[..นิยาย..] Kill & Hunt ล่ารัก...สังหารหัวใจ [บทนำ]

ถ้าเพื่อนๆ มีเรื่องที่น่าสนใจและต้องการแบ่งปันเนื้อหา หรือร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการเป็นนักเขียนมืออาชีพ

Moderator: Gals, B.Comics, พี่บี

ตอบกลับโพส
จันทรากัสมา
โพสต์: 608
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ 15 มิ.ย. 2007 8:54 pm
ที่อยู่: ดารารัตน์นาม สุสานไหร้อยปี

[..นิยาย..] Kill & Hunt ล่ารัก...สังหารหัวใจ [บทนำ]

โพสต์ โดย จันทรากัสมา »

Kill & Hunt ล่ารัก...สังหารหัวใจ

บทนำ


สมเด็จพระรามาธิบดีมิคาเอล บราฮิวโนส โคนาสแห่งสหราชอาณาจักรโอเดเทล พระปฐมบรมราชวงศ์โคนาสอันเป็นพระราชวงศ์ลำดับที่สามต่อจากพระราชวงศ์อาดินอส พระองค์ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ ผู้ปราบดาภิเษกครองราชย์สมบัติผ่านภพโอเดเทล ภายหลังยุคมืดที่สุดของสหราชอาณาจักร

ตามพระราชประวัติที่บันทึกเอาไว้นั้น พระองค์ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ผู้ทรงพระปรีชาสามารถที่สุด มิมีพระมหากษัตริย์พระองค์ใดมาเปรียบพระบารมีได้ ทรงเป็นที่กล่าวขานขจรขจายไปทั่วทั้งแผ่นดินถึงพระปรีชาชาญในการปกครอง และการศึก พระองค์มักเสด็จนำทัพออกศึกอย่างมิขลาดกลัวต่อความตาย แม้จะทรงบาดเจ็บสาหัสอยู่หลายต่อหลายครั้ง ทว่าพระองค์ก็เสด็จกลับจากโลกแห่งความตายได้อย่างปาฏิหาริย์ทุกครั้งไป

พระราชประวัติของพระองค์ทั้งก่อนและหลัง การปราบดาภิเษกขึ้นเป็นพระมหากษัตริย์แห่งสหราชอาณาจักรอันยิ่งยงแห่งนี้ ช่างเต็มไปด้วยสีสันที่คนทั้งหลายต่างก็ให้การศึกษา และเขียนออกมาเป็นนวนิยายนับสิบเรื่อง บอกเล่าเรื่องราวของพระองค์ในด้านต่างๆ กันไป ซึ่งล้วนแล้วแต่เขียนออกมาอย่างได้อรรครสตามมุมมองของนักเขียนผู้นั้น

และข้า... ผู้เป็นหนึ่งในนักศึกษาประวัติศาสตร์อันยาวนานของสหราชอาณาจักรที่พำนักอยู่นี้... ก็กำลังเขียนเรื่องราวของพระมหากษัตริย์ขึ้นมาดุจเดียวกัน

หากทว่ามันเป็นด้านที่แตกต่างจากคนอื่น ซึ่งข้าต้องทุ่มเวลากว่าสิบปีเพื่อหาข้อมูลความเป็นจริงของสิ่งที่สนใจ มันเป็นระยะเวลาอันยาวนานที่ใครๆ คนไม่กล้าอยากลองทำ แต่ข้ายินดีเพื่อจะได้เขียนเรื่องราวที่รับรู้มาได้อย่างถูกต้อง

เมื่อสิบสี่ปีที่แล้วข้าในวัยสิบเก้าปี ยังเป็นเพียงนักศึกษาในมหาวิทยาลัยแห่งสหราชอาณาจักรโอเดเทล ถูกอาจารย์ผู้สอนวิชาประวัติศาสตร์ สั่งให้ทำรายงานพระราชประวัติพระมหากษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ ในพระราชวงศ์โคนาสมาอย่างน้อยหนึ่งพระองค์

