสนิทอดสงสัยไม่ได้ว่าถูกใจอะไรนักหนา จึงถามออกไปว่า

?นายชอบใจอะไรเหรอครับ นั่นใบสมัครงานของเธอคนเมื่อกี้ใช่ไหมครับ?

?เออ ของเจ้าหล่อนนั่นแหละ ท่าทางจะฉลาดไม่เบาว่ะ สงสัยวันนี้ฉันได้เลขาฯใหม่แน่ ๆ เจ้าหล่อนมีคุณสมบัติครบถ้วน หน้าตาก็ดี ความรู้ก็มี แถมมีกึ๋นอีกต่างหาก เดี๋ยวต้องรอดูตอนสัมภาษณ์ล่ะว่าจะเก่งและคล่องแคล่วสักแค่ไหน อ้อ กฤต เดี๋ยวตอนสัมภาษณ์แกไม่ต้องอยู่ก็ได้นะ?

?อ้าว ทำไมละครับนาย ผมก็อยากรู้ว่าเธอจะเจ๋งจริงหรือเปล่า แล้วทุกครั้งที่สัมภาษณ์งานผมก็อยู่ด้วยทุกทีนี่นา?

?ไม่ต้องเลยไอ้คุณกฤต ขืนแกอยู่ว่าที่เลขาฯใหม่ฉันเขาอาจจะอึดอัด และอาจจะตอบอะไรไม่ตรงกับใจเขาก็ได้ ฉันอยากให้เขาเป็นตัวของตัวเองมากที่สุดว่ะ แกออกไปเถอะ เออ ไปบอกคุณเมธปรียาเขาด้วยว่าฉันพร้อมจะสัมภาษณ์คุณพิชญธิดาแล้ว?

?นายครับ นายกำลังจะสัมภาษณ์หาเลขาฯหรือหาหวานใจกันแน่ครับถึงต้องการให้เขาเป็นตัวของตัวเองมากที่สุดแถมยังจะให้ผมออกไปรอข้างนอกอีก มันผิดปกตินะนาย นายคิดจะทำมิดีมิร้ายเขาหรือเปล่าครับ?

?ไอ้กฤตธี!!!? เสียงนายแผดลั่นห้องแต่ไม่ได้น่ากลัวเลยในสายตาลูกน้อง เพราะรู้ดีว่านายน่าจะเขินซะมากกว่าที่มีคนรู้ทัน และด้วยความที่สนิทสนมกันมาตั้งแต่เด็กแล้วทำให้เขารู้ดีว่านายไม่ได้จะ ?เอาเรื่อง? อย่างที่ทำเสียงขู่หรอก นายของเขาจะเป็นกันเองกับลูกน้องคนสนิทเสมอเมื่ออยู่ด้วยกันตามลำพัง และไม่เคยถือโกรธเขาหรือธีรวีย์สักครั้งเวลาที่เล่นหัวกับนาย แต่พวกเขาก็รู้เวลาและกาลเทศะเสมอไม่เล่นหัวหรือหยอกล้อในที่สาธารณะหรือเกินขอบเขต อย่างไรก็ตามเขาก็ยังเคารพและให้เกียรติ วิชญ์ นิมมานรดี เสมอในฐานะที่เป็นนายทั้ง ๆ ที่มีอายุเท่าเทียมกัน

?ไปแล้วครับนาย ขอให้เอ็นจอยนะครับ แล้วจะให้ผมไปบอกคุณยาเลยไหมครับว่าให้ยกเลิกสัมภาษณ์คนอื่นไปเลย เพราะยังไงคนนี้ก็ต้องได้อยู่แล้ว ชัวร์ ๆ ฮ่า ฮ่า ฮ่า? ยังไม่ทันพูดจบประโยคดีกฤตธีก็ต้องรีบกระโดดหลบออกไปนอกประตูเพราะเห็นนายกำลังจะใช้ก้อนเซรามิคทับกระดาษขว้างมาใส่หัวโทษฐานที่จะทำงานเกินหน้าที่
[/size]



************************


ขอคอมเม้นต์ด้วยนะคะ ขอบคุณคะ

ตอบกลับโพส

ย้อนกลับไปยัง “ก้าวแรก(สู่นักเขียนมืออาชีพ)”