มันเป็นรายงานชุดใหญ่ที่ตัดสินชีวิตการเป็นราชบัณฑิตของข้า ดังนั้นข้าจึงเลือกทำรายงานของมหาบุรุษมิคาเอลที่ทุกคนต่างก็สนใจ ด้วยพระองค์ทรงเป็นพระปฐมบรมกษัตริย์ที่เก่งกาจในทุกๆ ด้าน โดยหมายจะนำพระราชประวัติในสมัย ก่อนปราบดาภิเษกเป็นพระมหากษัตริย์มาทำเป็นรายงานส่งอาจารย์

ทว่าสายตาของข้ากลับต้องหยุดนิ่งที่ภาพหนึ่ง ซึ่งถูกสลักเอาไว้บนกระดาษเก่าคร่ำคราอายุนับร้อยปีของหนังสือเล่มนั่น มันเป็นภาพสตรีผู้หนึ่งกำลังคุกเข่าถวายความภักดีต่อมหาบุรุษมิคาเอลคนนั้น

ข้าพยายามอย่างยิ่งที่จะหานามของสตรีคนนี้ จากพระราชประวัติของสมเด็จพระรามาธิบดีเจ้า แต่กลับไม่พบเลยแม้แต่ชื่อเดียว นามอิสตรีที่น่าจะเป็นไปได้ที่สุดนั้นก็เป็นภริยาของขุนนางอันดับหนึ่งผู้เคียงข้างพ
ระองค์อีกคน ซึ่งนางเป็นสตรีผู้อ่อนหวานหาได้แข็งกร้าวดังสตรีในภาพไม่ อีกทั้งใต้ภาพยังจารึกเอาไว้ด้วยว่า สตรีคนนี้เป็นฝาแฝดของคุณหญิงผู้สูงล้ำคนนั้น

ทั้งที่เป็นฝาแฝดซึ่งเกิดในยุคเดียวกัน และถวายความภักดีแด่พระปฐมบรมราชวงศ์มิคาเอล

แล้วไฉนจึงไร้นามอันเป็นไปของหล่อนคนนี้เล่า

?ท่านบรรณารักษ์ขอรับ ช่วยบอกข้าเกี่ยวกับสตรีในภาพนี้หน่อยได้มั้ยขอรับ? ข้ากระหืดกระหอบนำหนังสือนั้นไปถามกับบรรณารักษ์ด้วยความใคร่รู้

ครานั้นท่านบรรณารักษ์ผู้ชราเฒ่าก็เลื่อนแว่นขยายมาส่องใบหน้าของหญิงสาว ซึ่งข้าสังเกตได้ในทันทีเลยว่า ชายชราสะดุ้งน้อยๆ เมื่อได้เห็นหน้าหล่อนเต็มตา

?ว่ายังไงขอรับ บอกหน่อยได้มั้ยว่าหล่อนเป็นใคร? ข้าคาดคั้น

?อย่ารู้เลย? ท่านบรรณารักษ์สั่นหัวคลอน ?นี่มิใช่คนที่เจ้าสมควรรู้จักดอก หากปรารถนาจะทำรายงานก็จงเขียนเรื่องของมหาบุรุษมิคาเอลเสียเถิด?

?แต่หล่อนถวายความภักดีให้แก่พระองค์ท่านมิใช่รึ ท่านศึกษาเรื่องของพระองค์มาก่อนหน้าข้า ดังนั้นท่านย่อมรู้ว่าหล่อนเป็นใคร?

บรรณารักษ์เฒ่าทำใบหน้าระอาแล้วส่ายหัวด้วยความอ่อนใจ ทว่าดวงตาของเขาในตอนที่หันมามองหน้าข้าอีกครั้งนั้น กลับเปี่ยมล้นไปด้วยความเมตตาสงสาร ข้าไม่เคยเข้าใจเลยว่าทำไมดวงตาของบรรณารักษ์เฒ่าคนนั้นจึงฉายแววนั้น และไม่เคยเข้าใจมาจนวันนี้ ด้วยวันนั้นเอาแค่ครุ่นคิดถึงคำตอบของเขา

?หากอยากรู้จักก็จงหาตัวตนของ ?จักรพรรดินีแห่งรัตติกาล? ให้เจอเถิด หากเจ้าพบตัวจริงแห่งนางเมื่อใด เจ้าจะพบคำตอบของเจ้าเมื่อนั้น?

คำตอบนั้นทำให้ข้าต้องสาวสองเท้ามุ่งหน้าไปยังตึกจารึกประวัติศาสตร์ เพื่อพบกับอาจารย์ผู้สอนแล้วถามเขาด้วยคำถามเดียวกัน พร้อมทั้งบอกถึงคำใบ้ที่ท่านบรรณารักษ์ให้ไว้ได้รับรู้ด้วย ซึ่งอาจารย์ผู้สอนข้านั้นก็รับหนังสือไปพิจารณาภาพอยู่นาน แล้วจึงเงยหน้ามองหน้าแล้วถามคำถาม

?เจ้าปรารถนาจะเขียนเรื่องของสตรีคนนี้หรือ?

?ขอรับ ข้าอยากรู้ว่า หล่อนเป็นใคร ทั้งๆ ที่มอบความภักดีให้แก่มหาบุรุษมิคาเอล แล้วทำไมจึงไม่จารึกเรื่องราวของหล่อนเอาไว้บ้าง? ข้ายืนยันความปรารถนาอย่างหนักแน่น

ท่านอาจารย์ส่ายหัวน้อยๆ แล้วทำหน้าคล้ายลำบากใจในบางสิ่ง ท่านลุกขึ้นไปหยิบกล่องใบน้อยลงมาจากชั้นวางของ แล้วหยิบซองปิดผนึกอย่างดีขึ้นมาคล้ายจะมอบให้ข้า แต่ก็รั้งเอาไว้ในตอนสุดท้าย

?แม้จะต้องใช้เวลาทั้งชีวิต เจ้าก็จะหาอย่างนั้นหรือ? ท่านถาม

?ขอรับ?

?งั้นจงรับจดหมายนี่ไปแล้วเดินทางไปฮาลโบลาเสีย เมืองนั้นมีห้องสมุดแห่งสหราชอาณาจักรตั้งอยู่ และเมื่อใดที่เจ้ารู้สึกท้อแท้ก็จงเปิดจดหมายออกอ่านเสีย?

ข้ารับจดหมายฉบับนั้นมาจากท่านอาจารย์ด้วยหัวใจที่เปี่ยมล้นด้วยความตื่นเต้น หลังจากนั้นข้าก็เก็บของออกเดินทางจากมหาวิทยาลัย ไปหมกตัวในห้องสมุดแห่งสหราชอาณาจักรที่เมืองฮาลโบลา ในครานั้นข้าคิดด้วยความสุขว่า คงจะไม่มีที่ใดที่เหมือนกับที่นี่ ด้วยห้องสมุดแห่งนี้มีหนังสือเก็บเอาไว้นับหมื่นเล่ม โดยแบ่งออกเป็นเก้าหมวดใหญ่ คือ ทั่วไป ปรัชญา การเมืองการปกครองและกฎหมาย ศาสตร์การศึกและมนตรา กลศาสตร์สากล ภาษาศาสตร์ วรรณกรรม ศิลปกรรม และสุดท้าย ประวัติศาสตร์

เวลาผ่านไปนานเพียงใดข้าไม่อาจรู้ได้ แต่ข้าเฝ้าอ่านหนังสือทุกเล่มในห้องสมุดแห่งนั้นทีละเล่ม... ทีละเล่ม หวังเพียงว่าจะมีสักเล่มหนึ่งที่จารึกถึงเรื่องราวของ ?จักรพรรดินีแห่งรัตติกาล? เอาไว้บ้าง แต่ก็ไม่มีเล่มใดเลยที่บันทึกเรื่องราวของนางเอาไว้ มันเหมือนกับว่า สิ่งที่กำลังตามหานั้นเป็นเพียงมายาที่ไม่อาจเอื้อมคว้าถึง

ในที่สุดข้าก็ต้องอ่านหนังสือด้วยความสิ้นหวัง การอ่านไม่ได้ช่วยชูกำลังแห่งความฝันของข้าอีกต่อไป ข้าหมดกำลังใจที่จะตามหาสตรีคนนั้นและอยากกลับไปมหาวิทยาลัย เพื่อเดินในเส้นทางแห่งราชบัณทิตอีกครั้ง ทว่าในตอนนั้นเองที่สายตาเหลือบไปเห็นซองจดหมายที่ผู้เป็นอาจารย์ให้มา

...เมื่อใดที่เจ้ารู้สึกท้อแท้ก็จงเปิดจดหมายออกอ่านเสีย...

คำพูดของอาจารย์ล้วนย้อนกลับมา ทำให้สองมือของข้ายื่นไปหยิบจดหมายมาด้วยใจหดหู มันเป็นการเปิดจดหมายออกอ่านด้วยหัวใจที่หนักอึ้ง ที่สุดเท่าที่ข้าเคยทำ



จงเที่ยวท่องในโลกกว้าง



นี่คือคำที่จารเอาไว้ในกระดาษแผ่นใหญ่ เขียนด้วยลายมืออันอ่อนช้อยงดงาม บ่งบอกว่าผู้เขียนเป็นผู้มีการศึกษาในระดับสูง และมิใช่ลายมือของท่านอาจารย์ผู้สอนข้าด้วย แต่มันก็ทำให้หัวใจของข้าพองโตขึ้นมาด้วยความหวังอีกครั้ง

อักษรเพียงไม่กี่พยางค์บอกความหมายอย่างกว้างขวางในกระดาษแผ่นนั้น ทำให้ข้าเก็บข้าวของออกเดินทางสู่โลกอันกว้างใหญ่ พบเจอเรื่องราวต่างๆ มากมายอย่างที่ใคร่ๆ ก็ยังต้องอิจฉา สร้างผลงานทางวรรณกรรมจารึกและอื่นๆ อีกมากมายสู่ให้อาณาประชาราษฎร์ทั้งหลายได้รับรู้ กลายเป็นบุคคลมีชื่อไปเสียงตั้งแต่เมื่อใดไม่อาจทราบ

ทว่าการเดินทางของข้ากลับต้องหยุดลงด้วยความอ่อนล้า เพราะไม่ว่าจะเดินทางไปที่ใดก็ไม่มีใครเอ่ยปากถึงเรื่องราวของ ?จักรพรรดินีแห่งรัตติกาล? เลย มันช่างเป็นการยากราวงมเข็มในมหาสมุทร ซึ่งสตรีลึกลับที่ข้าพยายามจับคว้าคือ เข็ม และโลกอันแสนกว้างใหญ่แห่งนี้คือ มหาสมุทร ข้าแสนจะอ่อนล้าและอยากยอมแพ้แล้วจบสิ้นการตามหาลงแต่เท่านั้น

แต่อีกครั้งที่มีคนเข้ามาแทรกแซงข้าผู้อ่อนแอ ในวันที่ข้ากำลังจะเดินทางกลับไปมหาวิทยาลัย ข้าต้องประหลาดใจที่ได้พบกับท่านอาจารย์ผู้สอนเดินลงมาจากเรือ ซึ่งร่องมาจากเมืองหลวงทางทิศเหนืออย่างยาวนาน ท่านยิ้มให้แล้วโอบกอดข้าด้วยสองแขนที่แสนคิดถึง

?ข้ามาหาเจ้าแล้ว ลูกศิษย์เอ๋ย? เขากระซิบให้กับข้าที่กำลังสะอื้น ?จงอย่าร้องไห้ไปเลย ความท้อแท้มันเป็นเรื่องที่เจ้าจะต้องพบเจอ เมื่อต้องตามหาเรื่องราวของสตรีผู้เป็นดังม่านมายาคนนั้น?

ท่านอาจารย์ดันตัวข้าออกมาจนสุดแขน แล้วมองสำรวจด้วยความภาคภูมิใจ จากนั้นก็หยิบจดหมายปิดผนึกอีกฉบับออกมาแล้วถามคำถาม

?เจ้ายังอยากตามหาเรื่องราวของนางอยู่หรือไม่ ศิษย์รัก?

ข้านิ่งคิดไปสักครู่... ตลอดเวลาที่ผ่านมาต้องอยู่อย่างลำบากก็หลายครั้ง ต้องประสบทุกข์ภัยก็หลายครา แต่หัวใจของข้าก็ยังเรียกร้องหาสตรีคนนั้น... สตรีลึกลับในภาพที่ไม่เคยลืมเลือน

?ขอรับ ข้ายังอยากตามหานางอยู่?

ใบหน้าของอาจารย์เหยียดยิ้มด้วยความชื่นชมยิ่งกว่าเดิม ท่านวางจดหมายลงในมือของข้าแล้วตบบ่า

?เช่นนั้นจงไปเถิด ข้าจะเอาใจช่วยและคอยดูแลเจ้าจากเมืองหลวงเอง?

แล้วท่านอาจารย์ก็กลับขึ้นเรือไปในขณะที่ข้าได้แต่ยืนอึ้ง เมื่อได้สติสองมือก็แก้จดหมายออกอ่านเนื้อความ ซึ่งจารเอาไว้ด้วยลายมืออันงดงามลายเดิมที่ข้าจำได้ไม่เคยลืม



จงไปสู่คาล์ทาเลย์



ดังทุกอักษรสลักขึ้นด้วยมนตราอันยั่วเย้า ข้าเร่งกลับที่พักเก็บของเพื่อออกเดินทางสู่คาล์เทเลย์ ซึ่งข้าได้รู้ในตอนนี้เองว่า การเดินทางไปสถานที่แห่งนั้นเป็นความลำบากอย่างยิ่งยวด ด้วยไร้เรือจ้างใดกล้าหาญนำข้าไปเลยสักลำ ทั้งยังสำทับอยู่เรื่อยๆ ว่า ?คาล์เทเลย์เป็นเมืองหฤโหดมิสมควรยุ่งเกี่ยว?

ทว่าข้าก็ไปถึงด้วยสองเท้าของตัวเอง และเป็นครั้งแรกที่ข้าได้ค้นพบสวรรค์แห่งประวัติศาสตร์ ที่ไม่เคยมีใครจารึกมาก่อน

คาล์เทเลย์... ดินแดนอันเป็นจุดศูนย์แห่งโลกมืด เมืองที่มีแต่เดนคนเท่านั้นที่จะกล้าหาญเข้ามาพำนักอาศัย แต่ข้าก็เข้าไปอยู่ในเมืองแห่งนั้นนานนับปี เรียนรู้ และศึกษาประวัติศาสตร์แห่งโลกเบื้องหลัง แล้วส่งเรื่องราวเหล่านั้นสู่โลกเบื้องหน้าให้ได้รับรู้ถึงการมีอยู่ของพวกเขา

ไม่รู้หรอกว่าจะมีใครเชื่อเรื่องของข้าหรือไม่ แต่ข้าสนุกที่ได้เขียนเรื่องของพวกเขา...จนกระทั่งวันนั้น

?จักรพรรดินีแห่งรัตติกาลเสด็จเว้ย องค์จักรพรรดินีมาแล้ว?

เสียงประกาศก้องดังขึ้น ในขณะที่ข้ากำลังเขียนประวัติศาสตร์เคล้าสุราในร้านเหล้า สิ่งที่ข้าได้เห็นในตอนที่หันไปมองคือ ฝูงชนอันเป็นบุรุษเดนมนุษย์กำลังแหวกทางออกด้วยใบหน้าตื่นกลัว ซึ่งคนที่กำลังเดินเข้ามาคือ สตรีผมยาวเหยียดตรงสีดำขลับ นัยน์ตาสีแดงดังโลหิต กิริยางามสง่าที่สุดเท่าที่เคยพบมาก่อน

?จักร...จักรพรรดินีแห่งรัตติกาลหรือ...?

ข้าถึงสะดุ้งเมื่อใบหน้างดงามประทินด้วยความเย็นชาเหลือบมอง นางมองสำรวจข้าสักครู่ก่อนจะแย้มยิ้ม แล้วเดินเข้ามาใกล้คล้ายต้องการผูกสัมพันธ์ ทว่าข้ากลับรู้สึกอึดอัด เมื่อหล่อนเดินเข้ามาใกล้ คล้ายมีรัศมีบางอย่างแผ่กำจายมาจากร่างของนางตลอดเวลา

?นักเขียนประวัติศาสตร์จากโลกเบื้องหน้าที่โจทก์กันรึ? นางถามผู้อื่นมากกว่าจะถามข้า

?ขอรับ...ใช่แล้ว อย่าสนใจหมอนี่เลยขอรับ บ้าๆ บอๆ ไปตามเรื่องของนักประวัติศาสตร์? หนึ่งในผู้มุงดูตอบเสียข้านึกเคือง

แต่นางก็หาได้สนใจคำพูดของคนผู้นั้นไม่ ปลายนิ้วเรียวให้สัมผัสอ่อนนุ่มเชยคางของข้าให้มองดวงตาสีแดงเลือดนั้น แววตาที่ดูนุ่มลึกราวกับมองเห็นถึงจิตใจสะกดตรึงข้าเอาไว้ได้อย่างนิ่งงัน

?ดวงตาที่ดี ข้าชอบเขา? นางเอ่ยยังเสียงฮือฮาให้ดังขึ้น ?บอกข้าหน่อยสิเจ้ากำลังหาเรื่องราวของใคร... มินโทเนียส... เบลลาลี่... หรือว่าข้า... จักรพรรดินีแห่งรัตติกาล?

อีกครั้งที่ข้าต้องสะดุ้งในการคาดการณ์อย่างเฉียบคมของสตรีตรงหน้า ร่างของข้าเริ่มสั่นเทาด้วยความหวาดกลัวเมื่อเรียวปากอิ่มสีแดงระเรื่อเหยียดยิ้มน้อ
ยๆ ข้ากำลังกลัว...กลัวหญิงสาวคนนี้ดุจเดียวกับเดนมนุษย์คนอื่นๆ กลัวอย่างที่ไม่เคยคิดเลยว่าชีวิตนี้จะกลัวใครได้เท่านางอีกต่อไปแล้ว

?...ช...ใช่...? ข้ากลืนน้ำลายตอบ

จักรพรรดินีแห่งรัตติกาลสาวปล่อยมือจากข้าแล้วยิ้มอีกครั้ง ข้าให้ตะลึงด้วยรอยยิ้มนั้นช่างเปี่ยมล้นไปด้วยความอ่อนโยน

?สงสัยอะไรล่ะ? นางถามเสียงนุ่มหวาน

เพียงเท่านั้นข้าก็รีบค้นเอาหนังสือเล่มโปรดเล่มเดียว ที่ขอยืมขาดมาจากห้องสมุดมหาวิทยาลัยแห่งสหราชอาณาจักรโอเดเทล ซึ่งข้าเปิดหน้าที่คั่นเอาไว้เฝ้าดูตลอดเวลาหลายปีให้นางดู

ภาพสตรีลึกลับที่กำลังถวายความภักดีแด่มหาบุรุษมิคาเอล

?ข้ากำลังหาความจริงเกี่ยวกับหล่อนคนนี้ หล่อนเป็นใครรู้มั้ยขอรับ? ข้าถามในบัดดล

นางรับหนังสือไปมองดูด้วยดวงตาประหลาดที่ข้าต้องแปลกใจ ปลายนิ้วที่สัมผัสปลายคางของข้าเมื่อครู่ ไล้บนดวงพระพักตร์ของสมเด็จพระรามาธิบดีมิคาเอลอย่างอาลัยรัก

?มิคาเอลเอย... ข้ามิได้พบท่านมานานเพียงใดแล้วหนอ บนโลกสวรรค์แห่งนั้นท่านเป็นเช่นใดบ้าง? จักรพรรดินีแห่งรัตติกาล กล่าวด้วยเสียงเศร้าสลดอย่างสุดซึ้ง

เวลาผ่านไปสักครู่พร้อมกับความเงียบสงบคล้ายกำลังไว้อาลัยแด่ผู้จากไป ข้านิ่งสัมผัสบรรยากาศนั้นด้วยหัวใจที่หดหู่ ก่อนบรรยากาศทั้งหมดจะกลับคืนสู่ปกติคือ อัดแน่นด้วยแรงกดดัน เมื่อร่างบางในอาภรณ์สีดำสูงค่าตรงหน้ายืดตัวตรงแล้วคืนหนังสือให้ข้า

?สิ่งที่ข้ามอบให้เจ้าได้มีสองอย่าง อย่างแรก สกุลของข้าคือ นีโอเลียส อย่างที่สองคือ ความจริงที่ไม่อาจเป็นไปได้ ประวัติศาสตร์ที่ถูกละเลยไปด้วยความจงใจ ภายใต้ความปรารถนาของผู้เป็นเจ้าของเรื่องราว? แล้วนางก็ชี้ไปทางตะวันตก

?ทิศนั้นเจ้าจะได้พบคำตอบของเรื่องราวทั้งหมด ที่เหลืออยู่ที่เจ้าแล้วว่า จะเขียนมันออกมาให้ดีและใกล้ความจริงมากแค่ไหน อีกสี่ปีข้าจะกลับมาพบกับเจ้าอีกครั้ง?

แล้วจักรพรรดินีแห่งโลกมืดก็หันกายเยื่องระยาทออกไปจากร้านเหล้านั้น โดยมิได้หันกลับมาทอดมองข้าผู้นิ่งตะลึงอีกเลย

ความทรงจำในครั้งนั้นฝั่งแน่นจนมิอาจลบได้แม้ยามหลับตาลง นั่นทำให้ข้าต้องรีบเก็บข้าวของออกเดินทางไปตามทิศทางที่นางผู้นั้นบอก มันเป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่ข้าออกจากคาล์เทเลย์อันถือเป็นบ้านหลังที่สอง ตลอดการเดินทางนั้นข้าพยายามอย่างยิ่งที่จะค้นหาคำตอบของเรื่องราวทั้งหมด โดยอาศัยเบาะแสจากคำพูดของจักรพรรดินีผู้นั้น

ข้าค่อยๆ ค้นพบคำตอบของเรื่องราวต่างๆ ทีละน้อย...ทีละเรื่อง แต่ละเรื่องล้วนแล้วแต่ทำให้ข้าตกตะลึงอย่างที่สุด และไม่มีเรื่องใดที่จะทำให้ข้ารู้สึกยินดีได้เลยสักเรื่อง เพราะแต่ละเรื่องที่ข้าคนพบนั้นล้วนแล้วแต่แสนเศร้าอย่างยิ่งยวด

หลังจากเวลาสองปีในการรวบรวมข้อมูลจากที่ต่างๆ ตามเส้นทางที่เดินทางผ่านไป และเวลาอีกสองปีในการเรียงร้อยเรื่องราวเหล่านั้นเข้าเป็นเรื่องเดียว มันเป็นการเขียนที่ยากลำบากและหนักอึ้งในทุกตัวอักษร หยาดน้ำตาแทบหลั่งไหลเมื่อข้าต้องนึกถึงความรู้สึกของคนผู้นั้น แต่สุดท้ายข้าก็เขียนเรื่องราวทั้งหมดจนเสร็จสิ้น... เรื่องของมหาบุรุษมิคาเอลในอีกด้านมุม... มุมของสตรีผู้ลึกลับผู้นั้น

?จบแล้วรึ?

เสียงหวานนุ่มที่จากหายไปนานถึงสี่ปีดังขึ้นจากเบื้อง ข้าสะดุ้งหันกลับไปมองร่างบางในอาภรณ์สีดำตัดแดงอันงดงามด้วยความแปลกใจ จักรพรรดินีแห่งรัตติกาลยืนอยู่หน้าบานประตู ที่ลงดาลอย่างแน่นหนาแล้วของข้าพร้อมรอยยิ้ม ข้าทั้งตะลึงทั้งประหลาดใจว่าทำไมนางจึงเข้ามาได้โดยไม่รู้ตัวสักนิด

?ข้ามาพบเจ้าตามสัญญาเมื่อสี่ปีก่อน?

นางบอกพลางเดินเข้ามาใกล้ มือขาวถูกยื่นออกมาคล้ายต้องการขอสิ่งใดจากข้า

?ขอดูหนังสือหน่อยสิ?

สองมืออันสั่นเทาของข้าเอื้อมไปหยิบหนังสือที่เพิ่งเขียนเสร็จใหม่ๆ ให้แก่นาง สองตาก็ทอดมองหญิงสาวผู้งดงามคนนั้นเปิดหนังสือในมือเงียบๆ ความรู้สึกเป็นสุขอันบอกไม่ถูกบังเกิดขึ้นเมื่อได้เห็นรอยยิ้มบนเรียวปากงามตรงหน้า เธอช่างสวยจริงๆ จะหาหญิงใดมาสวยเท่านางได้อีกมั้ย แม้แต่พระราชินีผู้เคียงบัลลังก์พระมหากษัตริย์ผู้ครองภพก็ยังไม่เทียบเลยกระมัง

?อ่านให้ฟังหน่อยสิ? นางเอ่ยขึ้นอีกครั้ง

?อ่านหรือขอรับ? ข้าทวนพลางกลืนน้ำลายข่มความหวั่นเกรง

?ใช่...อ่าน ถึงจะเป็นคนชอบอ่าน แต่ข้าอยากฟังเสียงของคนที่เขียนเรื่องนี้มากกว่า? จักรพรรดินีแห่งรัตติกาลบอก พร้อมคืนหนังสือให้ ?จงนั่งลงบนเก้าอี้นั้นแล้วอ่านสิ่งที่เจ้าเขียนให้ข้าฟัง ข้าจักฟังทุกคำพูดของเจ้ามิให้ขาดไปแม้แต่คำเดียว?

ข้ากลืนน้ำลายอีกครา... เป็นครั้งแรกที่รู้สึกหวาดกลัวและตื่นเต้นในคราวเดียวกัน ความรู้สึกที่หายไปนานับจากออกมาจากมหาวิทยาลัย มันกลับมาอีกครั้งเมื่อต้องอ่านเรื่องราวที่เขียนดังวรรณกรรมให้แก่จักรพรรดินีแห่งร
ัตติกาลได้รับฟัง

กระนั้นเรียวปากอันแห้งผากของข้าก็ยังอ่านเอ่ยคำอักษราออกไป...



????????????????????

จันทราขอฝากตัวด้วยค่ะ

ภาพประจำตัวสมาชิก
Horae
โพสต์: 5
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ 18 มิ.ย. 2007 12:41 pm
ที่อยู่: โหลแก้วที่มีน้ำปริ่ม
ติดต่อ:

โพสต์ โดย Horae »

น่าสนุกดีงับ อยากอ่านต่อ

พี่จันทรามาต่อเร็วๆนะค้า >w<
ดวงดาว กระจ้อย กระจอก
ใครบอก โดดเด่น เพียงไหน
หาญสู้ จันทรา หรือไร
ผู้ใด จะหมาย เพียงดาว

ตอบกลับโพส

ย้อนกลับไปยัง “ก้าวแรก(สู่นักเขียนมืออาชีพ)”